" ทำไมจึงสนใจ...." บ้านเรียน " (Home School ) " เป็นคำถามของน้องน้อย
ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการเรียนรู้ " บ้านเรียน " (Home School ) ของ สพป.
ที่เอ่ยถามคุณมะเดื่อ เมื่อคุณมะเดื่อไปพบและขอปรึกษาแนวทางในการจัดการเรียน
แบบ " บ้านเรียน " (Home School ).............
อันที่จริงแล้ว....ก่อนหน้านี้คุณมะเดื่อยังไม่เคยคิดที่จะศึกษาแนวทางการจัดการศึกษา
แบบนี้มาก่อนเลย ทั้ง ๆ ที่ " บ้านเรียน " ปรากฏอยู่ในกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิในการจัดการศึกษา
ขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว พ.ศ. 2547 มาแล้ว แต่ในบ้านเมืองเรา จะยังไม่คุ้นหูกันเลย
แม้จะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็นึกไม่ออกว่า การจัดการศึกษาแบบนี้...เป็นอย่างไร ?
สำหรับคำถามที่น้องน้อยถามคุณมะเดื่อว่า ..."ทำไมจึงสนใจ...." บ้านเรียน " (Home School ) "
คำตอบที่คุณมะเดื่อตอบน้องน้อยในวันนั้นคือ...." ตลอด ๔๐ กว่า ปี ในการทำหน้าที่ครู
ในระบบโรงเรียน ทำให้คุณมะเดื่อรู้ถึงระบบนี้ดีว่า ข้อดี ข้อเสีย เป็นอย่างไร จึงอยากจะ
ศึกษาระบบการศึกษาแบบ " บ้านเรียน" ดูบ้าง เพราะยังไม่เคยศึกษามาก่อนเลย "
..... นับเนื่องแต่สมัยปู่ ย่า ตา ทวด ของเรา การเรียนรู้จากครอบครัว
หรือการเรียนรู้จากที่บ้าน ก็มีมาแล้ว โดยเฉพาะ ในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม
ขนบธรรมเนียม การปฏิบัติตน การประกอบอาชีพ ตลอดจน ระเบียบวินัย
หรือแม้แต่การอ่าน การเขียน ก็มีการปลูกฝังให้ลูกหลานมาตลอดเวลา
จะเห็นได้จาก ในระยะที่คุณมะเดื่อเป็นครูในช่วง ๑๐ ปีแรก ๆ คุณมะเดื่อ
และครูในระยะนั้น จะเหนื่อยก็เฉพาะ การสอนให้เด็ก ๆ อ่านออก เขียนได้
เป็นส่วนใหญ่ ส่วนในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม กิริยามารยาท หรือ
ระเบียบวินัยนั้น ทางครอบครัวได้อบรมบ่มนิสัยมาให้เรียบร้อยแล้ว
โรงเรียนเป็นเพียงผู้เน้นย้ำและสานต่อเท่านั้น แต่...ครั้นต่อมา สิ่งที่
บ้านได้เตรียมพร้อมมาเพื่อส่งต่อให้โรงเรียนก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ
จนถึงปัจจุบัน เกือบจะไม่หลงเหลือให้ครูได้สานต่อเลย ภาระหน้าที่
ของครูจึงต้องทำทั้งสอนหนังสือ และอบรมบ่มนิสัยแต่แรกเริ่มทีเดียว
นั้่นคือ....เริ่มตั้งแต่สอนให้รู้จัก " ฟัง ดู พูด อ่าน และ เขียน"
ซึ่งนับวันแต่จะหนักยิ่งขึ้น เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่รู้จักฟัง ไม่รู้จักดู
พูดสื่อสารไม่เป็น ซึ่งไม่ต้องพูดถึงการ อ่าน และการเขียน ว่า
จะหนักเพียงใด...?
ส่วนในเรื่องของ ระเบียบ วินัย สัมมาคารวะ กิริยา มารยาท
คุณธรรม จริยธรรม โดยเฉพาะ สมาธิ ความอดทน ความขยัน
หมั่นเพียร...การใช้เหตุผล แทบไม่ต้องกล่าวถึง
เพราะครูจะต้องรับภาระสอนเกือบ ๆ ๑๐๐ % ....
ที่สำคัญยิ่ง...เด็กยุคหลัง ๆ สร้างปัญหาเป็น แต่...
แก้ปัญหาไม่เป็น...
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า...ทำไม...เราจึงเห็นข่าวเด็กวัยรุ่นวุ่นวาย
สร้างปัญหา ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทั้งในครอบครัว และในสังคม
ทุกวัน...ทั้ง ๆ บางเรื่องบางประการ ไม่ต้องมีสาเหตุอะไรมากมายหรือ
ไม่ต้องรู้จักกันมาก่อน ก็มาสามารถ...ฆ่า...กันได้ !! และข่าวการ
ฆ่าตัวตายหนีปัญหาชีวิต เพราะคิดแก้ปัญหาไม่ได้ ก็เพิ่มขึ้น
ทุกวัน !!
" ครอบครัว" เป็นหน่วยสังคมที่เล็กที่สุด แต่สำคัญที่สุด
สมัยก่อน " รั้วของบ้าน " คือ " ครอบครัว" เป็นรั้วที่แข็งแกร่ง
ที่สุด สามารถสอนบุตรหลานใรครอบครัว ให้รู้จักทักษะชีวิต
และมี " ภูมิคุ้มกันในชีวิต" ด้วย " คุณธรรมและจริยธรรม
รวมทั้ง มีระเบียบวินัย การคิด การใช้เหตุและผล"
แต่ปัจจุบัน .... หาได้ยากยิ่งจากครอบครัว
ในสังคมปัจจุบัน....อาจจะพูดได้ว่า...ขณะนี้
สถาบันครอบครัวไทยกำลัง...ล่มสลาย...
ภาพที่คุณมะเดื่อเห็นจนชินตา คือ...พ่อแม่..ในปัจจุบันที่มี
อายุเฉลี่ยไม่เกิน ๓๐ พาลูกไปกินข้าวเช้าที่ร้านขายข้าว
ตอนเย็นซื้ออาหารไปกินที่บ้าน หรือไม่ก็ไปกินข้าว
นอกบ้าน .... ภาพลูก ๆ หลาน ๆ ในวัยที่ยังไม่เข้าเรียน
เป็นต้นไป รวมทั้งผู้ปกครอง นั่งก้มหน้ากับมือถือจน
ติดเป็นนิสัย....แทบจะไม่ได้พูดจาพาทีกันเลย...
การสื่อสาร ความสัมพันธ์ และในครอบครัว จึงไปอยู่
ใน " มือถือ " เกือบทั้งหมด
การจัดการเรียนการสอนในระบบโรงเรียน...ในปัจจุบัน ก็ไม่สามารถ
จะ " ตอบโจทย์ " ให้กับสังคมได้เลย โดยเฉพาะในสภาวะที่
ต้องรับภาระงานของครอบครัวที่ส่งมาให้เต็ม ๆ อย่างที่ได้กล่าวมา
และยิ่งถ้า โรงเรียน ไม่มีระบบการจัดการบริหารที่ดีพอ ย่อมจะมีทั้ง
รอยรั่ว รูโหว่ ให้เด็ก ๆ ได้หลุดลอดออกไปสู่ความ " เสื่อมทราม"
ของสังคมภายนอกอย่างไร้ภูมิคุ้มกันได้โดยง่าย...ตัวอย่างที่เห็นได้
ชัด ๆ ก็คือ...โรงเรียนที่มุ่งแต่จะสอนข้อสอบให้เด็กได้คะแนน o-net
NT สูง ๆ โดยขาดการสร้างเสริมทักษะชีวิตและภูมิคุ้มกันชีวิตในจิตสำนึก
ที่เรียกว่า...คนดี...อย่างจริงจัง ตรงกันข้าม โรงเรียนกลับสร้างบันไดของการมุ่ง
" เอาชนะ " ด้วยการ " ประชันขันแข่ง" ให้กับนักเรียนโดยไม่ทันยั้งคิด
ว่า....นักเรียนได้คะแนน o-net NT สูง ๆ แล้ว ... เด็กได้อะไร กับคะแนนนั้นบ้าง
(โดยเฉพาะ เด็กประถมศึกษา) เด็ก ๆ จะเอาคะแนนนั้นไปทำอะไรในชีวิตประจำวัน
ที่มากไปกว่า...การอ่าน การเขียน กระนั้นหรือ ...??
( ซึ่งอาจจะมีบ้าง ที่บางคน เอาคะแนน o-net ไปใช้ในการเรียนต่อ
ในระดับมัธยม...แต่..จะสักกี่คนกันเล่า...แล้วเด็กคนอื่น ๆ ล่ะ...?)
โดยสรุป...ผู้ที่ได้รับผลจากคะแนน o-net NT ที่สูง ๆ นั้น
คือ...ใคร...???
๔๐ กว่าปี บนเส้นทางของการศึกษา คุณมะเดื่อ
ไม่เคยย้ายโรงเรียนเลย...แต่...มีผู้บริหารโรงเรียน
๕ คน และ ได้มีโอกาสทำงานการศึกษา ตั้งแต่ระดับ
โรงเรียน อำเภอ จังหวัด และ สพฐ. ทั้งในฐานะ
ของคณะทำงานจัดทำหลักสูตร จัดทำสื่อ หรือหน้าที่
ของ " ครูตู้" และได้มีโอกาสทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมอาชีพ
ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือก
ไปให้เป็นคณะทำงานทั้งสิ้น ในการสนทนาปราศรัยกัน ก็มักจะ
นำเอาปัญหาต่าง ๆ ในโรงเรียนมาคุยกัน....และถึงแม้ว่าแต่ละคน
จะมาจากแต่ละจังหวัด แต่ปัญหาที่นำมาพูดคุยกัน...ก็เหมือนกับว่า
มาจาก...โรงเรียนเดียวกัน...เป็นปัญหาเดียวกัน เหมือนกันทั้งสิ้น !!
คุณมะเดื่อร่ายยาวมาทั้งหมดทั้งสิ้นนี้...คือ..." คำตอบ"
ของคำถามว่า...ทำไมจึงสอนใจ " บ้านเรียน" ซึ่งคุณมะเดื่อ
กำลังตัดสินใจที่จะ " ถอยหลังเข้าคลอง" ย้อนรอยบรรพบุรุษ
ที่สร้างสังคมการเรียนรู้ที่บ้าน สร้างภูมิต้านทานชีวิต และสร้าง
ทักษะชีวิต ( แต่ไม่ปิดกั้นสังคมของมนุษย์ )
ให้กับหลาน ๆ ... ในปีการศึกษาหน้านี้...!!
-สวัสดีครับพี่ครู-จำได้ว่าประมาณปี 58 ได้มีโอกาสต้อนรับพี่ครูที่บ้านไร่ของผม-ณ เวลานั้นเรากำลังเริ่มเดินตามความฝันแบบค่อยเป็นค่อยไป-เวลาผ่านมาประมาณ 5 ปีเศษ ณ ตอนนี้เราได้มีโอกาสต้อนรับผู้คนที่เข้ามาเยือนและร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตในแบบของเรา ที่เรียกที่นี่ว่า FarmSchool-เห็นความเป็นไปแบบก้าวหน้าของพื้นที่การเกษตรของพี่ครูแล้ว คาดว่าอีกไม่นานเกินรอ ต้องได้สำเร็จตามใจหมายแน่ๆ ครับ-ไว้หากมีโอกาสคงได้ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดกันนะครับ-ด้วยความระลึกถึงครับ