มะกอกและไข่เน่า


“มะกอก”

มันไม่ใช่มะกอกน้ำเม็ดขนาดเท่านิ้วโป้งที่เราเอาลูกมากินกับพริกกะเกลือ แต่มันคือมะกอกยืนต้น โคนต้นโตราวคนโอบ

เมื่อก่อน ที่บ้านผมมีต้นมะกอกใหญ่โตอยู่หลังคอกหมู วันไหนทึ่พ่อไปสอยมันลงมาได้หลายลูก ยายก็จะเอามาปอกเปลือก มองเห็นเนื้อปุยๆเหมือนกับมะยงชิด รสชาติมันฝาดๆอยู่ในปาก แต่หวานที่โคนลิ้น ขยำและผสมเครื่องปรุงอีกไม่กี่อย่าง เติมน้ำลงไป จากนั้นยกมาตั้งเป็นเครื่องเคียงบนโต๊ะอาหาร 

ไม่ใช่สิ ที่จริงแล้วมันคืออาหารจานหลักต่างหาก มันถูกวางตัวเป็นแกงจืดถ้วยโปรดในมื้อนั้นเลยทีเดียวก็ว่าได้

ผมจากและห่างหายจากมะกอกไปน่าจะนานเกือบ ๒๐ ปี 

คนหาดใหญ่ไม่กินมะกอก

คนอีสานใช้มะกอกสุกมาตำในครกส้มตำปูปลาร้า 

ใช่..ผมเคยเจอมะกอกในส้มตำปูปลาร้าทึ่กรุงเทพฯ แต่ในช่วงหลังมานี้ เค้าใช้มะเขือมาแทนมะกอก ผมจึงห่างจากมันมาเนิ่นนาน

...............

“ปลาเต็มใต้ท้องเรือ” ทั้งหมดนี้คือเงินจำนวนมหาศาลที่จะได้มาหลังจากที่มันถูกลำเลียงขึ้นที่สะพานปลา  หัวเรือเบี่ยงเข้าหาฝั่ง เข็มทิศถูกตั้งไปที่ปากน้ำชุมพรที่อยู่ข้างหน้า

กระพุ้งแก้มตอบจากแรงดูด ส่งให้กลุ่มควันขนาดใหญ่ถูกดันลงไปถึงถุงลมในปอด นิโคตินจึงได้เริ่มแทรกซึมเข้าร่างกายผ่านแขนงหลอดเลือด ไปทำหน้าที่ของมันตามที่เจ้าของร่างกายต้องการ

ทุกคนต่างรู้และเข้าใจถึงพิษจากควันบุหรี่ แต่สมองที่ถูกทำให้เสพติด มันทำให้ความอยากดูดบุหรี่ชนะความรู้ที่ครูสอนมา มันชนะความเกรงกลัวต่อความเป็นพิษ และแน่นอนว่า เมื่อมันทำให้รู้สึกสุขใจ ติดใจ เกิดแรงทำงานทุกทีที่อยากมัน ควันบุหรี่ที่ฉุยออกมาทางสองรูจมูกจากเจ้าตัวที่นั่งอยู่หลังพังงาเรือ มันจึงยังคงคละคลุ้งอยู่อย่างนั้นร่ำไป

“มึงลงไปใต้ท้องเรือ เตรียมดูดน้ำเสียระบายออกหน่อย เดี๋ยวใกล้ถึงท่าแล้ว” เขาสั่งลูกเรือซึ่งเป็นชาวพม่าจำนวนหนึ่งให้ลงไปจัดการงานดังกล่าว โดยที่หารู้ไม่ว่า คำสั่งที่ดูเหมือนเป็นปกติเช่นทุกครั้ง มาคราวนี้มันได้คร่าชีวิตลูกน้องคู่เรือที่ทำงานด้วยกันมาหลายเดือน

บ่ายวันนั้น ภายใต้ท้องเรือมันไม่ได้มีแค่ปลา แต่ใต้ท้องเรือยังคงมีก๊าซที่เกิดจากการหมักปลาที่มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา 

“ก๊าซไข่เน่า” 

มันก็มีของมันอยู่บ้างตามปกติ แต่คราวนี้มันมีมากเกินไป 

ลูกเรือที่มุดลงไปทำงานเริ่มรู้สึกได้ อากาศที่สูดเข้าไปนั้นมันทำให้พวกเขาหิวอากาศ ยิ่งหายใจยิ่งเหนื่อย และเพียงห้วงเวลาหนึ่ง ก็มี ๓ คนที่หมดสติไป

กระบวนการช่วยชีวิตเกิดขึ้นในทันทีที่พวกเขาถูกนำตัวขึ้นมาด้านบน รถพยาบาลมาถึงที่ท่าเรืออย่างรวดเร็วด้วยระบบในปัจจุบัน เขาทั้งสามถูกนำตัวเข้าโรงพยาบาลจังหวัด

ท่อช่วยหายใจถูกสอดเข้าหลอดลมผ่านทางปาก ชายคนแรกต้องถูกซีพีอาร์และทีมแพทย์เรียกเขากลับมาไม่ได้ อีก ๒ คนอาการก็ยังน่าเป็นห่วง 

“เราต้องการยาแก้พิษให้เร็วที่สุด ไม่งั้นอาจจะเสียไปอีก ๒ คน” การพยายามช่วยชีวิตโดยไม่ได้คิดว่านี่คือคนงานต่างชาติ แต่การช่วยเหลือเพียงแค่นั่นเพราะเขาคือคนร่วมแผ่นดิน คือเพื่อนร่วมโลก มันช่างน่าศรัทธา เบื้องหลังของพวกเขาก็คือครอบครัว ที่นั่นมีคนที่รักรอคอยเขาอยู่

“โรงพยาบาลเราไม่มีโซเดียมไธโอซัลเฟตนะครับ” เภสัชกรประจำโรงพยาบาลรายงานมา นั่นคือยาที่จะช่วยชีวิตชายทั้ง ๒ ได้ 

ชายทั้ง ๓ คนถูกวินิจฉัยว่าหมดสติจากการดมก๊าซไข่เน่าใต้ท้องเรือประมงนั่นจนเกินขอบเขตของความปลอดภัย

“แต่ตรวจสอบแล้ว ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ฯมียานะครับ” ใครสักคนที่กำลังง่วนอยู่กับความพยายามในการหายาตัวนี้บอกให้ทีมรับทราบ

“ทำยังไงก็ได้ โทรไปขอยาเดี๋ยวนี้เลย” หัวหน้าทีมแพทย์เอ่ยขึ้นมา

แต่นั่นมันก็เป็นเวลาเกือบสองยาม!

แล้วทางทีมงานก็ได้ติดต่อเภสัชกรที่อยู่เวรประจำโรงพยาบาลสุราษฎร์ฯในทันที

“ตุ้ม” เขาคือเพื่อนผม 

เพื่อนสมัยตั้งแต่เรียนชั้นม.๑ ในโรงเรียนประจำจังหวัด เขาคือเภสัชกรที่อยู่เวรในระบบยาของโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี

“ยามีครับ เดี๋ยวจะจัดการให้ แต่หากจะมาเอายาเอง จะเสียเวลามาและกลับ เอางี้ เรามาเจอกันครึ่งทาง ผมจะขับรถออกไปตอนนี้เลย แล้วเรามาเจอกันที่อำเภอหลังสวนนะครับ” เขาเสนอออกไปอย่างนั้น ด้วยเพราะตระหนักแล้วว่า ระยะทางเกือบ ๒๐๐ กิโลเมตร หากมาและกลับ มันคือ ๔๐๐ กิโลเชียว เวลาแต่ละนาทีมันมีค่ามากเหลือเกินในตอนนี้

ตุ้มรีบจัดการแพ็คยาโซเดียมไธโอซัลเฟตที่มีในห้องยา และเตรียมโซเดียมไนเตรท เผื่อติดรถไปด้วย แล้วเขาก็จัดการขับรถฝ่าความมืดออกไปด้วยตัวเองในตอนนั้นเลย

ยาถูกส่งมอบกันที่อำเภอหลังสวนหลังจากนั้นราวเกือบชั่วโมง

ยาถูกใช้เพื่อช่วยชีวิตชาย ๒ คน ซึ่งเป็นแรงงานชาวพม่า 

และเขาทั้งคู่รอดชีวิตกลับไปหาครอบครัวได้จริงๆ

.....................

