หนังสือ How Emotions Are Made บทที่ชื่อ Mastering Your Emotions ตอนหนึ่งกล่าวถึงวิธีการแนวพุทธ deconstructing the self คือให้ละวางตัวตน เพราะเป็นสิ่งสมมติ หากยึดมั่นถือมั่น ก็จะเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์
การยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เป็นโรคเรื้อรัง เพราะจิตกับกายไม่แยกกัน เมื่อจิตสั่นคลอน เพราะมีความยึดมั่นในตัวตนเป็นเหตุ กายก็มีการเปลี่ยนแปลงภายใน รวมทั้งพฤติกรรมการดำรงชีวิตภายใต้จิตที่สั่นคลอน ก็จะมีแนวโน้มเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โรคเรื้อรังก็ตามมา
การละวางอัตตาขั้นสูง คือ “กายทุกข์ แต่จิตไม่ทุกข์ด้วย” แยกกายกับจิต รับรู้ความไม่สบาย ความเจ็บปวดทางกาย แต่ไม่เอามายึดถือ ไม่เกิดความทุกข์ เขาใช้คำว่า recategorizing suffering as discomfort และ deconstructing the mental into the physical ซึ่งก็หมายถึงแยกจิตกับกายออกจากกัน
ในทางพุทธ ถือว่า “ตัวตน” เป็นสมมติ ไม่มีอยู่จริง เกิดจากการสร้างขึ้นของจิต ผู้เขียน (Lisa Feldman Barrett) บอกว่า มุมมองด้าน social psychology อัตตาตัวตน เป็น social construct หรือสิ่งสมมติทางสังคม และคนเรามีหลายตัวตน ตัวตนของแต่ละคนสร้างขึ้นใหม่ในทุกขณะจิตโดย interoceptive network ในสมองส่วนที่เรียกว่า default mode network หรือ self system ที่สร้างตัวตนขึ้นมาจากการรับรู้สถานภาพภายในกาย ผสานกับการรับรู้โลกภายนอก
เขาแนะนำวิธีจัดการความทุกข์โดยวิธี recategorization หรือควบคุมอารมณ์ เปลี่ยนความรู้สึกไม่สบายต่างๆ เป็นการรับรู้ทางกาย ช่วยให้ความโกรธ กังวล และความผิดหวังละลายไป
วิธีเปลี่ยนชุดการรับรู้ (recategorization) อย่างหนึ่งคือการภาวนา ... สติภาวนา (mindfulness meditation) มีผลการวิจัยพบว่า คนที่ปฏิบัติภาวนา มี interoceptive และ control network ใหญ่ และการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในสมองแข็งแรงกว่าคนทั่วไป
วิจารณ์ พานิช
๓๐ มี.ค. ๖๒
ห้อง ๗๐๘ อาคาร ๘๔ ปี ชั้น ๗ ฝั่งตะวันตก โรงพยาบาลศิริราช
สนใจหนังสืออ่านครับ