วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ ไปทำหน้าที่อาจารย์นิเทศก์การสอนของนิสิตฝึกสอน ว่าที่ครูวิทยาศาสตร์ ม.ต้น นิเทศรวดเดียว ๓ คน แบบต่อเนื่อง ผม AAR ว่า การศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ ของนิสิตทั้ง ๓ คนนี้ ก้าวหน้าพัฒนาอย่างยิ่งยวด เกินกว่าที่คาดไว้ในใจมากนัก และที่น่าชื่นใจที่สุด ทั้งสามคน นำเอาข้อความเห็นและข้อเสนอแนะที่เคยเขียนไว้ในบันทึกก่อน ๆ (ที่นี่ ที่นี่ และที่นี่)
คนที่ ๑
นิสิตสอนเรื่องระบบการลำเลียงของเสียออกจากร่างกาย
- ผมสะท้อน ณ ขณะนั่งสังเกตการณ์อยู่หลังห้อง ถึงสิ่งที่ตนเองเห็น ดังนี้ว่า
- เห็นชั้นเรียนที่สนุก เด็กมีความสุข และมีชีวิตชีวามาก ๆ
- เห็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ชัดเจน เป็นลำดับขั้น สะท้อนถึง การเตรียมตัวของคุณครูฝึกสอนที่ดีเยี่ยม ... ผลที่เห็นชัดก็คือ ความมั่นใจของครู ความสนุกของครูผู้สอน หรือผมมักเรียกว่า เห็น "พลัง" ในตัวครู
- เห็นการนำเอาสื่อการสอนที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ ใช้เอกสารความรู้จากหนังสือของ สสวท. ซึ่งทำไว้ดีมากแล้ว ใช้เพาเวอร์พอยในการสื่อสารคำถามและประเด็นสำคัญ รวมถึง สรุปสาระสำคัญ และใช้คลิปวีดีโอให้เห็นภาพเคลื่อนไหวและเสียง ให้นักเรียนเห็นระบบขับถ่ายได้ชัดเจนสมจริงมาก
- เห็นการมีส่วนร่วมของเด็ก ๆ อย่างทั่วถึง สะท้อนว่า ตลอดเดือนที่ผ่านมา เด็ก ๆ ได้ฝึกการทำงานเป็นทีมแล้วพอสมควร
- มีเทคนิคที่น่าสนใจมาก ๒ อย่าง ที่อยากเชียร์ให้นิสิตเขียนแลกเปลี่ยนไว้ในบันทึก คือ การใช้บอร์ดเกมในการช่วยสอน และ การใช้นิสิตลับในการสะท้อนผล .... แยบยลและได้ผลมาก
คนที่ ๒
นิสิตคนที่ ๒ สอนเรื่อง "เยื่อเลือกผ่าน" กับ "การแพร่" ต่อเนื่องจากครั้งก่อน ๆ ที่เรียนเกี่ยวกับเรื่ององค์ประกอบของเซลล์ไปแล้ว ครั้งนี้คุณครูนิสิตเอาโมเดลองค์ประกอบเซลพืชสัตว์จัดมาให้ดูด้วย ... ผมจำได้ว่า แต่ก่อนไม่เคยได้เรียนแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงชอบชีววิทยาไปแล้ว
เป็นการจัดการเรียนรู้ที่หาดูได้ยาก...
- เป็นชั้นเรียนที่นักเรียนสนใจและตั้งใจเรียนมาก ๆ
- ผมเห็นกิจกรรมและกระบวนการที่สะท้อนถึงการเตรียมตัวที่ดีมากและประสบการณ์การสอน มีการใช้สื่อที่หลากหลายมาก ทั้งโมเดล ทั้งหนังสือเรียนจาก สสวท. ซึ่งมีรูปสวยเข้าใจง่าย และโดยเฉพาะการใช้เพาเวอร์พอยท์สื่อสานการดำเนินกิจกรรมกับนักเรียนอย่างเป็นขั้นตอน โดยเฉพาะการตั้งคำถาม ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มตอบ ผ่านกิจกรรม "บอร์ดโชว์" (แต่ละกลุ่มมีบอร์ด เพื่อเขียนคำตอบแล้วชูขึ้นให้คนกลุ่มอื่น ๆ เห็น) และกิจกรรมสะท้อนผลด้วยการสุ่ม "สายลับ" .... จะลองเอาไปใช้ในการสอนบ้าง...
- เห็นการสอนอย่างเชื่อมโยงกับองค์ความรู้เดิมที่เรียนมาอย่างเป็นธรรมชาติ และซ้ำทวนประโยครอยต่อแห่งการเชื่อมโยงได้ดีมาก (ครั้งก่อนเรียนเรื่องปฏิริยาระหว่างแป้งกับสารละลายไอโอดีนแล้วว่า จะเกิดอะไร สังเกตอย่างไร ครั้งนี้เอาความรู้นั้นมาใช้เป็นเครื่องมือในการสังเกตการแพร่ผ่านแผ่นเซลโลเฟน)
- เด็กนักเรียนให้ความร่วมมือดีมาก การเด็กทั้งห้องมีส่วนร่วมกัน และเป็นบรรยายแห่งการเรียนรู้ที่ไม่อึกกระทึกเกินไป
- จุดเด่นที่สุดของการสอนครั้งนี้คือ การออกแบบให้เด็ก ๆ ได้ลงมือทดลองและสังเกตการแพร่ของผ่านเยื่อเลือกผ่าน ... หากเป็นไปได้ ถ้ามีเวลาเพียงพอ คุ้มค่าต่อการเตรียมการ การเรียนด้วยการทดลองหรือลงมือทำแบบนี้ดีที่สุด
- หากจะต้องปรับการสอนนี้ จะมีเพียงจุดเดียวเรื่องการ สรุปผลการทดลอง ให้เน้นว่า เด็ก ๆ ต้องเป็นผู้ช่วยกันสรุป ก่อนที่ครูจะสรุปตอนท้ายหรือประเมินด้วยคำถามต่อไป ... กรณีที่เด็ก ๆ สรุปไม่ได้ การตั้งคำถามนำหรือสนับสนุนให้เกิดการสรุปเป็นทางเลือกที่สองรองลงมา หากยังไม่สำเร็จ ก็เป็นการสรุปโดยให้เลือกจากตัวเลือก ... เหล่านี้ คุณครูจะต้องพิจารณาเองว่า จะใช้วิธีใดซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เรียนโดยแท้
คนที่ ๓
นิสิตคนที่ ๓ สอนเรื่อง "โมเมนต์ของแรง" ระดับ ม.๓ ... เสียดายที่ไม่ได้อยู่ดูจนจบกระบวนการ เพราะจำเป็นต้องกลับมาสอนตอนช่วงบ่าย ... อย่างไรก็ดี ก็มีคำแนะนำและความชื่นชม เพื่อป้อนกลับให้ภูมิใจและพัฒนาต่อไป ดังนี้ครับ
นิสิตสอนด้วยสื่อโปรแกรมสำเร็จรูป (แอพพลิเคชั่นบนมือถือ) วางลงบนจอฉายแบบ Visual ซึ่งก็ดูทันสมัยดี ดังภาพ แต่....
- การสอนเรื่องนี้เตรียมอุปกรณ์เป็นคานจริง ๆ เลยก็ไม่ลำบาก และจะดีที่สุดสำหรับนักเรียน นักเรียนจะได้ร่วมกิจกรรมทดลองการห้อยถุงดินหรือทรายหรือวัสดุต่าง ๆ ไว้ตรงตำแหน่งต่าง ๆ ของคานได้เลย แล้วให้นักเรียนคาดเดากันดูว่าจะเลือกอะไรวางตรงที่ตำแหน่งที่กำหนดให้เพื่อให้คานสมดุล ฯลฯ
- สิ่งที่อาจารย์ประทับใจและขอเชียร์ให้ทำต่อไป คือการออกแบบเครื่องมือและสื่อที่ส่งเสริมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ มีขั้นตอนชัดเจนว่า ปัญหาคืออะไร ให้ตั้งสมมติฐาน ให้ทดลองพิสูจน์ แล้วจบด้วยการอภิปรายสรุปผล
- อาจารย์เห็นการเตรียมตัวที่ดี บุคลิกของใครก็ของใคร ของครูแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นการพัฒนาการทักษะการสอนของตนเอง ไม่ได้เริ่มที่ว่าจะต้องทำให้เหมือนใคร แต่ต้องเริ่มว่า ตนเองถนัดและมีบุคลิกแบบใด แล้วใช้จุดเด่นนั้นให้เต็มที่ และแก้ปัญหาจุดที่ยังไม่พอใจ ....
- ปัจจัยอยู่ที่ ความแหลมคมในการวิเคราะห์ผู้เรียนและตนเอง การออกแบบกิจกรรมการสอนที่เหมาะต่อผู้เรียนและหัวเรื่องนั้น และความมั่นใจในตนเองของครู
- ความมั่นใจของครู จะเกิดขึ้นได้เมื่อ ครูภูมิใจในตนเอง ครูจะภูมิใจเรื่องใดก็ต่อเมื่อครูทำได้ คิดได้ และสอนได้ด้วยตนเองจริง ๆ ทั้งหมดนี้ ต้องมาจากการฝึกฝน ลองเอาตนลองทำก่อน
ขอให้กำลังใจ นิสิตทั้ง ๓ คนครับ เดือนหน้า อาจารย์จะมาดูความก้าวหน้าด้านการวิจัยนะครับ