@chokdeemeechai
วิชาชีวิตเพื่อความมั่นคงทางจิตใจ โชคชัย คงบวรเกียรติ

อ่านจุดประสงค์เจตนาที่แท้จริงของคนให้ออก5 ตอน การสบสายตา Eyes Contact และ การจับโกหกที่ตา Lying Eyes


การสบสายตา Eyes Contact

    Long Eyes Contact

  • การสบสายตาเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน แสดงความสนใจในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดอย่างเอาใจใส่
  • สบสายตาเวลานาน และทำตาโตบ๋องแบ๋ว จ้องมองแล้วหลบสายตามองต่ำ แล้วกลับมามองขึ้นอีกครั้งเป็นการแสดงการมองแบบท่าทีเขินอาย เอียงอาย ยิ้มเล็กน้อย แปลว่า เธอหรือเขา กำลังสนใจคุณอยู่
  • การจ้องมองเป็นเวลานาน โดยไม่ละสายตา จ้องเขม็ง ไม่กระพริบตา ตาดำขยายใหญ่ และหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง หมายถึง การแสดงอำนาจ คุกคาม การจ้องมองคู่แข่งเพื่อให้เขายอมจำนน หรือยอมแพ้
  • การจ้องเป็นเวลานาน ทำให้อึดอัด เพื่อการลดความตึงเครียด โดยการมองที่ดั้งจมูก หรือมองที่ใต้ดวงตาของคู่สนทนา ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับการยังคงมองที่ดวงตาของเขา
  • บางครั้งผู้โกหก รู้ว่า การหลบสายตามองต่ำ เป็นสัญญาณบ่งบอกการโกหก จึงทดแทน ชดเชยเกิดนจริง ด้วยการสบสายตาโดยไม่กระพริบตา เป็นระยะเวาลานานกว่าปกติมากแทน และอาจจะยิ้มให้ด้วยปาก แต่ดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้ม หรือไม่มีความรู้สึกแบบนั้นในดวงตา เพราะมันเป็นการยากมากที่ดวงตาจะโกหกเรา เขาจะดูเหมือนฝืนบังคับตนเองให้กระทำอยู่

                Staring การถลึงตา จ้องเขม็ง ทำตาจ้องมองไม่กระพริบตา และตาดำโตขึ้น เปิดเหลือกตาก้ว้างขึ้น แต่ไม่ยกคิ้ว หมายถึง การคุกคาม ก้าวร้าว ต้องการใหผู้อื่นสยบ ยอมแพ้ ด้วยความอึดอัดในการสบสายตาเขา

                Squinting การหลิ่วตา หรือ หรี่ตา

  • การทำตาเล็กลง เปลือกตาเล็กลง การประเมินผล การพิจารณา ครุ่นคิด
  • การหรี่ตา เพื่อประเมินระยะห่าง มองสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
  • แสงจ้า แสบตา แดดร้อนจัด ทำให้ต้องหรี่ตา
  • คนโกหกบางคนก็ใช้การหรี่ตาแทนการหลบสายตา เพื่อเป็นการหลอกลวงในการอ่านดวงตา
  • หลิ่วตา มองด้วยตาเป็นประกาย อีกข้างหนึ่งทำตาเล็กลง เป็นสายตามองเชิงเจ้าชู้ กรุ้มกริ่ม
  • การหรี่ตา ทำเปลือกตาเล็กลง ในขณะที่จ้องมอง ยังหมายถึง การพริ้มตามอง ต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย ศรีษะเอนไปด้านหลัง ทำปกามุ่ยริมฝีปากลักษณะจูบ ทำท่าดึงดูดใจ เสน่หายั่วยวนใจ
  • การหรี่ตา เกือบจะปิดตาแอบชำเลืองมอง หัวตาหว่างคิ้วมีรอยย่นเข้าหากัน แสดงถึงกลัว ไม่อยากมองแต่ก็แอบจ้องมองอยู่

                Blinking กระพริบตา อัตราการกระพริบตามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เมื่อคนใช้ความคิด หรือรู้สึกเครียด ซึ่งป็นสัญญาณบ่งบอกว่า กำลังโกหก หรือคิดถึงเรื่องที่จะโกหก สร้างเรื่องหลอกลวง

