เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2549 อาจารย์วิทยา ฟองวาสนาส่ง ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการรวมกิจการ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
[ การรวมกิจการ หมายถึง การนำกิจการที่แยกต่างหากจากกันมารวมเป็นหน่วยงานทางเศรษฐกิจเดียวกัน โดยการที่กิจการหนึ่งรวมกับอีกกิจการ หรือการที่กิจการหนึ่งเข้าควบคุมสินทรัพย์สุทธิและการดำเนินงานของอีกกิจการหนึ่ง
[ ประเภทของการรวมกิจการ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. การรวมกิจการแบบแนวนอน จะเป็นการรวมกิจการที่มีลักษณะเหมือนกันเข้าด้วยกัน เช่น Major กับ EGV เป็นต้น
2. การรวมกิจการแบบแนวตั้ง จะเป็นการรวมกิจการหนึ่งกับกิจการหนึ่งที่สินค้าหรือบริหารมีความเกี่ยวข้องกัน เช่น การรวมกันของกิจการผลิตน้ำอัดลมกับกิจการผลิตขวด เป็นต้น
3. การรวมกิจการแบบผสม การรวมกิจการแบบนี้จะไม่สนใจว่าเป็นธุรกิจเดียวกันหรือไม่ เช่น การรวมกันของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ากับธุรกิจภาพยนตร์ เป็นต้น
[ วิธีการรวมกิจการ สามารถทำได้ 4 แบบ คือ
1. การควบกิจการ หมายถึง การรวมธุรกิจโดยกิจการหนึ่ง ซื้อหรือรับโอน สินทรัพย์สุทธิทั้งหมดของอีกกิจการหนึ่งหรือหลายกิจการ ซึ่งอาจจะกระทำโดยการ
- โดยการแลกเปลี่ยนหุ้นทุน
- โดยการชำระเป็นเงินสด
- โดยการชำระเป็นหุ้นกู้ หรือสินทรัพย์อื่นๆ
- กิจการของผู้ซื้อหรือรับโอนจะยังคงอยู่
- กิจการของผู้ถูกซื้อหรือโอนจะต้องล้มเลิกไป หรือกลายเป็นหน่วยงานหนึ่งของกิจการของผู้ซื้อ
2. การรวมกิจการ หมายถึง การรวมธุรกิจโดยการจัดตั้งกิจการขึ้นใหม่ เพื่อรับโอนสินทรัพย์สุทธิทั้งหมดของกิจการที่ดำเนินงานอยู่แล้วตั้งแต่ 2 กิจการขึ้นไป โดย
- กิจการเดิมต้องล้มเลิกไป
- กิจการที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะเป็นผู้ดำเนินการต่อ
3. การซื้อหุ้น หมายถึง การรวมธุรกิจโดยกิจการหนึ่งซื้อหุ้นที่มีสิทธิ
ออกเสียงทั้งหมดหรือบางส่วนของอีกกิจการหนึ่ง โดยการ
- โดยการชำระเป็นเงินสด หุ้นทุน หรือหุ้นกู้
- กิจการที่ขายหุ้นและกิจการที่ซื้อหุ้นยังคงดำเนินการต่อไปอย่างอิสระแยกจากกัน
- ความสัมพันธ์ของทั้งสองกิจการจะเป็นไปในรูปของบริษัทในเครือ
- กิจการที่ซื้อหุ้นจะกลายเป็นบริษัทใหญ่ และ กิจการที่ขายหุ้นจะกลายเป็นบริษัทย่อย
4. การซื้อสินทรัพย์สุทธิ หมายถึง การรวมธุรกิจโดยกิจการหนึ่งซื้อสินทรัพย์สุทธิของอีกกิจการหนึ่ง จะกระทำโดย
- โดยไม่มีการซื้อหุ้นทุนของกิจการนั้น
- กิจการผู้ซื้ออาจออกตราสารหนี้ หุ้นทุน หรือสินทรัพย์ต่างๆให้กับกิจการผู้ขาย
- กิจการผู้ขายยังคงดำเนินกิจการอยู่ต่อไปเป็นหน่วยงานอิสระ
- ไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในลักษณะบริษัทใหญ่และบริษัทย่อย
[ เหตุผลและประโยชน์ของการรวมกิจการ
1. ประหยัดต้นทุน เช่น เรื่องสถานที่,อุปกรณ์ เป็นต้น อีกทั้ง
- ลดต้นทุนการผลิต ทำให้สามารถขยายสายการผลิตได้มากขึ้น
- เพิ่มโอกาสในการสร้างความแตกต่างของสินค้า(การรวมแบบผสม)
- ลดต้นทุนด้านการวิจัยและพัฒนา เพราะจะไม่ต้องลงทุนในการเริ่มต้นใหม่(สูง)
- ลดต้นทุนด้านการดำเนินงาน เช่น เรื่องบุคลากร เป็นต้น
2. ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ
- ด้านการบริหารเงิน มีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
- มีความสามารถในการก่อหนี้สูงขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นได้
- ต้นทุนทางการเงินต่ำลง
3. ดำเนินงานได้ต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก
- สร้างโอกาสในการลงทุน
- เพิ่มอำนาจในการดำเนินธุรกิจ การเจรจาต่อรอง
- สร้างอัตราการเติบโตของรายได้
4. หลีกเลี่ยงการเข้าดำเนินงานโดยกิจการอื่น
5. ลดคู่แข่งขันและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
6. ความต้องการในสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
7. ประโยชน์ด้านภาษี
ý ท้ายคาบเรียนอาจารย์วิทยา ฟองวาสนาส่ง ได้ให้นักศึกษาทำการรวม
กิจการที่นักศึกษาสนใจจะทำ โดยการจับคู่กับนักศึกษาด้วยกันในห้องเรียน ซึ่งพอจะสรุปความรู้ได้คร่าวๆ คือ ในการรวมกิจการนั้นจะต้องดูความเหมาะสมเรื่องของสถานที่ เวลาและกิจการที่จะนำมารวมว่าสามารถไปด้วยกันได้หรือไม่ เช่น ธุรกิจประดับยนต์ กับ ธุรกิจสปา เมื่อนำมารวมในที่หนึ่งแล้วจะมีความเหมาะสมและลงตัว คือ เมื่อลูกค้าที่มาใช้บริการของธุรกิจประดับยนต์ ซึ่งในตัวของธุรกิจประดับยนต์แล้วนั้นเวลาในการให้บริการลูกค้าแต่ละรายนั้นจะใช้เวลาในการให้บริการไม่ต่ำกว่ารายละประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไป ทำให้ระยะเวลาในการคอยของลูกค้านั้นจะศูนย์ไปเปล่า
หากมีการเพิ่มธุรกิจสปาอยู่ในที่เดียวกันแล้วนั้นจะทำให้ธุรกิจทั้งสอง
ธุรกิจสามารถเอื้ออำนวยการกัน คือ เมื่อเวลาในการรอการให้บริการของธุรกิจประดับยนต์ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาลูกค้าก็อาจจะเข้าไปใช้บริการของสปา เช่น นวดหน้า,นวดฝ่าเท้า เป็นต้น ทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่เวลาในการให้บริหารของธุรกิจประดับยนต์ ยิ่งใช้เวลามากขึ้นเท่าไหร่ จำนวนเวลาที่ลูกค้ารอและใช้บริการของธุรกิจสปาก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ ในความคิดส่วนตัวเองคิดว่า ธุรกิจที่เพื่อนร่วมชั้นสนใจจะทำเป็น
ธุรกิจของตนเองนั้น สามารถนำมารวมกันอยู่เป็นที่เดียวกัน เพราะมีทั้งผู้ที่สนใจจะทำธุรกิจสปา,หนังสือมือสอง.กิ๊ฟช๊อป, ขายเสื้อผ้า-กระเป๋า,สถาบันกวดวิชา,เบเกอร์รี่ และอื่นอีกมากมาย นำมาอยู่รวมกันเป็นแหล่งเดียวกัน ซึ่งก็อาจจะคล้ายๆ กับ Complex เมื่อนำมาอยู่รวมกันทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการจะมีความเพลิดเพลิน และทำให้ธุรกิจแต่ละธุรกิจอยู่ร่วมกันได้ เอื้ออำนวยกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องขึ้นอยู่กับสถานที่ กิจการที่มีความเหมาะสมที่จะนำมารวม โดยในการรวมกิจการกันนั้นคิดว่าในแต่ละกิจการควรจะมีฐานลูกค้าอยู่บ้าง มิใช่เป็นการเปิดตัวของกิจการใหม่ทั้งหมด เพราะจะทำให้เสียต้นทุนในการบริหารจัดการส่วนกลาง,การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ อีกมากมาย จนอาจทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นมากตามไปด้วย
อยากทราบว่า จะรวมหุ้น กันอย่างไร
1.ทุนจดทะเบียน 2 ล้าน ของนายทุน A
2.เงินกู้นอกระบบ 5 ล้าน ของนายทุน A
3.ลูกหนี้ การค้า 12 ล้าน กิจการ
4 สินค้าคงเหลือ 4 ล้าน กิจการ
5.เงินของนายทุน B 14 ล้าน กู้มาลงทุน
ตอนนี้จะรวมกัน นายทุน A 35 % นายทุน B 65 %
จะต้องหักหนี้กันอย่างไร
Sirintip