ปัจจัยห้า ที่หลายคนแสวงหาท่ามกลางความเดือดร้อนของผู้อื่น


กรณีศึกษา: เป็นข้อเท็จจริงแต่เพื่อปกป้องสิทธิส่วนบุคคล ขอสงวนสิทธิ์ในการระบุข้อมูลบางอย่าง


    เสียงสะท้อนเบาๆ ภาพนี้อาจตีความได้หลากหลาย แต่ผู้เขียนขอตีความตามที่ประมวลข้อมูลทั้งหมดว่า .... พฤติกรรมนี้คาดว่าจะเป็นเจ้าของรถยนต์หรือบุคคลถูกมอบหมายมา (ตามภาพ คนแปลกหน้า คนไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักและไม่เคยสนทนาด้วย แต่มายืนอยู่หน้าบ้าน บางครั้งยามเช้าบางทียามวิกาลกลางดึกนานๆ เช็ดทำความสะอาดรถร่วมสามถึงสี่ชั่วโมงซึ่งผิดวิสัยธรรมดาคนในซอยก็ต้องตั้งข้อสงสัย) คนมีกำลังทรัพย์ที่จะซื้อรถยนต์ราคาหลักล้าน แต่ที่ยังไม่สามารถมาหาที่จอดรถได้ที่จะดูแลรักษาสภาพรถตนเองให้ดีได้ ทนปล่อยให้ตากแดดตากฝน และฝุ่นผงที่เยอะมาก อย่างนี้มีรถไว้ทำไม (หรือว่าเป็นเจ้าของรถมือใหม่ ขาดประสบการณ์ เป็นรถเถื่อน รถติดจำนอง หรือ ฯลฯ)

      หากที่ญี่ปุ่นคงทำไม่ได้และคงไม่ทำกัน จะไม่มีสิทธิ์ซื้อครอบครองรถหากยังไม่มีที่จอดรถหรือมีสัญญาเช่าที่จอดรถ ครอบครัวแต่ละครัวเรือนสามารถครอบครองรถยนต์ได้กี่คันควรมีกฎหมายควบคุม  และพฤติกรรมเจ้าของรถคันนี้มาจอดรถในที่สาธารณะลักษณะตรงนี้ (ซึ่งบางทีอาจย้ายมาจากที่อื่นๆ เพราะเวียนไปมาหลายที่เลยมาจับจองแบบไม่ยอมให้ใครแย่งเพราะที่นี่สงบปลอดภัยคนมีมารยาทดี) โดยปกติคนทั่วไปไม่อยากมีเรื่องกับคนอื่นโดยไม่จำเป็นจริงๆ แต่พฤติกรรมการมายึดครองโดยไม่ให้คนอื่นๆได้ใช้งานเลย เพราะตั้งแต่สังเกตมาจอดนับเดือน มันเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือเปล่า ตรงนี้คือธรรมเนียมปฏิบัติของสังคมคนเมือง คนไทย มักได้ยินและเห็นข่าวที่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ด้วยเรื่องที่จอดรถก็คงด้วยเหตุผลนี้ ทั้งๆที่หน้าบ้านตัวเองควรมีสิทธิ์ ก็ไม่สามารถจอดรถ หรือบางทีกลับมีรถคันอื่น หรือรถเพื่อนบ้าน มาจอดกีดขวาง บางรายจะประนีประนอมกันไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาแบบคนป่าคนเถื่อนทะเลาะมีปากเสียง ที่ร้ายสุดคือการฆ่ากันตีรันฟันแทง ก็คงจะเข้าใจตามเหตุผลนี้กระมัง นั่นคือ “ความเห็นแก่ตัว”

      หากมองอีกมุมอาจจะดีถ้าบ้านที่ไม่มีรถเลยไม่ต้องคอยจับจองหาที่จอดรถแบบหลายคนทำกัน แต่ในซอยนี้หากเวลาจำเป็นฉุกเฉิน มีใครจะไปจะมาหาก็ต้องเฝ้ารอที่ว่างหาที่จอดรถในซอยบ้านตนเองก็เวียนหัวจริงๆ ยามคับขันหาที่จอดไม่ได้คงต้องไปเช่าที่โรงแรมแบบฝากค้างแรมคืนละ150฿ ซึ่งตอนนี้โรงแรมก็กำลังทุบทิ้ง  สังคมไทย สังคมเมืองหลวงกทม. มันน่าหดหู่เพิ่มมากขึ้นจริงๆ ซอยนี้เมื่อราว 30ปีก่อนเคยมีความสุข เคยมีประธานและคณะกรรมการหมู่บ้าน และงานประจำปี มีงานปีใหม่ นิมนต์พระมาทำบุญใส่บาตรในหมู่บ้าน เคยมีจ้างยามรปภ.กั้นไม้ทางเข้าออกหมู่บ้าน ทุกคนมีระเบียบ เป็นอะไรที่ได้มาตรฐานมากในสมัยนั้น แต่หลังประธานหมู่บ้านเสียชีวิต เมื่อราว30ปีก่อน ทุกอย่างเปลี่ยนไป ไม่มีการสานต่อ ไม่มีคณะกรรมการหมู่บ้าน ไม่มีการจัดการเหมือนสมัยก่อน ด้วยเหตุผลใดไม่แน่นชัด จนทำให้ถนนสาธารณะในหมู่บ้านถูกกำหนดให้เป็นซอยเดินรถทางเดียววันเวย์โดยใครไม่ทราบ มีป้ายการจราจรของทางราชการมาติดตามเสาไฟฟ้า ด้วยเพราะมีคนฐานะเข้ามาสร้างอพาร์ทเมนท์ต้นซอยใหญ่โตสมัยนั้นใครๆก็รู้จัก โดยไม่สร้างที่จอดรถบริเวณชั้นล่างอาคาร (ซึ่งหากปัจจุบันคงทำไม่ได้) ไม่ยอมทำที่จอดรถผู้พักอาศัยยังไม่พอกลับยังหาผลประโยชน์ยึดพื้นที่ด้านหน้าชั้นล่างของตนและขยายเกินเลยมาพื้นที่ถนนสาธารณะ แบ่งซอยเป็นเช่าที่จอดรถเดือนละ 1200- 1,500 บาท /คัน หารายได้เพิ่มทุกช่องทาง คนที่มาขอเช่าจอดรถก็เป็นคนนอกไม่ใช่คนพักในอพาร์ทเมนท์ มีการเอากำแพงรั้วเหล็กมีล้อเข็น กรวยแดง ตั้งกีดขวางถนนสาธารณะ และขึ้นป้ายว่าห้ามคนนอกจอดรถหน้าอพาร์ทเมนท์ หากฝ่าฝืนจะล็อคล้อ จะปรับเงิน OMG !!! ทำเองได้
     ตกลงเป็นขบวนการมืดหรือเปล่า เลยทำให้ประชาชนในซอยนี้เครียดหนักมากขึ้นมีปากเสียงกันบ้างกับเจ้าของอพาร์ทเมนท์ เหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแปกฎหมายคุ้มครองไม่ได้ สมัยนั้นลุงจำลอง ศรีเมืองเป็นผู้ว่ากทม.ท่านมอบหมายให้ที่ปรึกษาเครือวัลย์ สมณะและทีมผู้ว่ากทม.มาตรวจสอบแล้ว ลงข่าวนสพ. ไทยรัฐ แต่ด้วยเพราะมีช่องโหว่ทางกฎหมายประชาชนในซอยสู้ไม่ได้เลยตกไป ความถูกต้องจรรยาบรรณในการประกอบกิจการทำอะไรไม่ได้ เล่นงานคนมีฐานะมีอำนาจที่ขาดจริยธรรมไม่ได้ หน้าบ้านตนเองควรต้องมีสิทธิ์จอดรถแต่ทำไมจอดไม่ได้ ในหลายๆหมู่บ้านยังมีการจอดรถได้วันคี่วันคู่สลับฝั่งกัน เพื่อความเท่าเทียม ควรเอากฎหมายอะไร พรบ. รัฐธรรมนูญ มาตราไหน มาปรับแก้ไขกัน เพื่อคืนความสุขให้ประชาชน

      ต่อเนื่องกันขยับเข้ามาในซอยเลยอพาร์ทเมนท์นี้ ก็มีคนนอกจะฉวยโอกาสเอารถมาจอดเต็มไปหมด ที่จอดรถถนนสาธารณะกลายเป็นของคนที่ไม่ใช่ในซอย กลับเป็นคนอื่นๆทั้งนั้นเลย ยิ่งช่วงบูมเปิดประเทศเอาใจมีคนจีนคนต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ซอยอื่นแห่เข้ามาจอดกันมาฝากค้างแรมเลยแบบฟรีๆ โดยไม่เกรงใจ

      สุดซอยบ้านลึกเข้าไปกำลังมีโครงการจะสร้างคอนโดหรู ชาวฮ่องกง ชาวจีน ราว 600 ห้อง จากรายงานของเจ้าของโครงการที่แจ้งให้ที่ปรึกษาไก่ (อรพินท์ เพชรทัด) ตัวแทนผู้ว่ากทม.และคณะฯ บอกเตรียมสร้างที่จอดรถเพียง 200คัน ที่เหลือก็คิดเอาเองแย่งกันจอดในซอยกระมัง โครงการฯหากจะประเมินราคาหลักพันล้าน ตอนนี้ที่กำลังเป็นคดี EIA มีท่านผู้ว่ากทม. รับเรื่อง และผอ.สำนักงานเขตเพิ่งเข้าย้ายมารับตำแหน่งใหม่ก็รับทราบปัญหา ประชาชนในซอยกว่า100ครัวเรือนพร้อมใจกันไปฟ้องร้อง เพราะคนในพื้นที่อาศัยกันมาก่อนเกือบครึ่งศตวรรษคนใหม่มาบุกรุกแบบเห็นแก่ตัว แม้โครงการได้ถูกระงับหยุดพักไป 2-3 เดือนแล้ว แต่ในเมื่อนักธุรกิจลงทุนไปแล้ว คงไม่ยอมถอยแน่นอน รออีกสักพักอัดฉีดน้ำยาเต็มที่โครงการฯคงจะเดินต่อกระมัง  แต่ในที่ประชุมวันที่ ๑๘ กันยายน ๖๒ ที่สนง.เขต ในวันนั้นฟังมาว่าคนในซอยรวมตัวกันว่าจ้างทนายความ ทุกคนพร้อมใจยกมือต่อต้านและส่งเสียงบอกเอาในถึงที่สุดจะฟ้องศาลในยกเลิกโครงการฯ ผู้เขียนนึกในใจ จะเป็นไปได้ฤา ในเมื่อนักธุรกิจระดับชาติลงทุนไปแล้ว  เจ้าหน้าที่ของสนง. เขตฯ ใครๆรับรู้ว่าก็ช่วยปกป้องนักลงทุน สส.ในพื้นที่ก็เงียบหายไปไม่มาร่วมประชุมฯช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนที่เดือดร้อนครั้งนี้ ก็คงเป็นบทเรียนให้คนในซอยต่างบอกเสียใจมากสมัยหน้าคงไม่สนับสนุนอีกแล้ว

        ท้ายสุดผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรก็เป็นไปตามกรรม ต่อไปนี้คงจะมีมาตราการจัดระเบียบในซอยกันใหม่ คนที่อาศัยเดิมก็ถิ่นฐานย้ายออกไปขายที่ดินขายบ้านออกไปชานเมือง ต่างจังหวัด ให้ผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งคนไทยเทศมาสร้างตึกอาคาร คฤหาสน์ สำนักงาน โรงงานและโกดังสินค้ากัน จากที่อยู่อาศัยก็เป็นที่สถานประกอบการ ยุคสมัยเปลี่ยนไปโจรกรรมอาชญากรรมลดลง คงเพราะมีคนจีนคนเทศคนนอกพลุกพล่านวิ่งรถไปมาตลอดวันตลอดคืน เสียอย่างเดียวที่ยังเหมือนเดิมคือรถขยะจากสนง.เขตที่ไม่ยอมเข้ามาบ่อยๆ ไม่มีกำหนดวันตามตัว จะเข้ามาไม่แน่นอนนานสุดสิบวันมาครั้งหนึ่ง หากไวสุดก็สามถึงสี่วันเข้ามา ทุกครั้งอยากยกมือไหว้ขอบคุณเพราะเข้ามาช่วยเก็บของเน่าขยะไปให้ หากเดินไป สนง.เขตฯ ราวสามนาทีก็ถึงแล้วแต่รถขยะกลับมาเข้ามาในซอยไม่ง่ายๆไม่บ่อย วันนั้นที่ประชุมฯ ได้ร้องเรียนกับผอ.เขตท่านใหม่ ท่านบอกจะจัดการให้ ก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ท่านรับปากว่าจะต้องเข้ามาเก็บขยะให้ทุกวันหรืออย่างน้อยวันเว้นวัน แต่ไม่เคยมาจริงๆเลย ผู้เขียนบอกว่าพวกเราจ่ายค่าบำรุงค่าเก็บขยะทุกเดือนทุกปีทำไมถึงได้รับการดูแลแบบนี้

        นิทานเรื่องนี้ เตือนสติให้พึงสำนึกว่า ความเห็นแก่ตัว ทำให้คนเรามองไม่เห็นจิตวิญญาณของความเห็นแก่ส่วนรวม ประเทศไทยจะเจริญได้อย่างไรหากพื้นฐานจิตสำนึกของการรับผิดชอบต่อประโยชน์สาธารณะบกพร่องแล้ว มันก็คือคนไทยป่วยเป็นโรคต่อมรับรู้การเป็นคนดี บางคนคงป่วยหนัก บางคนอัมพาต และหลายคนพิการ อนาคตหากผู้เขียนสอบได้ใบประกอบวิชาชีพสาขาเวชกรรมไทยเพิ่มมา ผู้เขียนควรจ่ายยาอะไรรักษาให้คนเหล่านี้จะได้หายป่วย แต่จะใช้สิทธิ์บัตรทองสามสิบบาทคงช่วยไม่ได้แน่นอน ......

        ปล., ระยะนี้ชาวจีน ผู้ประกอบการจีนที่บูมเข้ามาได้ลดหายไปหมด น่าจะอยู่แบบผิดกฎหมาย ไม่มีวีซ่าทำงานคงถูกเชิญกลับประเทศไปก่อนสักพักค่อยมาใหม่ ช่วงนี้ขึ้นป้ายห้องเช่าตึกว่างเพียบ ผู้เขียนเพิ่งได้ข้อมูลที่สงสัยมานาน ยกตัวอย่าง คุณยายวัย 90 ปี เป็นเพื่อนบ้านสมัย 38 ปีก่อน บุตรยอมขายทาวน์เฮ้าส์ที่อยู่มานาน ให้คนมีฐานะเพื่อให้คนจีนเช่าประกอบกิจการ บุตรได้เงินหลายล้านพาแม่วัยชราย้ายออกไปได้สองเดือน ยายก็ป่วยเสียชีวิต สาเหตุไม่ทราบแต่คนสูงวัยบั้นปลายชีวิต ต้องไปอยู่ไกลๆ ขาดเพื่อนบ้านเก่าแก่ที่ไปหามาสู่ทุกๆวัน ให้ไปอยู่ที่อื่นที่ไม่คุ้นเคยต้องปรับตัว กลางวันบุตรไปทำงาน จำเป็นต้องทิ้งแม่วัยชราอยู่บ้านคนเดียว คงเหงาตรอมใจและวัยชรามากแล้ว “เงินทองไม่สามารถซื้อความสุขความสบายได้ทุกอย่าง ความสบายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”  ขอบคุณข้อมูลจากหลายๆคนและคุณป้าเพื่อนบ้านในซอยได้เปิดใจเล่าให้ฟัง ตอนนี้ป้ามีฐานะดีขึ้นแล้ว ทาวน์เฮ้าส์ที่เคยเช่ามานานก็ซื้อผ่อนเอง ด้านหน้าให้คนจีนเช่าทำให้มีรายได้มาพักนึงแต่ตอนนี้ห้องว่างแล้วคนจีนหายไป คนจีนสกปรก คนจีนเสียง ฯลฯ ...  นั่นคงเพราะเป็นวัฒนธรรมข้ามชาติและการใช้ชีวิตในสังคม มารยาทที่ต่างกัน การจะอยู่ในสังคมที่หลากหลายทางวัฒนธรรมจะต้องมีกฎระเบียบข้อบังคับส่วนกลางเพื่อให้คนในสังคมนั้นอาศัยอยู่ได้อย่างสงบสุข ขอให้ความสุขคืนกลับมา


รวบรวมเรียบเรียง Dr. Ekataksin's 2019/10/05

คำสำคัญ (Tags): #ปัจจัยห้า
หมายเลขบันทึก: 670146เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2019 21:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม 2019 21:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท