ความเชื่อเรื่อง พุทธอุบัติภูมิ (๓)


บันทึกที่ (๑) บอกว่า ตำแหน่งที่ตั้งเมืองต่างๆ ในอินเดียและเนปาล ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ปรากฎในพระไตรปิฏก ถ้าเรานับถือเถรวาทจริง สิ่งที่แสดงไว้ในอินเดียเนปาลนั้น ไม่ใช่สถานที่จริงของสังเวชณียสถาน 
บันทึกที่ (๒)บอกว่า ข้อมูลที่ทีมวิจัยเรื่อง "พระพุทธอุบัติภูมิไม่ใช่ในอินเดียเนปาล แต่อยู่ในสุวรรณภูมิ" นำเสนอ หลายอย่างสอดคล้องกับข้อมูลในพระไตรปิฎก  และค่อนข้างชัดเจนว่า บรระบุรุษของประชาชนคนในสุวรรณภูมิขณะนี้ คือผู้ที่อยู่ในแคว้นมคธในตอนนั้น อันเป็นตำแหน่งที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น 
จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้ศึกษา และสรุปมาใน ๒ บันทึกดังกล่าวนั้น  สมมติฐานเกี่ยวกับ "พระพุทธอุบัติภูมิ" เป็นไปได้เพียง ๓ แนวทางได้แก่ 
  • ๑) พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ที่สุวรรณภูมิ และคนที่อยู่สถานที่พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้น ก็คือชาวสุวรรณภูมิในขณะนี้
  • ๒) พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ที่อินเดียหรือเนปาล หรือศรีลังกา (แต่ไม่ใช่ตรงตามหลักฐานที่ว่ากันในปัจจุบัน) อพยพมาอยู่ที่สุวรรณภูมิสืบสายมาจนบัดนี้ 
  • ๓) พระพุทธอุบัติภูฒิอยู่ที่สุวรรณภูมิ ขยายไปที่อินเดีย ก่อนจะเสื่อมในสุวรรณภูมิ เจริญรุ่งเรืองที่อินเดีย แล้วขยายกลับมาเจริญใหม่ในสุวรรณภูมิ 

ก่อนจะมาพิจารณาว่าอย่างไรมีน้ำหนักมากกว่า  มีเรื่องเล่าของผู้ที่เราเชื่อว่าเป็นพระอริยะและบุคคลสำคัญ ๒ คน ให้ท่านศึกษา คือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  และพระเจ้าอโศกมหาราช  ดังนี้


เรื่องเล่าจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ผู้ที่บันทึกเรื่องเล่าของหลวงปู่มั่นไว้ และมีผู้นำมาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ต่างๆ มากที่สุดคือ หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ พระอุปัฏฐากใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในหนังสือชื่อ "รำลึกวันวาน" (อ่านได้ที่นี่)
ขอย้ำอีกครั้งครับว่า การโกหกว่ารู้เห็นเป็นพิเศษ (อุตริมนุษยธรรม คุณวิเศษ) สำหรับพระเป็นหนึ่งในปาราชิก ๔ ที่จะทำให้ผู้พูดหมดจากความเป็นสงฆ์ ... ท่านย่อมไม่โกหก
ผมจับประเด็นจากเรื่องเล่าได้ว่า 
  • พระเจ้าปเสนทิโกศล มาเกิดเป็นรัชกาลที่ ๔ ของรัตนโกสินทร์  กลับมาฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ตามคำปรารถของพระพุทธเจ้าที่เกล่าวไว้ในสมัยหนึ่งในวัยชราเมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าเฝ้า 
  • เมื่อครั้ง ร.๔ ยังครองเพศบรรพชิต (ทรงบวชนานถึง ๒๗ พรรษา) ครั้งหนึ่งทรงเสด็จธุดงค์ไปที่สุโขทัย ทรงได้ไปพักที่ดอนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่ชาวบ้านมาเล่าถวาย และได้พบกับหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงโดยบังเอิญ 
  •  "อันนี้ (ท่านหมายถึงตนเอง)ได้พิจารณาแล้วว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาล ตลอดถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งนั้น ชนชาติอื่น แม้แต่สรณคมน์และศีล 5 เขาก็ไม่รู้ จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ดูไกลความจริงเอามากๆ เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้น และชนชาติพม่า คือ ชาวรัฐโกศล เป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตายจากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมผสานเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่าในปัจจุบัน"
  •  "ของเหล่านี้นั้น ต้องไปตามวาสตามวงศ์ตระกูล อย่างเช่น วงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติ คุณแปลธรรมบทมาแล้ว คำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธจะเกิดในมัชฌิมประเทศ หรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นที่อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฏฏ์ ถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้"
  • เมื่อครั้งมีการทำสังคายนาครั้งที่ ๓ (พ.ศ. ๒๓๖) มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก (พระเจ้าอโศกมหาราช) ดำริว่าพระพุทธศาสนาขณะนั้นกระจุกตัวเฉพาะชมพูทวีป หากมีอันเป็นไปด้วยเภทภัยต่างๆ พระพุทธศาสนาอาจสูญสิ้นได้ จึง(จัดพระสงฆ์เป็น ๙ สาย)ส่งพระโสณะและท่านพระอุตตระมาเผยแผ่ทางดินแดนสุวรรณภูมิ 
  • สมัยนั้นที่สุวรรณภูมิมีคนอาศัยอยู่แต่จำนวนไม่มาก และมีอันตรายจากสัตว์ร้ายและเภทภัยต่างๆ จุดที่เป็นแหล่งรวมญาติโยมชุมชนและรวมถึงคนแสวงโชคจากชมพูทวีปคือนครปฐมในปัจจุบัน นักแสวงโชคกลับไปบอกญาติๆ ที่ชมพูทวีป จึงเกิดการอพยพกันมาอีก
  • พ.ศ. ๕๐๐ - พ.ศ. ๙๐๐ มีชนชาติชาวเปอร์เซียคือแถบตะวันออกกลางเกิดมีลัทธิหนึ่ง ได้จัดขบวนทัพอันเกรียงไกรรุกรานเข้าไปที่ชมพูทวีป เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันอย่างรุนแรงแบบให้สิ้นชาติ ชาวพุทธทั้ง ๗ รัฐหนีตายกันอย่างทุลักทุเล พระสงฆ์เป็นหมื่นๆ ตายเป็นเบือ สถานที่วัดวาอารามราบเรียบเป็นหน้ากลอง  เกิดการอพยพครั้งใหญ่ สายที่มาทางสุวรรณภูมิ มีดังนี้ 
    • ชาวรัฐโกศลและรัฐเล็กรัฐน้อย เช่น ลิจฉวี มัลละ ฯลฯ อพยพมาเป็นชาวมัณฑะเลย์ หงสาวดี  คือ พม่า มอญ ไทยใหญ่ ในปัจจุบัน 
    • ชาวมคธรัฐ ซึ่งมีกรุงราชคฤห์เป็นเมืองหลวง อพยพมาเป็นชาวอโยธยา มาเป็นคนไทยในปัจจุบัน 
    • พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนเป็นพิเศษกับคนไทยและคนพม่าในอดีต  พม่าเป็นเมืองเศรษฐีอุปถัมภ์ ส่วนไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นเอกอัครสนูปถัมภก พุทธศาสนาจึงอยู่ยาวนานและจะอยู่ต่อไป
    • ชาวฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงคืก ไทยอีสานและลาว ก็เป็นชาวราชคฤห์ในแคว้นมคธ เหมือนกับชาวไทย(ในสมัยนี้) ไทยและลาวจึงเป็นเชื้อชาติเดียวกัน  แต่ตอนนั้นอพยพหนีตายมาคนละสาย  ชาวลาวอพยพเข้าไปทางจีนตอนใต้ คนจีนไม่ยอมรับ เรียกว่า คนป่าคนเถื่อน จึงขับไล่ลงมา จนต้องถอยลงมาอยู่ดินแดนสุวรรณภูมิ มาอยู่แถว ไทย สิบสองจุไทย สิบสองปันนา หนองแส หลวงพระบาง ฯลฯ
    • มาตั้งเมืองใหม่คือ "กรุงศรีสัตตนาคนหุต" (เมืองล้านช้าง หลวงพระบางในปัจจุบัน) มีกษัตริย์ปกครอง คือ พระเจ้าโพธิสาร 
    • พระเจ้าโพธิสารมีโอรส ๒ พระองค์  ทรงส่งพระองค์พี่ขยายอาณาเขตไปตามแม่น้ำโขง มาสร้าง "กรุงจันทบุรีศรีสัตตนาคนหุต" (เวียงจันทร์)
    • ส่งพระองค์น้องไปตามแม่น้ำน่าน มาตั้ง "กรุงสุโขทัย" ไปมาหาสู่กับญาติที่นครปฐม 
    • ชาวมคธบางส่วนหนีตายโดยลงเรือข้ามทะเลไปขึ้นฝั่งที่นครศรีธรรมราช ชาวใต้ทั้งหมดก็เป็นชาวมคธ
  • หลวงปู่มั่นบอกว่า สมเด็๗พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นเป็นจอมปราชญ์แห่งยุค ๒,๐๐๐ กว่าปี ในกรุงรัตนโกสินทร์ไม่มีปราชญ์ใดเทียม
พระเจ้าอโศกมหาราช
  • พระเจ้าอโศกมหาราชมีชีวิตระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๓-๔ 
  • ทรงทำสังคยานาครั้งที่ ๓ ที่เมืองปาตลีบุตร ในปี พ.ศ. ๒๓๖ ได้คัมภีร์กถาวัตถุ
  • ตามตำราของชาวลังกา บอกว่า พระเจ้าอโศกมหาราชส่งสมณะฑูตออกไปเผยแพร่ศาสนาพุทธ ๙ สาย หนึ่งในนั้นคือไปที่ดินแดนสุวรรณภูมิ
  • ที่รัฐโอริสสา อดีตแคว้นกาลิคะ มีหลักฐานเป็นเสาหินที่เก่าแก่ที่สุดของพระเจ้าอโศกที่สั่งสอนประชาชนให้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
  • แคว้นกะลิงคะนี้เอง ที่พระเจ้าอโศกหันมาศึกษาพระธรรม แล้วเริ่มเผยแผ่ไปทั่วอาณาจักร
  • ข้อความหนึ่งเขียนว่า "การชนะที่แท้จริงคือการชนะใจตนเอง"
  • พระถังซัมจั๋ง บันทึกไว้ว่า เมือเดินทางไปถึงกะลิงคะ ได้พบสถูปจำนวนมาก
  • ตลอดระยะสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างสถูปเจดีย์และเสาหินไว้จำนวนมาก มีสถูปเจดีย์นับหมื่นแห่งที่พระเจ้าอโศกสร้างขึ้น แต่ยังเหลือในปัจจุบันไม่กี่แห่ง ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งคือ สถูปสาญจี
  • มีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศกมหาราช เช่น 
    • สถูปสาญจี เป็นพระมหาสถูป ตั้งอยู่บนเนินเขาสาญจี อยู่ในรัฐมัฐถยะประเทศ 
      • ภาพต่างๆ ที่พบที่สถูปสาญจี บอกว่า กว่า ๕๐๐ ปีหลังการปรินิพพาน ก็ยังไม่มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้น  
      • ในภาพเล่าตอนแสดงปฐมเทศนาจะใช้แทนพระธรรมจักร 
      • เมื่อเล่าตอนปรินิพพานก็ใช้ภาพสถูป 
      • ใช้รูปรอยพระบาทแทนการปรากฎของพระพุทธองค์ในที่ต่างๆ  
      • ใช้รูปตรีศูนย์และร่มแทนพระพุทธ
      • ใช้รูปธรรมจักระแทนพระธรรรม 
      • ใช้รูปดอกบัวแทนพระสงฆ์
      • ใช้รูปต้นโพธิ์แทนพระพุทธเจ้าเมื่อได้ตรัสรู้แล้ว
    • มีรอยจารึกบนรั้วหินด้านหนึ่งของสถูปสาญจีว่า พระเจ้าจันทรคุป เป็นผู้ที่นำพระพุทธรูปมาที่สาญจี (๘๐๐ ปี หลังปรินิพพาน) 
    • หลังจากพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เป็นต้นมา ไม่มีร่อยรอยของชุมชนพุทธที่สาญจีอีก
    • มีภาพแสดงเหตุการณ์ที่พระเจ้าอโศกเสด็จสักการะพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาก่อนเดินทางไปเผยแผ่ที่ศรีลังกา 
    • ไม่มีใครรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่า ไม่ได้ถูกทำลายลงเพราะสงคราม เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น??? อาจเป็นเพราะเขาย้ายไปที่อื่น หรือ ถูกกลืนด้วยศาสนาฮินดูไป 
    • ต่อมาในปี พ.ศ. ๓๕๐ มีการค้นพบหมู่วัดถ้ำอจันตา ที่รัฐมหาราษฎร์  ซึ่งค้นพบเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๖๒ นายทหารชาวอังกฤษชื่อ จอน สมิท ได้ตามล่าเสื่อจนไปพบโดยบังเอิญ  หมู่วัดถ้ำอจันตามีอายุกว่า ๑,๕๐๐ ปี เป็นวัดถ้ำ สร้างโดยการแกะสลักหินเข้าไปในภูเขา ในถ้ำมีภาพแกะสลักหิน บอกเรื่องราวต่างๆ ดังนี้ 
      • วัดยุคแรกๆ เป็นวัดเถรวาท หลายถ้ำแกะสลักเป็นห้องบูชา เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีเจดีย์อยู่ปลายสุดของห้อง  ยังไม่มีการแกะสลักพระพุทธรูปให้เห็น
      • พ.ศ.๕๕๐ ไม่พบหลักฐานของพุทธเถรวาทอีก 
      • พุทธศตวรรษที่ ๑๐ พบการสร้างถ้ำเพิ่ม  ไม่ทราบว่า ๔๐๐ ปีที่ไม่มีหลักฐานบอก เกิดอะไรขึ้น 
      • การสร้างถ้ำเริ่มหลังจากเกิดพุทธมหาญานถึง ๔๐๐ ปี   มีการแกะสลักเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีภาพเขียนสีที่สวยที่สุดในโลก 
    • มีถ้ำลักษณะแบบถ้ำอจันตากว่าร้อยๆ ถ้ำ อยู่รอบนครบอมเบย์ไม่ไกลนัก จำนวนกว่า ๑๑๒ ถ้ำ หมู่ถ้ำแห่งหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียตะวันตกคือ หมู่ถ้ำกฤษณะคีรี (Kanhiri Caves) ถ้ำแห่งนี้มีอายุประมาณ ๑,๑๐๐ ปี จากหลักฐานแสดงเส้นแบ่งเวลาระหว่างพระเถรวาทและพระมหายาน เวลาสร้างห่างกันถึง ๔๐๐ ปี  เช่นกัน 
  • สายของพระโสณะและพระอุตตระได้นำเอา "พระพรหมจารสูตร" เพื่อลดทิฐิของคนที่นับถือผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ  (ข้อมูลนี้ตรงกับพระพุทธสาสน์สุวัณณภูมิ ที่เขียนโดยพระราชกวี (อ่ำ))
  • เชื่อว่าพระโสณะและพระอุตตระได้สร้างพระปฐมเจดีย์ทรงบาตรคว่ำ (เหมือนกับเจดีย์ที่สาญจี) ไว้ที่จ.นครปฐมในปัจจุบัน ก่อนที่ท่านจะปรินิพพานใน พ.ศ. ๓๐๐ 
  • มีหลักฐานที่แสดงว่า พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในพุทธศตวรรษที่ ๙ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดนครปฐมในปัจจุบัน  ก็คือยุคทวารวดี
ข้อสังเกต
  • มีหลักฐานทางโบราณคดีเก่าแก่ที่สุดในอินเดียไปถึงแค่ ๓๐๐ ปีหลังปรินิพพาน (พ.ศ.๓๐๐) แม้จะมีข่าวใหม่ล่าสุดว่า ที่สวนลุมพินีวัน ที่ประเทศเนปาลจะพบหลักฐานใหม่ (อ่านที่นี่) แต่ก็พิสูจน์ได้เพียงว่า พระพุทธเจ้ามีพระชนม์อยู่ในช่วงเวลาที่สอดคล้องพระไตรปิฎกเท่านั้น 
  • ช่วงเวลา พ.ศ.๕๐๐ - พ.ศ.๙๐๐ ที่หลวงปู่มั่นเล่าว่า เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สอดคล้องกับเส้นแบ่งเวลาที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์หายไป หรือเส้นแบ่งเวลาระหว่างพุทธเถรวาทและพุทธมหายาน ในหมู่ถ้ำอจันตาและหมู่ถ้ำกฤษณะคีรี  ....   