วันนี้ผมได้เจอ “ตุ้ม” เพื่อนร่วมชั้นม.ต้น เค้าเป็นเภสัชกร ศิษย์สงขลานครินทร์

เค้าบอกว่า สัญลักษณ์ของคณะเภสัชคือช่อมะกอก ผมว่าช่อมะกอกช่อนี้มันโคตรดี

เอิ่ม.. มันคนละมะกอกกันไหม

...................

“อยากกินยำมะกอก” ผมบอกยาย

ยายณีซึ่งเป็นน้องสาวของยายแท้ๆอีกที

แกก็ดีใจหาย มะกอกสุกที่แอบเอาไปแช่ช่องแข็งไว้

“รอแป๊ะมา แป๊ะอยากกิน” แกว่ามาอย่างนั้น

เอาออกมาตั้งให้น้ำแข็งละลาย ฉีกเปลือกพอหยาบๆให้เห็นเนื้อปุยๆของมัน หั่นหอมแดงซอย กะปิ (ไม่ต้องเผา) เนื้อปูม้า (ถ้าเป็นทวด ไม่ใส่ปลาย่างก็กุ้งแห้ง) สาดเกลือลงไปหน่อย เค้าไม่ใช้น้ำปลาเพราะมันจะทำให้คาวเกินไป ขยำให้เข้ากัน ประเภทที่ทะลักออกทางง่ามนิ้วเลย จากนั้นก็ใส่น้ำลงไปให้เม็ดมะกอกลอยเท้งเต้ง

“พรูดดดดดด” เสียงผมซดน้ำมะกอก แล้วรอให้มันสัมผัสกระพุ้งแก้มสักนิด 

มันมีรสฝาดติดลิ้นพอให้รู้สึกว่ามันอ้อร้อ แล้วพอได้กลืน มันจะมีรสหวานติดที่โคนลิ้น

“อูยยยยย” ผมคราง และแน่นอนว่าคนที่พึงใจอย่างมากก็คือยายณี

จบแล้ว รสชาติที่รอคอยมาเกือบ ๒๐ ปี มันฟินนัก “ยำลูกกอก” 

“มันไม่ใช่มะกอกน้ำ” ยายบอก

“แล้วมันมะกอกอะไร” ผมถาม

“ก็มะกอกธรรมดา มันคือไม้ยืนต้น อายุยืน” ยายอธิบาย

“ออ..มะกอกธรรมดา แล้วมันคือมะกอกอะไร” ผมยังคงสงสัย เพราะชื่อไทยมักมีนามสกุล เช่นมะขาม มะขามหวาน เป็นต้น

“ก็มะกอก มันคือมะกอกธรรมดา ไม่ใช่มะกอกน้ำ” ยายยังคงพยายามอธิบายให้ฟัง

“ออ..มะกอกธรรมดา แล้วมันคือมะกอกอะไรอ่ะ” ผมยังคงเป็นเจ้าหนูจำไม

ผัวะ....

เมียตบเข้าที่สะบักขวา

“กวนยายทำไม” เธอจ้องเขม็ง

“ไม่ได้กวน เค้าสงสัย” ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้แพ้

“ก็พ่อแค่สงสัย”  ใช่สิ ผมเป็นผู้แพ้จริง

“แล้วนี่กลิ่นอะไร เหมือนก๊าซไข่เน่า” เมียบ่น

ผมขนลุกซู่ 

บ้านเราโล่งและมีลมโกรก

บ้านเราไม่ใช่ใต้ท้องเรือประมง

บ้านเราไม่ได้หมักปลาหมักกุ้ง

และบ้านเรา ต้องไม่มีก๊าซไข่เน่าสิ

ผมนึกถึง “ตุ้ม”

ผมนึกถึงโซเดียมไธโอซัลเฟต

“พ่อตด”

และคราวนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองคือผู้ชนะสักที หึหึ

ธนพันธ์ ชูบุญซดน้ำซุปมะกอกแสนชื่นใจ

๑๓ เมย ๖๒

มันคือมะกอกไข่นก ยายณีบอกหลังจากผมถูกตบดังผัวะ!

หมายเลขบันทึก: 661287เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2019 22:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน 2019 22:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท