ข้อคิดจากการเลือกซื้อซูชิ


คำสำคัญ

ซูชิ คือ นำข้าวมาปั้นเป็นก้อน แล้วเอากับข้าว มาวางบนข้าวปั้น กับข้าวต่างๆ เช่น ปลา,ปูอัด,กุ้ง เป็นต้น

กัน คือ ชื่อของลูกผม

หน้าซูชิ คือกับข้าวที่วางบนข้าวปั้น

เรื่องขอเรื่องก็มีอยู่เวอ(ว่า)

ผมพาลูกไปโรงเรียนทุกเช้า ทุกเช้าก็ต้องแวะหาอาหารกิน ลูกผมมักซื้อ ซูชิกิน

ผมเห็นว่าซูชิมีหลายหน้า แต่ล่ะหน้าก็มีการใส่หน้า มากน้อยแตกต่างกันไป

ทุกวันผมเห็นลูกเลือกซูชิ ผมเห็นหน้าไหนที่เขาชอบเลือก ผมก็จะชี้ก้อนที่ใส่หน้าเยาะๆ

แต่ผมสังเกตุเห็นว่า  ลูกผมกับไม่เคยเลือกก้อนที่ผมชี้เลย  ทั้งๆที่ก้อนที่ผมชี้ใส่หน้าเยาะ

ผมสังเกตุทุกวัน เกิดความสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกไม่เลือกหน้าที่เยาะๆ ที่ ผมชี้...

เพราะลูก กวนผม หรือต่อต้านผมหรือเปล่า ผมเลยถามไปว่า

ผม -- กัน เลือกก้อนนี้สิ หน้าเยาะน่ะ ทำไมไม่เลือกล่ะ

กัน -- ก็ไม่เยาะนี่ ก้อนที่กันเลือก เยาะกว่า

(ลูกผม เลือกก้อนที่เยาะอยู่แล้วไม่ได้เลือกด้วยเหตุผลอื่น)

ทั้งๆ ที่ผมมองดูก็รู้ และเห็นว่าก้อนที่เขาเลือก บางทีอยู่ข้างๆ ก้อนที่ผมชี้น่ะ เยาะกว่าเห็นๆ

แต่ทำไมเขาถึงไม่เลือกก้อนที่ผมชี้ ผมก็รู้สึก งุดงิดบ้างเล็กน้อย

หลายวันผ่านไป ทุกครั้งไปซื้อซูชิ ผมก็ชี้ให้เขาเลือกเสมอ แต่เขาก็ไม่เคยเลือกก้อนที่ผมชี้เลย

ผมเลยสังเกตุ ต่อไป แล้ววันหนึ่งผมก็สังเหตุเห็นว่าเป็นเพราะอะไร ได้คำตอบเสียที

เนื่องจาก เคาร์เตอร์ขาย ซูชิ เป็นถาดวางราบกับพื้นถาดบนโต๊ะ โต๊ะ สูงประมาณ 70 ซ.ม.

ลูกของผม เมื่อยืนเลือกหยิบ ซูชิ นั้น ก้อน ซูชิ ก็จะอยู่ในระดับสายตาของเขาพอดี

เมื่อเห็นดังนั้น ผมก็เลยย่อเข่าลง ดูซูชิ ในระดับที่เขาเห็น ผมก็ได้คำตอบทันทีว่า

ในมุมมองของผมยืนอยู่ผมจะเห็น ซูชิ จากด้านบนมองลงมา ผมจะเห็นหน้าซูชิทั้งหน้าจากด้านบน

ส่วนมุมมองของลูกผม เห็นนั้นเห็นแต่ด้านบนครึ่งหน้าของ ซูชิ ก้อนไหนใส่หน้าซูชิครึ่งหน้าเยาะ 

ก็จะแลเห็นเหมื่อนว่า ซูชิ หน้าก้อนนั้นใส่เยาะ ใส่สูงขึ้นมา ดูเยาะจริง (ในมุนราบที่เห็นระดับสายตา)

แต่พอดูด้านหลัง(จากด้านบนที่เห็นทั้งหน้า) ด้านครึ่งหลังนั้น หน้าอาจไม่มี หรือมีน้อยมาก

ต่างจากที่ผมเห็นผมเห็นเป็นด้านบน เห็นทั้งชิ้น จะเห็นว่าทั้งหน้าเยาะทั้งชี้น น้อยทั้งชิ้น หรือทั้งชิ้นมีหน้าแค่ครึ่งเดียว

ชิ้นไหน เยาะจริงๆ เป็นชี้นไหน

ทำให้ผมคิดไปว่า ถ้าต้องการให้ลูกเลือกชิ้นเดียวกันกับผม เห็นตรงกัน ก็มีอยู่ 3 วิธี

1. ผมก็ต้องเอาเก้าอี้ให้เขายืน แล้วให้เขาเลือก ก็จะมีความเห็นตรงกัน ว่าชิ้นไหนเยาะ เลือกชิ้นเดียวกันได้