  • กระพริบตาเร็ว และจ้องมองเขม็ง หมายถึง การหยิ่งยโส อวดดี
  • กระพริบตาเร็ว กระพือขนตา ให้เห็นได้ชัด บ่งบอก คำเชิญ โรแมนติค ยั่วยวน
  • กระพริบตาช้า เพื่มด้วยการจ้องมอง แสดงถึง การมีอำนาจเหนือกว่า

Winking ขยิบตาปิดข้างหนึ่ง เป็นการส่งสัญญาณ รู้เห็นกันแค่สองคน ไม่ให้บุคคลที่สามได้ล่วงรู้เห็น เป็นความลับต่อกันสองคน

Closing ปิดตา ไม่อย่ากเห็น กังวล กำลังลำบากใจ

  • การปิดตาทั้งสองข้าง ระหว่างการสนทนา หมายถึง ต้องการหลีกเลี่ยง หรือปฏิเสธที่จะคุยด้วย และต้องการอยากที่จะจากไป
  • บางครั้ง การปิดตา หมายถึง กำลังนึกคิดภายในใจอยู่ โดยไม่ต้องการให้อะไรมารบกวนสายตา ระหว่างการนึกคิดอยู่
  • การปิดตา บางครั้งตาแห้ง หรือดวงตาล้าเหนื่อย ระคายเคืองตา ก็จะมีให้เห็นบาง แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในระหว่างการสนทนากันอยู่
  • การหลับตาปี๋ ปิดตาสนิทแน่น จนเห็นรอยย่นที่ตา หว่างคิ้ว เพราะกลัว ไม่กล้ามอง

                Damp ตาชื้น มีน้ำตาคลอ น้ำตาซึม บ่งบอกถึง

  • ซึ่งปกติดวงตาของคนเราโดยธรรมชาติ จะพยายามผลิตน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาไม่ให้ตาแห้ง และเป็นการช่วยทำความสะอาดดวงตาด้วย
  • ความวิตกกังวล กลัว เศร้า เสียใจ หรือเพิ่งร้องไห้มา ดวงตาแดงนิด ๆ
  • ซาบซึ้ง ประทับใจ ยินดี ปลื้มปิติกับผู้อื่น
  • ความสงสาร เมตตาจิต
  • หัวเราะ ดีใจอย่างมาก จนมีน้ำตาซึมออกมา
  • แต่บางกรณีอาจเพราะ ดวงตาล้า เหนื่อย และดวงตาแดงนิด ๆ

                Tear มีน้ำตาไหล

  • เศร้า เสียใจ ร้องไห้ ตาแดง ตัวกระตุกสั่น สะอึกสะอื้น หายใจขาดช่วง
  • การร้องไห้มีน้ำตา บางครั้งเกิดจากความคับข้องใจ หรือโกรธมากเจ็บช้ำใจ
  • สนุกสนานมาก ดีใจอย่างมาก หัวเราะจนมีน้ำตาออกมา
  • ได้รับบาดเจ็บจนแถบไม่ไหว มีน้ำตาออกมา
  • ความวิตกกังวล กลัว เศร้า เสียใจ หรือเพิ่งร้องไห้มา

            การหลบสายตา

  • การสบสายตาและละหลบสายตาแบบกระทันหัน หมายถึง กลัว ไม่สบายใจ รู้สึกอึดอัดใจ
  • การหยุดการสบสายตาแบบกระทันหัน และกลับมาจ้องมองอีกครั้ง อย่างทันทีทันใด หมายถึง การจ้องมองเชิงเสน่หา เจ้าชู้ ขี้เล่น ซึ่งแสดงถึง การยอมรับ ยอมจำนนแล้วกับมาสบตาเป็นการแสดงความสนใจต่อเพศตรงข้าม
  • การสบสายตาที่จำกัด หรือน้อยครั้งในระหว่างการสนทนา บ่งบอกว่า เขารู้สึกไม่ปลอดภัย อึดอัด หรือเป็นคนขี้อาย
  • การหลบสายตาโดยการมองต่ำ เขารู้สึกผิด ละอาย ไม่กล้าสบสายตา
  • การหลบสายตาของคนเรา อาจจะเพราะเขาคิดไปว่าไม่สุภาพหากต้องจ้องตาเป็นเวลานาน เพราะวัฒนธรรมที่สอนไม่ให้จ้องตาผู้อาวุโสกว่า หรือคนที่มีศักดิ์ฐานะที่สูงกว่า

            การหลบสายตา เบาะแสสายตาในการเข้าถึงความคิด (Eye Accessing Cues) ณ ขณะนั้นเขานึกคิดถึงอะไรอยู่ จุดที่คนหลบละสายตาไปจากการสบสายตา

  • Upper Right มองขึ้นบนด้านขวา (ของเขาเป็นฝั่งซ้ายของเรา) Visual Recall = Remember Images ระลึกคิดถึงภาพความทรงจำ เรียกข้อมูลจากความทรงจำ VR
  • Upper Left มองขึ้นบนด้านซ้าย (ของเขาเป็นฝั่งขวาของเรา) Visual Construct = Construct Images คิดถึงการสร้างเรื่องในความคิด สร้างภาพในจิตนาการ หรือการสร้างเรื่องขึ้นมาใหม่ VC
  • Auditory Right มองไปทางขวา (ข้างซ้ายของเรา) Auditory Recall นึกถึงเสียงที่เคยได้ยินโดยดึงข้อมูลจากความทรงจำ AR
  • Auditory Left มองไปทางซ้าย (ข้างขวาของเรา) Auditory Construct สร้างความรู้สึกใหม่ให้กับเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนAC
  • Feeling Kinesthetic การนึกถึงสิ่งที่เขาจะพูดถึงหรือตอบคำถาม เขามีความรู้สึกอย่างไรกับสิ่งนั้น ความนึกคิดเกี่ยวกับความรู้สึกของตนที่มีต่อสิ่งนั้น FK
  • Auditory Internal dialogues การนึกถึงสิ่งที่เขาตอบคำถามพูดคุยเกี่ยวกับตนเองอยู่ในจิตใจขณะนั้น ความนึกคิดเกี่ยวกับตนเอง AD

                หลักการการหลบสายตานี้ ใช้ได้กับการจับโกหกผ่านดวงตา คือ

ถ้ามองไปทางขวา (ซ้ายของเรา) หมายความว่า สร้างเรื่องอยู่ และ โกหก

ถ้ามองไปทางซ้าย (ขวาของเรา) หมายความว่า คิดถึงดึงข้อมูลจากความทรงจำ จริง

                แต่ก็อาจจะมีข้อยกเว้น ที่ไม่ตรงตามกฏหรือหลักการก็ได้ ถ้าคนถนัดซ้าย หรือพฤติกรรมของเขาที่โกหกแล้วจะมองไปทางด้านใดก็เป็นความเคยชินของเขา ต้องหมั่นสังเกตดูว่าคนที่เรามีปฏิสัมพันธ์นั้น เหลียวไปด้านข้างไหนที่เวลาเขาโกหก ต้องจับจุดสังเกตให้ได้ โดยใช้ประสบการณ์ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ซับซ้อนต้องใช้เวลาและประสบการณ์ รวมถึงต้องมีวิจารญาณด้วย

http://changingminds.org/techniques/willpower/power_gaze.htm

http://www.study-body-language.com/body-language-eye-contact-2.html#sthash.Z9TBJKey.dpbs

http://pamelafrostdennis.com/wp-content/uploads/2014/12/Body-Language-Eyes.pdf

http://changingminds.org/techniques/body/parts_body_language/eyes_body_language.htm

            การจับโกหกที่ตา Lying Eyes

            เราจะสามารถเชื่อถือได้ มีคุณค่าพอไหมที่จะไว้วางใจ หรือ เป็นคนโกหกหลอกลวง ดูเข้าไปในดวงตา จะบอกว่า จริง หรือ ไม่จริง เป็นความจริงที่ว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างจองดวงใจ ไม่สามารถโกหกกันได้ สัญญาณบ่งบอกการโกหก คือ การหลีกเลี่ยงการสบสายตา มองมุมกว้างสี่เหลี่ยมผืนผ้ากรอบดวงตา ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการหลอกลวง และการโกหก

                การโกหกจะมีสัญญาณบอกในความไม่สบายใจ สาเหตุให้เครียด และข้อบกพร่องเล็ก ๆ ในภาษากายเกิดขึ้นให้เห็นได้ รวมถึงดวงตา ใบหน้า ท่าทาง Something is Wrong(บางอย่างที่ผิดปกติ) ความไม่สอดคล้อง ขาดช่วง ขาดตอน เมื่อเขาหลบเลี่ยงการสบสายตา ให้สังเกตความผิดปกติ หรือการหลอกลวงจากพฤติกรรมปกติ มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิม ด้วยการจ้องมองเขม็งไปที่ดวงตาของคู่สนทนา จะรู้ได้ว่าเกิดจากหลอกลวงหรือเครียด จะเห็นได้จากพฤติกรรมของเขา

                Darting Eyes การเหลือบมอง กลอกตาหลบเลี่ยงสบตาเหลือบมองไปทางอื่น รอบ ๆ เปลี่ยนมุมมองไปทางอื่น ส่วนหนึ่งคนนั้นอาจจะขี้อาย หรือเกิดความไม่สบายใจ และอาจไม่ชอบที่จะเข้าสังคมมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากนัก หรือเขาชอบพูด "โอเค อาฮะ อืม เหรอ" คนนั้นไม่ค่อยมีความเป็นมิตร ไม่ต้อนรับ หาทางออกจากพื้นที่ตรงนั้น

                The Gaze Down เหลือบมมองต่ำ แสดงถึง ยอมจำนน ยอมแพ้ และละอายใจ ขายหน้าอับอาย โดยเฉพาะเด็ก ก้มหัวตก มือซ่อนอยู่ข้างหลัง และพูดว่า "ฉันไม่ได้ทำ"  หรือ บ่มพึมพำ กระหมุบกระหมิบ อู้ดี้ ตามหลัง เด็กบางครั้งก็ใส่หน้ากากอารมณ์ในภาษากาย หลีกเลี่ยงการสบตา เมื่อรู้สึกไม่สบายใจที่โกหก การหลอกลวงทำให้รู้สึกผิด พูดไม่รู้สึกภูมิใจในการกระทำ ยอมจำนน ถ้าเราจ้องมองเขม็งที่เขาไปยังสายตาของเขา อัปกิริยาอาการที่มีรวมในการจ้องมองต่ำ ก้มหน้ามองต่ำ เหมือนรู้สึกผิด สำนึก คือ เอามือลูบที่ลำคอ ลบล้างความตึงเครียดทั้งด้านหน้าหรือหลังลำคอ

                เราสามารถจับจุดสังเกต หรือรับรู้ได้จากการหลบเลี่ยงสบสายตา เพราะเขาไม่สบายใจ ตัดสินใจไม่ได้ ลังเลตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี หรือรู้สึกผิด ไม่น่าเชื่อถือ ทำตัวมีพิรุธ น่าสงสัย

                การกระพริบตา Blinking

  • ทางกายภาพ ตาแห้ง กระพริบตา เพื่อสร้างน้ำตามาหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นในดวงตา และทำความสะอาดเลนส์ตาจากฝุ่นและสิ่งระคายเคือง
  • เมื่อตาล้า จ้องมองนาน ดวงตาเมื่อยล้า การกระพริบตาช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า ตึงเครียดที่มีต่อดวงตา
  • การกระพริบตายังช่วยหยุดพักสายตาชั่วคราว ผ่อนคลาย ทำให้จังหวะการเต้นของหัวฝจช้าลง เกิดความสงบลงบ้าง เม้ในขณะที่ตื่นเหต้น หรือหัวใจเต้นเร็วและแรง
  • การกระพริบตา เกี่ยวข้องกับสมองโดยตรง ความไม่พอใจ ตึงเครียด ก็จะนำพาส่งผลต่อการกระพริบตาในอัตราที่เร็วขึ้น

โดยปกติคนเราก็กระพริบตากันอยู่บ่อย ๆ ครั้ง เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เราไม่ค่อยได้สังเกตตัวเราเอง หรือคนอื่น ๆ เท่าไรนัก

  • ปกติจะกระพริบตา ช่วงผ่อนคลาย หรือเบื่อ 8 ครั้ง ต่อนาที
  • ปกติกระพริบตา 10-20 ครั้ง ต่อนาที
  • ไม่ปกติ เครียด หรือ ไม่สบายใจ กลัว วิตกกังวล มากกว่า 21 ครั้ง ต่อนาที

                ถ้ากระพริบตาถี่ อาจจะเกิด มาจากการ วิตกกังวล ตึงเครียด กับการแต่งสร้างเรื่องราวที่โกหก การจัดเตรียมเรื่องที่จะโกหก ควบคุมภาษากายในการโกหกไม่ส่อแววพิรุธให้สังเกตให้เห็นแต่มันมีความผิดปกติออกให้เห็นได้จากดวงตาการกระพริบตาที่ถี่มากกว่าปกติ การกระตุกที่คิ้วหรือข้างหางตา  หรือจ้องสบตานานผิดปกติ จนดูเหมือนเกร็งฝืนผิดปกติ

                บางครั้งผู้โกหกรู้ว่าการสบสายตาต่ำเป็นสัญญาณของการโกหก เขาจะชดเชยด้วยการมองไปที่คุณเป็นระยะเวลานานเกินกว่าปกติ บ่อยครั้งที่สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยไม่กระพริบตา ขณะที่พวกเขากำลังบังคับตัวเองในการกระทำนี้ พวกเขาอาจยิ้มได้ด้วยปาก แต่ไม่ใช่ด้วยตาเพราะมันยากกว่า (อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น มีหยาดเหงื่อ การหายใจถี่ขึ้นบางคนถึงกับหอบ ยื่นลิ้น และกันขบลิ้น ขบฟัน เม้มริมฝีปาก)

คิ้ว Eyebrows

            คิ้วเป็นส่วนแรก ๆ ที่คนเราจะสังเกตบนใบหน้ารองจากดวงตา คิ้วเป็นจุดที่เชื่อมสัมพันธ์กับดวงตา เป็นจุดสังเกตหลักที่จะสื่อสัญญาณบอกความหมายนัย ที่ซ่อนอยู่ของดวงตา( Eyebrows Flash) แสดงออกถึง ความเป็นมิตรด้านดี หรือไม่เป็นมิตรปรปักษ์ ด้านลบ โดยดูจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อรอบ ๆ ดวงตาที่สัมพันธ์กับคิ้ว

                Lowered คิ้วลดต่ำลง สัญญาณบ่งบอก

  • คิ้วลดต่ำลง เปิดเผยให้เห็นดวงตา ก้มต่ำเล็กน้อย เพื่อไม่ให้มองเห็นดวงตา การหลอกลวง ปิดบังการโกหก
  • คิ้วลดต่ำลง  หัวคิ้วหยัก หรือ ขมวดคิ้ว บ่งบอกถึง ความน่ารำคาญ ไม่พอใจ  หรือ การมองแบบคุกคาม Dominant Gaze ทำตัวเหนือกว่า สายตาจ้องมองจิก
  • การหรี่คิ้ว หรี่ตา ยังหมายถึง การดูถูก เหยียดหยาม รังเกียจ ชิงชัง ริษยา มองด้วยหางตา หรือจ้องเขม็ง ศีรษะยกขึ้นเล็กน้อย

Raised ยกคิ้วขึ้นสูง

  • เมื่อคนเรารู้สึก ประหลาดใจ ขยายดวงตาเบ่งเปิดกว้าง รูม่านตาขยายใหญ่ ยกคิ้วขึ้นสูง
  • แสดงความสนใจ สัญลักษณ์ เชื้อเชิญชวน สนใจในสิ่งที่พูดถึง
  • สัญญาณ ดึงดูดความสนใจ และการยอมรับ ด้วยทัศนคติที่เปิดกว้าง
  • หยักคิ้วถางตา ยกคิ้วขึ้นข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง เปิดตากว้าง มองด้วยหางตา หรือสายตาจิกเขม็ง เอียงศีรษะไปด้านข้าง หรือเอนศีรษะถอยไปด้านหลัง เป็นการสงสัย ถามว่า "คุยกับฉันอยู่หรือ แน่ใจหรือ"  และ "ฉันเปล่าทำนะ ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ความผิดฉันนะ"
  • ยกคิ้วขึ้น หัวคิ้วมีรอยหยัก หรือขมวดคิ้ว แสดงถึง การดูหมิ่นถากถาง ดูถูกเหยียดหยาม

                Middle-Raised ยกคิ้วขึ้นส่วนกลางคิ้วยกขึ้น ปลายคิ้วเอียงลาดออกไปด้านข้าง หางคิ้วตกลาดลง หมายถึง ความวิตกกังวล หรือผ่อนคลายจากความตึงเครียด

                Middle-Lowered ส่วนกลางคิ้วตกลง เอียงเข้าหากันด้านในตา ตรงดั้งจมูกบ่งบอกถึง โกรธ อารมณ์เสีย หรือผิดหวัง คับข้องใจ หรือ จริงจัง

                Middle-together คิ้วส่วนกลางยกขึ้นทั้งสองข้าง เป็นรูปโค้งคว่ำตัวยู แสดงถึงความเศร้าโศก เสียใจ

                Up and Down ยกคิ้วขึ้น และลง หรือการหยักคิ้ว

  • หยักคิ้ว ทักทาย ยินดี หรือ ตอบรับ โอเค ส่งสัญญาณ รู้กัน
  • การพูดเกินจริง โอ้อวด ชวนให้ฝ่ายตรงข้ามเชื่อ "เชื่อฉันเถอะ"
  • หยัก ยกคิ้วข้างเดียว เป็นการส่งสัญญษณให้รู้กันแค่สองคน
  • หยักคิ้ว หรี่ตา ทำเพื่อดึงดูดใจ เย้ายวนเพศตรงข้าม หรือทำขี้เล่น หยอกล้อ
  • หยักคิ้วขึ้นและลงช้า พร้อมก้มศีรษะลง เป็นการยอมรับ ตกลง หรือยอมจำนน

การยิ้ม Smile ยิ้ม เป็น สิ่งที่สื่อแสดงถึง ความเป็นมิตรที่ดีที่สุดของคนในการสร้างสัมพันธไมตรีต่อผู้อื่น การยิ้ม มีหลากหลายอารมณ์ที่บ่งบอกความหมายที่ต่างออกกันไป มีทั้งด้านดี และด้านไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น ความเป็นมิตร ทักทายเป็นธรรมเนียม เชิงเสน่หาดึงดูดเพศตรงข้าม ดูถูกเหยียดหยามแสดงความเหนือกว่า อิจฉา ริษยา รังเกียจ กลบเกลื้อนขอไปที ขอโทษ รู้สึกสำนึกผิด เป็นต้น 

                แต่เราจำเป็นต้องแยกให้ออกว่า ระหว่าง ยิ้มจริง (Genuine Smile) หรือ แกล้งยิ้ม (Fake Smile)

                Real or Genuine Smile ยิ้มจริงเป็นธรรมชาติ มีจุดสังเกตที่แตกต่างกับ Fake Smile แกล้งยิ้ม

  • ดวงตาเล็กลง กล้ามเนื้อส่วนแก้มที่ยกขึ้นและคิ้วรอบดวงตาดึงรั้งบีบให้ดวงตาเล็กลง
  • เห็นรอยตีนกาอย่างชัดเจน บางครั้งเห็นร่องตรงกรามทั้งสองข้างด้วย
  • ยิ้มโชว์ให้เห็นฟันบน ริมฝีปากล่างโค้งหงาย มีรอยบุ๋มหรือร่องตรงคางใต้ริมฝีปากล่าง บางคนเห็นรอยลักยิ้มบุ๋มข้างแก้มกับมุมปากด้วย
  • ส่วนแกล้งยิ้ม ยิ้มโชว์ให้เห็นฟันล่างด้วย เหมือนฉีกยิ้มออกด้านข้าง โหนกแก้มยกขยายออกด้านข้าง ปากฉีกถอยเข้าข้างในปาก ไม่เหมือน ยิ้มแท้โหนกแก้มที่ยกขึ้นสูง มีร่องที่ปีกจมูกถึงโค้งรอบปากติดโหนกแก้มเห็นร่องลึกได้อย่างชัดเจน
  • ส่วนยิ้มที่ไม่เปิดปากเห็นฟันล่ะ จะสังเกตยังไง ให้ดูที่ ริมฝีปากล่าง ขยายออกด้านข้าง ริมฝีปากดูผ่อนคลายไม่ตึงเครียดดูเป็น        ธรรมชาติ อาจมีร่องหยักที่มุมปากทั้งสองข้าง
หมายเลขบันทึก: 665042เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2019 11:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม 2019 09:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท