ผมเชื่อว่า เจ้าชายสิทธัตถะ คือบรรพชนของคนสยามนั่นเอง (เหตุที่เชื่อเช่นนี้เพราะได้ศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้วและเขียนอธิบายไว้ในบันทึก ๓ ตอน ที่นี่ ๑ ๒ และ ๓) การปลงใจเชื่อนี้ ทำให้มีตัวอย่างการจัดการศึกษาที่สามารถสืบสานนานกว่า ๒,๖๐๐ ปี มาเขียนบันทึกแลกเปลี่ยนกับท่าน
เจ้าชายสิทธัตถะคือพระโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ของกรุงกบิลพัตร์ มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะอายุได้ ๗ พรรษา พระเจ้าสุทโธทนะได้พาเจ้าชายไปร่วมในงานพิธีแรกนาขวัญด้วย... นั่นแสดงว่า คนไทยทำพิธีแรกนาขวัญมาตั้งแต่สมัยโน้นแล้ว ... ๒,๖๐๐ ปี... ระบบการศึกษาแบบไหนกัน ที่ทำให้ประเพณีอันดีงามนั้นสามารถสืบสานนานถึงกึ่งพุทธกาลขนาดนี้
ผมสังเคราะห์ว่า ปัจจัยที่ทำให้ คนไทยสามารถถ่ายทอด สืบทอด สืบสาน หรือส่งต่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมอันดีงาม และโดยเฉพาะพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาได้ยาวนานถึง ๒,๖๐๐ ปี คือ " ๓ เสาหลัก ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรย์"
การศึกษาที่มี ๓ เสาหลักปักแน่นนี้ ทำให้การศึกษาของไทยแตกต่างจากประเทศใด ๆ ในโลก อาจเรียกสั้น ๆ ว่า "บวร" หรือที่เรียก บ้าน วัด โรงเรียน
บ้านวัดและโรงเรียน ไม่ควรแยกจากกัน ควรมีส่วนเชื่อมโยงกัน เสริมหนุนกัน บูรณาการกัน อาจเรียกว่า "บวร" ซึ่งหลักคิดนี้จะทำให้ การเมืองการปกครอง ศาสนา และกษัตริย์ จะไม่แยกจากกัน ต้องมีส่วนเชื่อมโยงกัน
สรุป การศึกษาที่ดำรงไว้ซึ่ง ๓ เสาหลัก จะทำให้ภูมิปัญญา ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย มีอยู่สืบไป
.....................................................................................................................................................
แต่ถ้าประเทศไทย ได้รัฐบาลที่มีนโยบายจะทำลายหรือแยก ๓ เสาหลักออกจากกัน ทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ แยกศาสนาออกจากการปกครอง ดึง "ประชา" ออกจาก "ราชา" ... การศึกษาเพื่อความยั่งยืนก็จะพังมลายไป ...จากการติดตาม ฟังคลิป ดูความคิดความอ่านของหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง มีวิธีคิดและอุดมการณ์ อันตรายต่อ ๓ เสาหลักนี้มาก ... น่าเป็นห่วงยิ่ง
ไม่มีความเห็น