คนไทยมักกินของหวานกินผลไม้ที่หวานมากล้างปากหลังอาหารคาวทุกมื้ออาหาร แถมกินน้ำผสมน้ำตาล เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม ชาเย็น โอเลี้ยง ฯลฯ แทนน้ำเปล่าในมื้ออาหาร จบมื้ออาหารก็ไม่กินน้ำเปล่าตาม หรือ ไม่บ้วนปาก/ล้างปากด้วยน้ำเปล่า เหตุการณ์ซ้ำเติมปัญหาด้านสุขภาพของคนเมืองอีกอย่างคือ ก่อนจะถึงมื้ออาหารถัดไป ไม่มีการดื่มน้ำเปล่ากันด้วย เพราะเกรงจะต้องอั้นปัสสาวะในขณะรถติดบนท้องถนนหรือขณะกำลังทำภาระกิจประจำวันที่ต่อเนื่องยาวนาน
ปัญหาแรกที่จะต้องเจอจากพฤติกรรมการกินข้างต้น คือ มีคราบบางๆของสารอาหารโดยเฉพาะแป้งกับน้ำตาลหลงเหลืออยู่ แป้งถูกย่อยเป็นน้ำตาล น้ำตาลจะถูกเชื้อแบคทีเรียในแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่ยึดติดบนผิวฟัน เปลี่ยนให้เป็นกรดอย่างรวดเร็ว และแผ่นคราบจุลินทรีย์นี้จะเป็นแหล่งให้เกิดกรดมาสัมผัสกับตัวฟันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทำให้ฟันถูกกัดกร่อนทำลายเป็นรูผุ ฟันจะผุกร่อนเร็วกว่าคนที่กินน้ำเปล่าหรือกินข้าวเสร็จแล้วบ้วนปากล้างปาก
ปัญหาประการต่อมาคือเมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำต่อเนื่องยาวนานบ่อยขึ้น ความข้นหนืดของเลือดเสียสมดุลย์ เลือดจะข้นหนืดกว่าปกติที่ควรจะเป็น รบกวนต่อระบบไหลเวียนโลหิต เลือดไหลผ่านเส้นเลือดฝอยยากขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น และเมื่อการได้รับน้ำตาลที่ได้มาจากคาร์โบไฮเดรต-น้ำตาลธรรมชาติจากผลไม้-น้ำตาลทรายน้ำตาลสังเคราะห์จากเครื่องดื่มต่อวันในปริมาณที่สูงสะสมต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองอักเสบ-ตีบ-อุดตัน-แตก-เลือดออกในสมอง (Stroke) ด้วย
วิธีแก้ไขง่ายๆที่หลายท่านอาจจะมองข้ามไป คือ ช่วง 4-6 ชั่วโมงก่อนที่จะกินอาหารมื้อถัดไป ให้ฝึกจิบน้ำบ่อยๆ หรือ กินน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ตอนแรกๆอาจมีปัญหาต่อการปัสสาวะที่ถี่มากขึ้นกว่าเดิม อาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันบ้างซึ่งก็แก้ได้ด้วยการวางแผนเพื่อเผื่อเวลาในการเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น ในเวลาไม่นานนัก ทุกอย่างก็จะกลับมาเข้าที่เข้าทาง ไม่รบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
เริ่มเสียแต่วันนี้ เพื่อรักษาฟันให้อยู่กับท่านให้นานมากขึ้น แถมเลือดไม่ข้นไม่หนืด ดีต่อสุขภาพโดยรวมด้วย
ไม่มีความเห็น