  • ในหนังสือ "อ้อยต้นจืดปลายหวาน กินนานอร่อย" ของพระธรรมเจดีย์ (ปาน) บอกว่า พ.ศ. ๒๑๙ พระมหินท์เถราจารย์ ได้เผยแผ่พุทธศาสนาออกไปกว้างไกลไปถึงเกาะลังกา  ช่วงเวลาร้อยปีก่อนจะมีพระเจ้าอโศกมหาราช  และตำแหน่งก็สอดคล้องกันเพราะรัฐโอริสสาอยู่ใกล้กว่าลังกา (ศรีลังกา)มาก เป็นได้ว่า  ศาสนาเกิดในดินแดนสุวรรณภูมิ แล้วขยายไปอินเดีย ในช่วงก่อน พ.ศ. ๓๐๐ ก่อนจะขยายใหญ่ไกลไปทั่วในยุคของพระเจ้าอโศก 
สรุปและตีความ

หากท่านตามอ่าน บันทึกการศึกษา ในบันทึกที่ผมเขียนมาตามลำดับแล้ว ท่านเห็นว่าอย่างไร  ... ผมมีความเห็นว่า อาจเป็นไปได้ว่า พระพุทธอุบัติภูมิเป็นไปตามแนวทางที่ (๓) 
  • ๓) พระพุทธอุบัติภูฒิอยู่ที่สุวรรณภูมิ ขยายไปที่อินเดีย ก่อนจะเสื่อมในสุวรรณภูมิ เจริญรุ่งเรืองที่อินเดีย แล้วขยายกลับมาเจริญใหม่ในสุวรรณภูมิ 
จากการศึกษาผม พบสมมติฐาน มากมาย ที่ผู้รู้ ผู้ดู(แล คือรัฐบาล) ควรจะลงมือศึกษาค้นหาหลักฐานอย่างจริงจัง ดังนี้ 
  • พระพทธอุบัติภูมิเกิดขึ้นที่สุวรรณภูมิ   ... ไม่มีหลักฐานวัตถุ มีแต่เรื่องราวในจารึก พงศาวดาร คัมภีร์โบราณ และตำแหน่งเมืองต่างๆ ที่สอดคล้องกับพระไตรปิฎก 
  • สถานที่ประสูต คือตำแหน่ง พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย ... หลักฐานรอการพิสูจน์
  • สถานที่ตรัสรู้ในพระไตรปิฎก บอกว่า อยู่ที่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลา เสนานิคม ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖   แม่น้ำเนรัญชราน่าจะเป็นแม่น้ำน่านในปัจจุบัน .... ไม่มีหลักฐานโบราณวัตถุ  
  • สถานที่แสดงปฐมเทศนา  อาจเป็น วัดพระแท่นศิลาอาสน์  อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ...หลักฐานรอการพิสูจน์.... ในพระไตรปิฎก บอกว่าอยู่ในเมืองพาราณสี (ป่าอิสิปรนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘)
  • สถานที่ปรินิพพาน  อยู่ที่บริเวณวัดพระแท่นดงรัง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี  .... หลักฐานรอการพิสูจน์ 
  • พุทธศตวรรษที่ ๑-๒ พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในดินแดนสุวรรณภูมิก่อน แล้วขยายไปกับพ่อค้า (ผู้แสวงโชคชาวอินเดียไปทางเรือ) รุ่งเรืองไปไกลถึง เกาะศรีลังกา  จึงเป็นไปได้ว่า ขยายไปถึงนครกาลิงคะ รัฐโอริสสา ศูนย์กลางการขยายพระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศก 
  • พุทธศตวรรษที่ ๒ ศาสนาเสื่อมที่สุวรรณภูมิ คนย้ายถิ่นฐานไปที่อินเดีย  ตั้งชื่อเมืองต่างๆ ตามชื่อเมืองเดิมที่อยู่สุวรรณภูมิ ที่อยู่ในพระไตรปิฎก  (เถรวาท) .... ไม่มีหลักฐาน 
  • พุทธศตวรรษที่ ๒.๓-๓ โดยพระโสณะและพระอุตตระ  ทำให้พระพุทธศาสนากลับมาเจริญใหม่ในสุวรรณภูมิ .... มีหลักฐานคือ พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม
  • ช่วงนั้น พระเจ้าอโศกมหาราชเผยแผ่ไปทั่วโลก ในพุทธศตวรรษที่ ๓-๔ โดยเฉพาะที่อินเดียเนปาล ....  มีหลักฐานมากมาย ชัดเจน  หลักฐานทุกอย่างไม่เก่าเกิน พุทธศตวรรษที่ ๓
  • พุทธศตวรรษที่ ๔ - ๘ ศาสนาพุทธเสื่อมที่อินเดีย  ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากชาวเปอร์เซีย (อารยัญ) ... มีหลักฐานที่พระเจ้าอโศกจารึกไว้มากมาย  
  • พุทธศตวรรษที่ ๘ ศาสนาพุทธนิกายมหายานเกิดขึ้น แล้วขยายกลับเข้าไปในอินเดีย.. มีหลักฐานที่หมู่ถ้ำอจันตา และหมู่ถ้ำกฤษณะคีรี  
  • พอถึง พ.ศ. ๑๐๐๐ เป็นต้นมา ประวัติศาสตร์ชาติต่างๆ ก็เริ่มมีบันทึกไว้มากมายตรงกัน  ท่านสนใจลองหาอ่านเองเถิด 
นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการศึกษาและสืบค้นงานนาน ๓ วันของกระผม ท่านเห็นว่าไง โปรดใช้วิจารณญาณเถิด
สุดท้ายนี้  หากผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี  ผมจะสั่งให้มีการขุดค้น ศึกษา เอาวิทยาการสมัยใหม่ต่างๆ เข้ามา พิสูจน์หาหลักฐานต่างๆ ทันที 

ขอจบเท่านี้ครับ 
หมายเลขบันทึก: 650957เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2018 09:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม 2020 16:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สนับสนุนให้เป็นนายกครับอาจารย์

ได้ยินมาว่า ชาว “สยาม” ดั้งเดิม รูปร่างดำสูงใหญ่.. เป็น นักรบรับจ้าง..ปรากฏใน..แผ่นภาพจารึก..ในอีจิปต์และเขมร และ…มีผู้สัญนิษฐานว่า สิทธารถะ..เป็นเชื้อสาย..เผ่า..อารยัน….เอจะเกี่ยวข้องกันไหม น้อ..นักโบราณคดี..สำรวจและพยายาม..ใช้วิชาการ..การตรวจวัดค่าDNA..ว่า..”พุทธเจ้าคือใคร มีเชื้อสาย มาจากไหน…“…ไม่ได้ยินต่อ จนบัดนี้..ว่าพิศูจน์กันไปถึงไหนแล้ว…(วิถีพุทธ..เริ่มจะมีบทบาทและให้อิทธิพล..ในความคิดสร้างสรรค์ปรัชญา..ต่อชนผิวขาวในปัจจุบัน…ด้วยผัสสะ ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง…ทั้งในไทย..และต่างประเทศ…)โดยไม่ติดยึดเรื่องราวในวรรณคดี…หากแต่….ปฏิบัติ..เป็นตันว่า Meditation…

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท