โรคหัวใจมันแสลงท้อง


ฤๅการคลอดในไอซียูมันมีอาถรรพ์ ใครที่มาคลอดในสถานที่แห่งนี้มักไม่รอดชีวิต ใช่ไหม

นานมาแล้ว เรามีคนไข้คนหนึ่ง เธอเป็นโรคหัวใจชนิดรุนแรง รูรั่วของผนังหัวใจที่เธอเป็นอยู่นั้น มันทำให้เลือดดำจากหัวใจห้องขวาถูกส่งไปยังห้องซ้ายผสมกับเลือดแดงและถูกปั๊มออกไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ดังนั้น ร่างกายก็จะได้รับเลือดที่มีความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำไปใช้ตลอดเวลา

เราเรียกลักษณะแบบนี้ว่า “เขียว” เขียวเหมือนคนถูกบีบคอ

เธอท้อง และหัวใจของเธอทนแบกภาระการปั๊มเลือดไม่ไหว เธอถูกส่งมาโรงพยาบาลของเราด้วยอาการหัวใจล้มเหลว มีอาการหอบเหนื่อยตลอดเวลา 

ลองหลับตานึกถึงเราที่วิ่งออกกำลังกายดูสิ

ใช่ เธอเหนื่อยแบบนี้ตลอดเวลา แม้แต่นอนเฉยๆก็ยังเหนื่อย

อายุครรภ์ขณะนั้นก็ล่วงไปราวเกือบ ๒๐ สัปดาห์  ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยจากการท้อง มันมากพอที่จะขยี้หัวใจที่บอบบางของเธอได้

ทีมแพทย์ของเราและครอบครัวเธอตัดสินใจที่จะทำแท้ง เพราะหากปล่อยให้ท้องโตไปกว่านี้ เธอคงหัวใจวายตายไปในเวลาไม่นาน

“เราต้องไปทำแท้งในไอซียู” อาจารย์บู้ หนึ่งในจอมยุทธของพวกเราเป็นเจ้าของเคส เค้าไม่ยอมให้แท้งในวอร์ดปกติ

ทุกคนเห็นด้วย 

แล้วเราก็ส่งต่อการดูแลไปยังทีมหมอของไอซียู เพราะเรื่องการจัดการ เฝ้าระวัง และการดูแลผู้ป่วยหนักแบบนี้คงไม่มีใครเก่งไปกว่าเขา

การทำแท้งเริ่มขึ้น

อาจารย์บู้ยืนเฝ้า นั่งเฝ้า เค้านั่งทำงานงานกับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวอยู่ข้างเตียงคนไข้ที่การหายใจเริ่มดีขึ้น คลายเหนื่อยน้อยลงบ้างจากการรักษาของพวกเรา 

“เด็กออกมาแล้วนะครับ” เสียงบอกดังขึ้นมาให้ทีมส่วนหนึ่งที่อยู่นอกม่านได้รับทราบ หมอไอซียูก็ยืนอยู่ด้านนอกนั้น เพราะเค้ารู้ว่า วิกฤตมันจะเกิดหลังจากนี้ต่างหาก

“รกกำลังจะออกนะครับ” มันเหมือนพวกเรากำลังจะออกวิ่ง แล้วฟังสัญญาณขานจากกรรมการ 

เข้าที่ ..

ระวัง ..

“ปัง” ยังไม่ทันสิ้นเสียงปืน เหล่านักวิ่งก็ออกตัวสุดฝีเท้า

“รอออก” อาจารย์บู้มีเหงื่อซึมแผ่นหลัง

และเพียงไม่นานหลังจากนั้น เสียงหัวใจจากจอมอนิเตอร์ก็แสดงอาการของความไร้ประสิทธิภาพ มันสั่นระรัวไร้ซึ่งจังหวะอย่างที่ควรเป็น ทีมหมอไอซียูเข้ามาแทนที่ 

การปั๊มหัวใจช่วยขีวิตเริ่มต้นขึ้นในทันที

ผ่านไปราวชั่วโมง ไร้ซึ่งวี่แววของการกลับมา

เราเสียเธอไปจริงๆ

มันยังติดตา 

คนท้องไม่ควรตาย คนไม่ควรท้องก็ไม่ควรท้อง คนเป็นโรคหัวใจไม่ควรท้อง นี่คือตัวอย่างความสูญเสียที่เรียกคืนกลับไม่ได้

...................…

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

“อาจารย์ บู้ยังจำเตียงนั้นได้ติดตา” อาจารย์บู้คุยกับพวกเรา ในช่วงเวลาที่ทีมเราเดินมาเยี่ยมเจ้าหนูน้อยคนหนึ่งในไอซียู

คนไข้บนเตียงตรงหน้า คือหญิงสาว เอ๊ะ..หรือเราควรเรียกว่าเด็กหญิงดีนะ เธอกำลังนอนหายใจผ่านท่ออย่างไร้สติ หมอไอซียูให้ยาคลายกล้ามเนื้อชนิดสมบูรณ์ซึ่งทำให้เธอหายใจตามการทำงานของเครื่องช่วยหายใจอย่างไร้แรงต้าน ยามอร์ฟีนและยานอนหลับชนิดแรงถูกฉีดเพื่อลดความกังวล ลดความเจ็บปวดจากการแทงเส้นต่างๆทั่วร่างกาย

เธอถูกส่งมาจากนราธิวาส

“ฟาดิลลา” คือชื่อของเธอที่ผมตั้งให้ มันคือนามสมมติสินะ

ฟาดิลลาคือเด็กสาวที่เพิ่งผ่านพ้นอายุ ๑๔ ปีมาไม่กี่เดือน เธอตั้งท้องกับรุ่นพี่ที่อายุห่างกัน ๒ ปี

“มันคือของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า” ในเมื่อมันได้มาเพราะความรัก เธอและครอบครัวจึงไปรับการฝากครภ์ตั้งแต่เริ่มรู้ว่าตั้งท้อง

การจะมีลูกคือความสุขของฟาดิลลา หรือไม่ก็ไม่มีใครรู้

“เธอแข็งแรงดี ลูกดิ้นดี ทุกอย่างกำลังไปได้สวย” พยาบาลที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่เธอไปฝากครรภ์อยู่บอกมาอย่างนั้น ตอนนี้อายุครรภ์ของเธอล่วงเข้ามาถึงช่วงปลาย มันน่าจะราวๆ ๓๔ สัปดาห์

แล้วเธอก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เธอมีไข้ต่ำๆ ครอบครัวคิดว่าเธอคงเป็นหวัดธรรมดา

หลังจากเริ่มเป็นหวัดได้เพียง ๕ วัน เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยมากขึ้น ต้องหยุดพักจากการเดินเพียงระยะทางสั้นๆ และดูตัวบวมๆ ฉุๆ

“นั่นคงเพราะท้องแก่กระมัง” ใครที่เคยท้องน่าจะเข้าใจ ว่าบวมและเหนื่อยในช่วงใกล้คลอดนั้นมันคือสิ่งที่ปกติไม่ใช่หรือ

จากที่เดินได้ เดินได้น้อยลง จนเดินไม่ไหว เพราะมันเหนื่อยแทบขาดใจ ฟาดิลลาต้องคลานแทนการเดิน ถึงเวลานี้ ทุกคนในบ้านเข้าใจตรงกันแล้ว ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ

ฟาดิลลาถูกพาไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ ซึ่งเมื่อแพทย์ได้มาเจอ ก็ตัดสินใจรีบส่งตัวเธอเข้าโรงพยาบาลจังหวัดในทันที

เสียงหวอรถพยาบาลนำทางดังมาแต่ไกล แต่ถนนในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่ถูกคั่นด้วยด่านทหารมากมายนั้น มันก็ชะลอรถได้ทุกคัน

หมอสูติฯประจำโรงพยาบาลจังหวัดได้รีบจัดการใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะเธอเหนื่อยมาก การไหลเวียนของเลือดกำลังล้มเหลว เธอหัวใจวาย เลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง

เวลาในรถพยาบาลจากนราธิวาสเพียง ๒ ชั่วโมงดูเหมือนไม่นาน แต่เชื่อได้ว่า สำหรับพี่สาวที่นั่งมาข้างเธอ มันคงนานราวชั่วกัลป์

ฟาดิลลาถึงโรงพยาบาลของพวกเราในช่วงเที่ยงคืนเศษ ทีมหมอของพวกเราเตรียมพร้อมรอรับเธออยู่แล้ว

พี่เปิ้ลเป็นอาจารย์เวร 

ทำไมนะ

ทำไมจึงต้องเป็นพี่เปิ้ลเสียทุกที

ผมว่า สวรรค์คงตั้งใจ เพราะใครก็ตามที่ได้พี่เปิ้ลดูแล คนๆนั้นหากจะต้องตายก็ให้โปรดเชื่อ ว่าเขาจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

พี่เปิ้ลได้ติดต่อทีมไอซียู ทีมหมอผ่าตัดของเธอ และวางแผนเรื่องเลือด เรื่องดมยาสลบ เรียกได้ว่า มาให้ถึงเถิด

แล้วเธอก็มาถึง

หัวใจของฟาดิลลาหยุดเต้นต้อนรับทีมเราในทันทีที่เราจะยัายเธอจากห้องฉุกเฉินไปไอซียู

“Arrest” สัญญาณจากจอเครื่องมอนิเตอร์แสดงให้เห็นว่าหัวใจเธอหยุดทำงาน

การซีพีอาร์เกิดขึ้นในทันที แล้วเธอก็กลับมาในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็ถูกปั๊มกันเป็นรอบที่สอง

เธอยังอยู่กับเรา

“คนไข้คนนี้ต้องไม่ตาย” หมอหัวใจมาช่วยดูอาการ หากมีอะไรต้องจัดการรีบด่วนให้ตามผมในทันที เขาบอกมาอย่างนั้น

มันน่าชื่นใจนัก

“หากหัวใจมันไม่ไหว เราจะพาไปใส่ ECMO” มันคือหัวใจและปอดเทียมครับ เราจะเอาเลือดออกจากตัว ให้เจ้าเอ็กโม่นี่แหละปั๊มเลือด แลกเปลี่ยนแก้สให้ ให้หัวใจและปอดคนไข้ได้พักผ่อน เมื่ออาการดีขึ้นจึงจะเอามันออก

แหม..มันยิ่งน่าชื่นใจแทนเจ้าหนูนี่นัก

“ตอนนี้เด็กในท้องเสียชีวิตแล้ว เรามีเวลาอีกสักนิดที่จะรอ” อาจารย์จิน อาจารย์กระแตก็มาช่วยกันดูด้วยกัน

“เมื่อตอนเช้า เราหยุดยาคลายกล้ามเนื้อแล้วนะครับ การหายใจดีขึ้น” คุณหมอประจำไอซียูเดินเข้ามาบอกอาการของฟาดิลลา อาการของเธอดีขึ้น ยาหลายชนิดถูกฉีดเข้าไปเพื่อพยุงสัญญาณชีพ การล้างไตถูกนำมาใช้ในไอซียูเพราะเธอยังคงมีไตวายด้วยเช่นกัน

“เดี๋ยวธรรมชาติจะจัดการด้วยตัวของมันเอง” อาจารย์เจ๊จินกำลังบอกว่า การคลอดน่าจะเกิดขึ้นในไม่นานนี้หลังจากที่เราทราบว่าปากมดลูกของเธอเริ่มเปิดขยาย

“อาจารย์ขา ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว” เสียงจากคุณหมอหมิงโทรศัพท์มารายงานพี่เปิ้ลในช่วงเวลาเที่ยงครึ่ง

แล้วเราก็เดินไปดูด้วยกัน

“สัญญาณชีพยังคงพอไหวค่ะ เหมือนเมื่อเช้า ออกซิเจนดูดี แต่หัวใจยังเต้นเร็ว” ลูกศิษย์รายงาน และในตอนนั้น เราก็เห็นมีถุงน้ำคร่ำโป่งออกมาจากช่องคลอดของฟาดิลลา

โดยปกติ หากมาถึงขั้นตอนนี้ คนท้องจะเบ่ง “อื้ด อึ๊ด” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ฟาดิลลายังคงไร้สติ

พี่เปิ้ลยังคงยืนเฝ้ารออีกราวชั่วโมง และคราวนี้ผมเป็นคนเบ่งให้ฟาดิลลา

เอ๊ะ..?

ใช่ครับ เธอเบ่งไม่ได้ ผมเลยต้องช่วยเบ่งโดยการเอามือดันที่ยอดมดลูก หัวของเจ้าหนูน้อยนั่นมาตุงในช่องคลอดเต็มที่ ฝีเย็บบางเฉียบ

“ประคองดีๆ อย่างให้ฝีเย็บฉีก” ผมสั่งการ เพราะรู้กันอยู่ ว่าการแข็งตัวของเลือดมันเสียไป เดี๋ยวเลือดจะออกไม่หยุด

ผมรอการแข็งตัวของมดลูก แล้วดัน ดันอีกนิด ดันอีกนิด โอย...ผมครางเสียงสั่น คนอื่นอาจจะเข้าใจว่าผมคงกำลังลุ้น แต่ที่ไหนได้ ผมครางเพราะกำลังเจ็บปลายข้อศอกที่มันเพิ่งแตกเมื่อ ๓ วันก่อนนั่นอยู่ต่างหาก อูย...

แล้วหัวเจ้าตัวน้อยก็โผล่ออกมา เราดึงอีกนิด หัวไหล่ก็ออก ดึงอีกนิดก็คลอดได้ทั้งตัว 

น้ำคร่ำเป็นตะกอนสีเขียวดำ เด็กคงตายมาก่อนในระยะราววันสองสามวัน ตัวมันแข็งแล้ว

พี่เปิ้ลเงียบไป เรื่องแบบนี้กระทบใจแกง่าย เด็กถูกวางไว้ระหว่างขาของแม่และถูกคลุมไว้ด้วยผ้าเพื่อป้องกันการอุจาด หน้าตามันจิ้มลิ้มนัก

ถึงเวลาที่ต้องลุ้น เพราะรกกำลังจะออก เรารู้ดีว่า เมื่อรกออก มดลูกเล็กลง เลือดจะไหลกลับเข้าสู่หัวใจอีกระลอก ตายไม่ตายก็อยู่ตรงนี้ พี่เปิ้ลสั่งการเรื่องเตรียมน้ำเหลืองที่จะมาให้เผื่อตกเลือด ยากระตุ้นการแข็งตัวของมดลูกอย่างดีถูกฉีดเข้าไป

รอได้อีกครึ่งชั่วโมง ผมก็มาดึงรกออกให้

โล่งไป เพราะราวสองชั่วโมงแรกหลังคลอด สัญญาณชีพของเธอยังอยู่

พวกเรารู้สึกโล่งใจและผ่อนคลาย

แต่ราวเที่ยงคืน อาการของฟาดิลลาแย่ลง หัวใจเธอหยุดเต้นอีกรอบ การซีพีอาร์เรียกเธอกลับมาได้อีก ทีมหมอผ่าตัดหัวใจเตรียมเข็นเตียงเธอเข้าห้องผ่าตัดเพื่อไปใส่ ECMO แต่ไม่ไหว หัวใจเธอหยุดเต้นอีก ๒ ครั้ง คราวนี้หัวใจเธอไม่กลับมา 

เธอจากเราไปแล้วจริงๆ

“ไปอยู่กับลูกนะเธอ” ผมอธิษฐานส่งตามหลังไปให้ เพราะมาทราบเหตุการอีกครั้งในช่วงเช้าของอีกวัน

.........................

วันนี้ผมพาเจ้าจ้าขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯ ช่วงชีวิตของสาวน้อยวัย ๑๓ ปีที่นั่งอยู่ข้างผมในตอนนี้มันช่างสดใสนัก ไปเรียนก็สนุก เล่นกับเพื่อนก็สนุก ทะเลาะกับเพื่อนก็กลับมาร้องไห้ แล้ววันรุ่นขึ้นก็กลับไปเล่นกันใหม่ โลกของชีวิตวัยรุ่นมันก็ไม่พ้นเรื่องเพื่อน เจ้าลูกสาวมันดูมีความสุขนัก 

ผมแว้บนึกไปถึงฟาดิลลา สาวน้อยวัย ๑๕ ปี เธอออกจากระบบการเรียนมาเตรียมพร้อมในการเป็นแม่คน เรายังไม่มีโอกาสได้คุยกันถึงความรู้สึกของการจะเป็นแม่กันเลย เวลาที่เราได้เจอกันก็เพียงช่วงเวลาสั้นๆในไอซียูเท่านั้น แล้วเธอก็จากเราไป

ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าแท้จริงแล้วนั้น เธอมีความสุขจริงๆไหม เธอมีเพื่อนสักกี่คน เธอได้เล่าเรียนมามากน้อยแต่ไหน แล้วจะมีใครบ้างที่จะเสียใจจากการจากไปของเธอ ไม่นับรวมแม่ พ่อ และพี่สาวของเธอเอง

ผมหยุดอารมณ์แล้วหันมามองเจ้าตัวน้อย มันกำลังดูรูปตัวเองกับผองเพื่อนที่ทำกิจกรรมร่วมกัน แล้วก็ต้องปิดมือถือ เพราะกัปตันกำลังจะนำเครื่องบินลงแล้ว 

เฮ้อ

ธนพันธ์ ชูบุญลูกสาวเกือบสิบห้าปีแล้ว

๑๕ กพ ๖๒

หมายเลขบันทึก: 660535เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2019 09:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มีนาคม 2019 09:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท