คนเราทุกคนที่มีชีวิตอยู่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความฝัน ที่พยายามปรับเปลี่ยนไปสู่ความหวัง ดังนั้นความหวังจึงต่างจากความฝันที่มีแนวทางที่จะไปสุ่สิ่งนั้นได้แล้วก็พยายามทำความหวังให้เป็นจริง แต่ไม่ใช่ทุกความหวังจะเป็นจริงได้ทั้งหมดและอาจทำให้เรารู้สึกท้อได้ หากรู้สึกท้อถอย ผมจะอ่านคำประพันธ์ต่างๆที่ช่วยกระตุ้นและสร้างกำลังใจ มีอยู่สองบทที่เคยใช้สมัยทำค่ายอาสาเมื่อปี 2532 ตอนเป็นประธานค่ายอาสาโครงการพัฒนาอนามัยและชนบท (พอช.) ซึ่งเป็นค่ายเก่าแก่ของมอชอ เพราะริเริ่มตั้งในสมัยที่อาจารย์หมอเกษม วัฒนชัย เป็นนักศึกษาแพทย์ เป็นค่ายอาสาของนักศึกษาสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ (5 คณะฝั่งสวนดอก) ทำให้เราได้ฝึกการทำงานเป็นทีมแบบสหสาขาวิชาชีพมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ตอนนั่งรถไปออกค่ายนั้น ทีมงานจะกำหนดจุดชมวิวดีๆริมถนนเพื่อทำกิจกรรมที่เรียกว่า Look to the Future และ Back to the Past เพื่อให้ชาวค่ายได้มองอนาคตและทบทวนอดีต
ผมได้นำเอากิจกรรมนี้มาใช้อีกครั้งเมื่อปี 2544 เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลบ้านตาก ในการจัดทำกิจกรรมโอดีสำหรับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งหมด 2 รุ่น จัดที่หาดนางรำ ชลบุรี เพื่อโน้มน้าวความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ให้มองอนาคตของโรงพยาบาลและทบทวนอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลางความมืดริมทะเลที่มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งและแสงดาววับแวม โดยนำบทประพันธ์ของคุณจิรนันท์ พิตรปรีชามาใช้ 2 บท คือ
“คืนนี้มืดใช่มืดสนิท ไฟดวงนิดยังมีแสง
ขอเพียงลมพัดแรง เถ้ามอดแดงก็จะลาม
ที่จะดื่มด่ำความปรารถนา เขม็งสายตามุ่งมั่น
แสงตะเกียงและดวงตะวัน ส่องสว่างเทียมกันในใจ”
พร้อมกับมีคำพูดโน้มน้าวชักจูงใจที่ทางทีมงานเตรียมไว้ เมื่อเสียงพูดจบก็เป็นความเงียบที่ให้ทุกคนนั่งนิ่งครุ่นคิด สักพักหนึ่ง เทียนเล่มแรกก็ถูกจุดขึ้นแล้วก็ค่อยๆต่อกันไปจนครบวงทุกคน พร้อมกับหัวใจกระดาษสีแดงดวงน้อยๆก็ถูกแจกจ่ายไปถ้วนทั่วทุกคนเพื่อเขียนภาพฝันโรงพยาบาลบ้านตากในอนาคต เมื่อเขียนเสร็จก็นำเอาไปติดบนกระดาษหัวใจดวงใหญ่ที่รวบรวมหัวใจดวงน้อยๆของทุกคนไว้ แล้วนำกลับมาสกัดออกมาเป็นความฝันร่วมของทุกคน เรียบเรียงเป็นภาพฝันและวิสัยทัศน์ร่วมของทุกคนในโรงพยาบาล เป็น Shared vision อย่างแท้จริง ที่ว่า
“โรงพยาบาลบ้านตาก สะอาดและสวย
ดีพร้อมด้วยการบริการ พนักงานสามัคคี
เป็นโรงพยาบาลที่ดีของชุมชน”
ไม่มีความเห็น