2. เราอยากจะเห็นว่าชิ้นไหนเยาะเหมื่อนที่เขาเห็น เราก็ต้องคุกเข่าลงดูในมุมของเขา ก็จะเห็นอย่างเขาเช่นกัน

3. ให้ทางร้านจัดตั้งถาดใหม่ ให้ยกถาดด้านหลังขึ้นสูงกว่าด้านหน้าเป็นมุมอย่างน้อย 30 องศา เพื่อที่ผมมอง

 และที่ลูกมองได้มุมมองที่เหมื่อนกันได้ (แค่เหมื่อนกัน ไม่ไช้มุมเดียวกันน่ะครับ)

ผมคิดถึงการทำงาน เปรียบได้กับว่า มุมมองของผู้บริหาร กับ มุมมองของผู้ปฏิบัติงาน นั้น เช่นเดียวกัน

สำหรับผู้บริหารแล้ว เห็นว่าประโยชน์สูงสุดที่ให้กับผู้ปฏิบัติงานคืออะไร (ซูชิที่มองจากด้านบนที่เห็นชัดว่าชิ้นไหนเยาะ ก็อยากให้เลือกชิ้นนั้น)

กับมุมของผู้ปฏิบัติงาน เห็นประโยชน์สูงสุดของเขาเช่นกัน (ชิ้นที่เขาเห็นว่าเยาะของเขา) เขาก็จะเลือกชิ้นนั้น

แต่ทว่า ชิ้นที่ผู้บริหารเลือก กลับไม่ใช้ชิ้นเดียวกันกับผู้ปฏิบัติงานเลือก มันจึงไม่ใช้ชิ้นที่ดีที่สุด (เยาะที่สุด) ของทุกคน

เพราะการมองที่ต่างมุมกัน และเห็นไม่ตรงกัน

ฉะนั้นการเลือกซูชิ ที่จะให้เห็นตรงกันนั้น ผมสามารถหาเก้าอี้ให้ลูกผมยืนมองในมุนของผมได้ และลูกผมก็จะเลือกชิ้นเดียวกับที่ผมเลือก

แต่ในโลกของความจริง คุณจะไม่สามารถยกระดับความคิดของผู้ปฏิบัติงานทั้งหมด เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดมองในมุมของผู้บริหารได้ 

ที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร (หน้าซูชิที่เยาะอย่างเห็นได้ชัด)

ส่วน ถ้าผมยอมคุกเข่าลงดูในมุมมองของลูกผม เพื่อได้เห็นมุมมองของลูกผม ผมสามารถทำได้ และเห็นชิ้นที่เยาะชิ้นเดียวกับที่ลูกผมเห็น

ผู้บริหาร เช่นกัน หากยอมลดตัว แล้วมองดูในมุนของผู้ปฏิบัติงาน ก็จะเห็นว่าประโยชน์สูงสุดในมุมของผู้ปฏิบัติงานเห็น คืออะไร

แต่ทว่าในมุมนี้ ประโยชน์สูงสุดที่เห็นตรงกัน กับไม่ใช้ประโยชน์สูงสุดจริงๆ (ต่างจากการยืนมองจากด้านบน)

ยังเหลือทางเลือกอีกทาง ทุั้งสองฝ่าย ผู้บริหาร และพนังงานไม่ต้องทำอะไร ที่ต้องเปลี่ยนนั้นต้องเป็นตัวองค์กรเอง

ทำอย่างไร แก้ปรับปรุงองค์กรอย่างไร ให้มุมมองของทั้งสองนั้นเห็นตรงกัน

(ย้ำไม่ได้ให้เห็นในมุมเดียวกันน่ะครับ แต่เห็นในมุนที่มีผลลัพธ์ที่ตรงกัน)

กล่าวเหมื่อนกับว่าให้ร้านค้าซูชิ ยอมที่จะปรับปรุงร้าน

จัดวางถาดใหม่ เพื่อให้ทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถเห็นในมุมมองที่ตรงกัน

และเลือกให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด (ซูชิ ที่มีหน้าเยาะๆ)

ในแง่นี้ ถ้ามาใช้กับการเมืองก็น่าจะใช้ได้ ท่านๆ ที่มีความสามารถ และมีบารมี ที่สามารถทำได้ ทั้งหลาย นักวิชาการ ถอดหมวกมาเป็นประชาชน รองคิดดูน่ะครับว่า จะทำอย่างไร ให้คนทุกชั้น ได้เห็นตรงกัน จะได้เดินไปด้วยกัน หยุดความขัดแยงอย่างสิ้นเชิง

ขอบคุณครับ

อนึ่ง ยังมีเรื่องของ ข้อคิดข้าวมันไก่ และ ข้อคิดกาต้มน้ำชงกาแฟ  หากหาเวลาได้ จะเล่าให้อ่านน่ะครับ

หมายเลขบันทึก: 661954เขียนเมื่อ 7 มิถุนายน 2019 22:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2019 22:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท