๓) การจัดการผลประโยชน์จากกัญชาเสรีทางการแพทย์ จะมีการบริหารจัดการผลประโยชน์และคุณค่ามหาศาลของกัญชา เพื่อตอบสนองประชาชนและประเทศชาติโดยรวมได้อย่างไร โดยเฉพาะประเด็นการผูกขาดผลประโยชน์จากพืชกัญชาทางธุรกิจของระบอบทุนนิยมขนาดใหญ่ทั้งภายในประเทศและสังคมโลก ซึ่งเป็นอีกประเด็นสำคัญต่อความท้าทายอำนาจของรัฐ อำนาจของทุน และอำนาจของประชาชน เนื่องจากยิ่งพืชกัญชามีคุณประโยชน์อย่างมหาศาลมากเท่าใด ความต้องการในการผูกขาดผลประโยชน์ของนายทุนย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งผลประโยชน์ผูกขาดโดยระบอบทุนนิยมนี่เอง ที่จะขัดแย้งกับหลักการและสิทธิการเข้าถึงยากัญชาเพื่อการบำบัดรักษาโรคของผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปอย่างเสรี เพราะการผูกขาดทางธุรกิจย่อมหมายถึงการจำกัดสิทธิของประชาชนตามไปด้วย ซึ่งประเด็นนี้สังคมจะมีทางออกที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างไร
๔) การจัดการระบบการเข้าถึงสิทธิในการใช้ยากัญชา หากมีข้อมูลความรู้ ที่เกี่ยวกับประโยชน์หรือคุณค่าของพืชกัญชาในการบำบัดรักษาโรค และลดความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยที่ชัดเจนแล้ว จำเป็นต้องมีการหารือถกแถลงเพื่อนำไปสู่การนำประโยชน์หรือคุณค่าของพืชกัญชาหรือยากัญชา เข้าไปสู่บัญชียาหลักของประเทศ เพื่อให้ผู้ป่วยหรือประชาชนโดยรวมสามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาโรคด้วยยาที่มีพืชกัญชาปรุงผสมอยู่ด้วยตามสิทธิประกันสุขภาพที่มีอยู่ในสังคมไทย จะต้องมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นหลักประกันให้กับประชาชนว่า สามารถเข้าถึงและใช้ยาเพื่อการบำบัดโรคได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยไม่ต้องเสียชีวิตหรือล้มละลายจากการเจ็บป่วยเนื่องจากการเข้าไม่ถึงยาหรือไม่สามารถหาซื้อยาที่มีพืชกัญชาปรุงผสมอยู่ได้ หากผลประโยชน์นี้เข้าไปสู่การผูกขาดโดยนายทุน
๕) การจัดการผลกระทบทางสังคมต่อกรณีกัญชาเสรีทางการแพทย์ หากสังคมเห็นร่วมกันว่า กัญชาเป็นพืชยาสามัญประจำบ้านที่มีการปลูกและใช้เพื่อการบำบัดรักษาโรคได้อย่างเสรี แต่ขณะเดียวกันคุณประโยชน์ของกัญชาก็แฝงไปด้วยโทษเช่นเดียวกัน จะมีการกำหนดระบบกลไกการควบคุมดูแลตลอดทั้งกระบวนการ ไม่ให้มีการนำกัญชาไปใช้เพื่อสันทนาการได้อย่างเสรีได้อย่างไร จะมีแนวทางในการสื่อสารทำความเข้าใจให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และรู้เท่าทันต่อคุณประโยชน์และโทษของพืชกัญชาได้อย่างไร เพื่อจะทำให้พืชกัญชาส่งผลกระทบต่อปัญหาสังคมที่ตามมามีน้อยที่สุดและเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมของสังคมมากที่สุด
ผู้เขียนเชื่อว่า การเปิดพื้นที่สาธารณะให้มีการถกเถียงโต้ตอบกันในมิติและประเด็นต่าง ๆ ในสังคม จะเป็นการขยายความเข้าใจต่อประเด็นปัญหาทางสังคมในมิติมุมมองที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้น หรือแม้กระทั่งอาจจะนำไปสู่การตื่นจากความหลงทิศผิดทางและการครอบงำสังคมต่อกรณีคุณค่าของกัญชาที่มีต่อมนุษย์และสังคมมาช้านาน อันจะนำไปสู่การปลดปล่อยให้ประชาชนมีความเป็นอิสระจากการกดทับใด ๆ และเมื่อปัจเจกบุคคล หรือสังคมมีความเป็นอิสระ มีพื้นที่ในการถกเถียงโต้ตอบสื่อสารแสดงความคิดเห็นมากขึ้นอย่างเสรีบนฐานความรู้และความเป็นจริงที่หลากหลาย จะส่งผลให้ประชาชนและสังคมมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ เท่าทันต่อสถานการณ์และปรากฏการณ์ทางสังคมที่เข้ามาและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงสามารถปรับตัว แสวงหาความรู้เพื่อจัดการความสัมพันธ์ทางสังคมในมิติต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทในสังคมปัจจุบันและอนาคต เมื่อนั้น กระบวนทัศน์ของความรู้กระแสหลักที่กดทับความรู้ที่หลากหลาย แตกต่างของคนและสังคม ทั้งกระบวนทัศน์เชิงอำนาจของรัฐ ในการควบคุมคนและสังคม และกระบวนทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับระบอบทุนนิยม ในการครอบงำสังคมก็จะลดน้อยถอยลงไปด้วย และจะนำประชาชนไปสู่สังคมรอบรู้ด้านสุขภาพ และการมีสุขภาวะที่มีดุลยภาพอย่างแท้จริง
นภินทร ศิริไทย
ไม่มีความเห็น