การจับโกหก TRUST OR LIAR
Cluster กลุ่มการแสดงออกภาษาทางกาย ซึ่งทำให้เราเข้าใจ รับรู้ได้ ตระหนักหยั่งรู้สึกได้ว่า กริยาที่เขาแสดงออกนั้น บ่งบอกถึง อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ที่ตัวของเขามีในขณะนั้น ต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว คน สิ่งของ เรื่องราว เหตุการณ์นั้น ๆ มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกที่เขาแสดงออก เป็นอารมณ์ในกลุ่มใด ทางบวก (พึงพอใจ ชอบ สมหวัง ดีใจ มีส่วนร่วมเป็นมิตร สนุกสนาน) หรือ ทางลบ (ไม่พอใจ ผิดหวัง ไม่ชอบ หงุดหงิด รำคาญ เครียด วิตกกังวล กลัว โกรธโมโห ก้าวร้าว เศร้าเสียใจ ลำบากใจอึดอัด กระวนกระวาย รู้สึกผิด) ซึ่งทำให้เราสามารถจำแนกแยกแยะได้ถูกต้องแม่นยำได้ ก็ต้องอาศัยการสังเกต และการประเมินผล จากประสบการณ์ในการอ่านพฤติกรรมคนจากภาษาทางกาย กับภาษาทางใบหน้า และภาษาพูด ในการประกอบการตัดสินว่า คนนั้นมีความน่าเชื่อถือได้ไหม หรือ กำลังโกหกเราอยู่
กริยาอาการที่แสดงออกมา มีสิ่งใดที่ผิดปกติ มีพิรุธ แตกต่างไป ไม่สอดคล้องกับ กลุ่มอารมณ์หลักของเขา แต่มีการรั่วไหล หลุดรอด(Leakage) ของอารมณ์ปลีกย่อย (Subtle or Micro Expression) ของกริยา ที่บ่งบอกถึง เจตนาทัศนคติที่แท้จริงของขา ออกมาให้เราได้เห็น ชั่วแว๊บเดียว เศษเสี้ยววินาที ที่ไม่สอดคล้องกับการแสดงออกทางภาษากาย ยกตัวอย่างเช่น กำลังรับฟังเรื่องราวในระหว่างการประชุม เขาก็ตั้งใจฟัง และ พยักหน้าเป็นระยะ แสดงถึงการรับฟังอย่างตั้งใจ เข้าใจ และเห็นด้วย แต่ก็มีการแสดงกริยาไม่สอดคล้อง คือ ขยับที่มุมปากข้างหนึ่ง ให้เห็น ซึ่งแสดงว่า ไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย กับสิ่งที่ได้ยินเรื่องราวนั้น เป็นต้น มีความขัดกัน แตกต่างจากการแสดงออกหลักที่รับฟังและเห็นด้วย
(Congruency ความสอดคล้องเป็นเรื่องเดียวกัน) Lying or Trustworthy โกหก หรือ เชื่อถือไว้วางใจได้
ความสอดคล้องตรงกันเป็นเรื่องเดียวกัน ของภาษาทางกาย ภาษาทางใบหน้า และ ภาษาที่เป็นคำพูด เหมือนการดูภาพยนต์ที่เล่าเรื่องราวหนึ่ง ที่ตื่นเต้น แต่เพลงทำนองประกอบ เป็นจังหวะช้า เศร้า นั้นไม่ตรงกับอารมณ์ของหนังนั้น ไม่มีความสอดคล้องต้องกัน ขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่เป็นเรื่องเดียวกัน ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่เข้าพวกกลุ่ม Cluster การแสดงอารมณ์หลัก มีบางอย่างผิดปกติมีพิรุธ Something Wrong ที่แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
เกิดจากความคับข้องใจ ไม่สบายใจ ไม่ปลอดภัย ไม่ชอบ ไม่พอใจ หงุดหงิดรำคาญ กระวนกระวายใจ กังวล ลำบากใจ อันเนื่องจากการปรับตัวที่เกิดจากความตึงเครียดทางอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติที่เขามีต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวในขณะนั้น ๆ เป็นการปรับตัว ปรับความสมดุล เพื่อบรรเทาผ่อนคลาย ให้หายจากความตึงเครียด ด้วยการเปลี่ยนท่าทาง หรือแสดงออกเพื่อบรรเทาความคับข้องใจ (frustration) เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ได้ระบาย พลังงานส่วนเกินเหลือล้นออกไป ทำให้เขาสบายขึ้น กลับเข้าสู่สภาวะปกติได้อีกครั้ง
การปรับสมดุลนั้น เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเป็นการทำงาน สั่งงานด้วยสมอง เพื่อป้องกันตนเอง ปรับให้สมดุลทั้งทางร่างกายและจิตใจ บางครั้งกริยาอาการบางอย่างก็ไม่เกี่ยวข้อง ไม่สอดคล้องกับการแสดงออกอารมณ์หลักของเขา
ความเครียด เก็บกด ฝืนไว้ บังคับ ปราบไม่ให้แสดงออกมา แต่มีความกดดัน เก็บกด พลังไว้ภายในจิตใจและร่างกายมากเกินไป สมองก็จะสั่งงานให้ผลักดัน ขับความเก็บกด ความเครียด ระบายมันออกมา เพื่อบรรเทา ระบายความเครียด ผ่านทางกริยาพฤติกรรมที่ไม่ปกติออกมา เพื่อปรับความสมดุลของจิตใจและร่างกายออกมา ให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความผิดแปลกแตกต่างและไม่สอดคล้องของการกระทำนั้นจากความผิดแตกต่างจากสภาวะในยามปกติ
อารมณ์ที่แสดงออกมาจากความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของเขา ที่เขาพยายามปกปิดห้ามปราบไม่ให้แสดงออกมา แต่จะหลุดรอดกริยาออกมาให้เห็นในความแตกต่างจากพฤติกรรมที่เป็นปกติที่เขาพยายามแสร้งแกล้งทำให้ดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่จะหลุดรั่วไหลให้เห็นในความไม่สอดคล้องไม่เข้ากัน เป็นคนละเรื่องกับที่เขาแสดงออกมาอย่างชัดเจน
หน้าผาก คิ้ว ดวงตา จมูก ปาก และ การออกไม้ออกมือประกอบระหว่างการสนทนา Negative Body Language
ไม่มีความเห็น