866. "เจอ IKIGAI แล้วทำไงต่อ?"


ปลายปีแล้วพักผ่อนหน่อย เลยรีบดูหนังสือที่ซื้อมา กลางคืนก็ดูหนังที่อยากดู ...ผมดูหนังสือเรื่องหนึ่งครับ Awaken the Giant Within ปลุกยักษ์ในตัวคุณ จริงๆ เคยอ่านฉบันภาษาไทยมาเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นยังเด็กๆ ตอนนี้เลยซื้อภาษาอังกฤษมาอ่าน ที่สำคัญผมยังดูหนังเรื่อง I am not you Guru ซึ่งเป็นหนังสารคดีเจาะลึกชีวิตของ Tony Robbins ซึ่งแต่งหนังสือที่ผมอ่านนั่นเอง ... Tony Robbins เป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของโลก ลูกค้าเป็นประธานานธิบดี คนดัง   มีคนเข้าฟังสัมมนาเป็นหมื่นๆ ต่อปี เรียกว่าเป็นนักพูดที่ประสบความสำเร็จมากๆ 

ผมจะไม่พูดถึงเนื้อหา แต่ผมเห็นว่าคนดังๆ ที่ปีๆ บินไป 10 กว่าประเทศ นี่สำเร็จมาได้อย่างไร 

เห็นชัดๆครับ เขาค้นพบ IKIGAI ของคนเอง...

IKIGAI แปลว่า สุขทุกวัน  IKIGAI คืออะไร มันคือการค้นพบความหลงใหลของตนเอง (Passion) แล้วเอาไปช่วยผู้อื่น (Purpose) แล้วเอามาทำเป็นอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว (Profession)  

ผมพูดเรื่อง IKIGAI ไว้มากแล้ว ดูพื้นฐานได้ที่นี่ 

แต่สิ่งที่ผมมักถูกถามว่า ถ้าเราค้นพบ IKIGAI แล้ว จะทำไงต่อ...ผมว่าเรื่องราวของโทนี่ น่าจะเป็นคำตอบ เรื่องราวของเขาทำให้ผมเห็นเส้นทางการสร้างตัวเอง ของคนมี IKIGAI ชัดมากๆ ผมเรียกมันว่า “ทาง (Path)” ... สรุปแล้วหลังมี IKIGAI แล้วคุณต้องหาทาง (Path) ที่จะทำให้ IKIGAI คุณเปล่งประกายให้มันหลอมหรวมกลายเป็นอาชีพคุณได้จริงๆครับ ...

สำหรับเรื่องโทนี่ผมจะถอดบทเรียนเขาตั้งแต่ IKIGAI ไปจนถึงหนทางสร้างตัวเองของเขาเลย

อย่างแรกโทนี่เขาบอกว่า เขามาจากชนชั้นที่ไม่มีค่อยมีเศรษฐฐานะดีนัก แต่เขาสนใจการอ่าน ค้นคว้าหาความรู้เพื่อนพัฒนาตนเองครับ นี่คือความหลงใหลของเขาเลย ...  และเขาเห็นว่าหลายครั้งเขาเอาความรู้ที่เขาอ่านๆ ที่สำคัญบางเรื่องก็ลองปฏิบัติตาม ไปเล่าให้คนอื่นฟัง คนอื่นก็ดีขึเน ก็เลยตั้งปณิธานว่าจะค้นคว้าความรู้ ไปยกระดับชีวิตจิตใจคนอื่น และจะทำอะไรเพื่อเลี้ยงชีพล่ะ...วิทยากรครับ  แต่โทนี่ไม่คิดแค่วิทยากรธรรดา เขาจะเป็นระดับโลกเลย เขาจะมีชีวิตที่ดีมากๆ จากอาขีพนี้ 

นี่ครับ IKIGAI ของเขาน่าจะประมาณนี้ 

แน่นอนครับ ผมเคยสอน IKIGAI มากมาย ตั้งเป็น IKIGAI School แต่พอเหมือนหา IKIGAI เจอ กลับไปบ้านแล้วก็กับมาถามต่อ...แล้วยังไงต่อไปครับอาจารย์...

วันนี้ผมมาต่อให้ครับ ...คุณต้องสร้างหนทาง (Path) ของตนเอง เรามาถอด Model จากโทนี่กัน..

โทนี่ทำอย่างไรครับ

ผมเห็นชัดมากๆ

  1. เขาค้นคว้าครับ อ่านหนังสือ 700 เล่ม ... ผมเชื่อว่าจริง ครับ หลายเล่มที่โทนี่อ่าน นี่ระดับพวกเราปริญญาเอกอ่านกันครับ เช่นเรื่อง Learned Optimism ... นี่ไม่ใช่คนทั่วไปอ่านเล่นๆกัน ..คือลงลึกทั้ง How to และวิชาการ  จำได้เลยสมัยเรียนปริญญาเอกอาจารย์ให้อ่านหนังสือหรือ Paper ประมาณ 1,000 เล่ม เพื่อหาช่องว่างมาสร้างอะไรใหม่ๆ ใช่เลยครับหลังอ่าน 1,000 เล่ม คุณจะเห็นว่า มันมีงานที่น่าจะมีพื้นฐานมาต่อยอดการค้นคว้าคุณสัก 80 เรื่อง คุณก็เอามาผสมผสานหาช่องว่างพัฒนาอะไรใหม่ๆ ได้  โทนี่ทำเหมือนการค้นคว้าในระดับปริญญาเอกจริงๆ ลงลึกมากๆ ...คล้ายไอน์ไสตน์ นั่นเคยเป็นเจ้าหน้าที่จดสิทธิบัตร์มาก่อน ความที่ต้องค้นคว้าว่าไอ้ที่คนจดลิขสิทธิ์นั่นมันซ้ำใครไหม ทำให้ไอน์สไตน์เจอช่องว่างทางทฤษฎี  ท่านว.วัชรเมธี ตอนนี้มีคนแปลงานของท่านหลายภาษาแล้ว ท่านก็อ่านเยอะมากๆ ทั้งไทยอังกฤษ ทุกเช้าอ่านหนังสือพิพม์วันละ 6 ฉบับ การอ่านทำให้คุณพัฒนาตนเองได้ครับ ...คุณลองอ่านหนังสือแล้วไปคุยกับคนที่เขียนมันสิครับ จะเหมือนกับที่คนๆ นั้นพูด ผมเคยเรียนกับ David Cooperrider คนคิดวิชา Appreciative Inquiry ท่านก็พูดเหมือนท่านเขียนนั่นเอง  ถ้าคุณอ่านหนังสือระดับโลก คุณก็เหมือนได้นั่งเรียนกับคนระดับโลกนั่นเอง  แต่บางคนอ่านหนังสือภาษาอังกฤษไม่ได้ อย่างน้อยแนะนำหนังสือพิมพ์ครับ ฉบับวันอาทิตย์ มีอไรดีๆ ความรู้นอกกรอบให้อ่านเยอะ หรือไม่ก็ร้านนายอินท์ มีหนังสือแปลคุณภาพดีมาเรื่อยๆ  ดังนั้นต้องอ่านครับ
  2. เข้าเรียนสัมมนาเยอะมาก นี่คือคงไปทั้งเรียนความรู้ใหม่ๆกับไปดูงาน เพื่อพัฒนาอาชีพตนเอง อย่างทำอาชีพอะไรก็ต้องพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์นั้นมากๆ ไปฝึกงานครับ ไปเรียนกับคนเก่ง ไปดูว่าเขาทำอย่างไร ไปสังเกตวิธีพูดวิธีการทำงาน เอล็กซานเดอร์มหาราชก็เรียนหนังสือกับอริสโตเติ้ล นักปราชญ์คนสำคัญของโลก และทำงานกับพ่อกษัตริย์ฟิลลิป กษัตริย์ผู้สร้างกองทัพอาชีพ กองทัพแรกในโลกตะวะนตก แถมอ่านหนังสือเช่นสงครามเมืองทรอย เลยได้อาคิลลิสเป็นต้นแบบในอาชีพ จะเห็นว่าโทนี่ ก็พูดถึง Hero ของตนเองในเล่มบ่อยๆ เท่าที่ดูทั้งการไปสัมมนาและการอ่านทำให้โทนีได้ความรู้ รูปแบบการทำงานและวิธีใช้ชีวิตด้วย ผมเองเหมือนกันครับ ไม่ใช่สอนอย่างเดียว ไปดูคนอื่นสอนด้วย หลายครั้งได้ไอเดียกลับมาพัฒนาตนเอง 
  3. ที่สำคัญโทนี่อ่านแล้วเอามาทดลองกับตัวเองเกิดเป็นสูตรของตัวเอง ทุกสิ่งที่สอน เหมือนโทนี่ทดลองกับตัวเองแล้วค่อยเอาไปเล่า นี่ก็เช่นกันลองเอาความรู้แก้ปัญหาตนเองให้ได้ คุณจะแตกฉานมากครับ และดูเหมือนโทนี่ไม่หยุดการพัฒนาตนเอง  ทั้งหมดที่ทำคือ “ลุย” ทุกลมหายใจครับ  จนเขาพัฒนาเป็นสูตร เรียกว่าคุณต้อง Master เก่งเรื่องอารมณ์ เรื่องร่างกาย เรื่องเงิน เรื่องความรู้อะไรก็ว่าไป เขาใช้คำว่า Master เลย คือเชี่ยวชาญ คือจะทำอะไรให้สำเร็จมากๆ คุญต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ องค์ประกอบอื่นๆด้วย คุณเก่งการสอน แต่กลับมีปัญหาเรื่องเงิน หรือความสัมพันธ์ คุณก็ไปไม่ไกล   
  4. ลุยครับ ลุยมากกว่าคนอื่น อยากเป็นนักพูดไม่มีเวทีให้ โทนี่จะหาคนรอบตัวใครก็ได้ ไปเล่าเรื่องความรู้ให้ฟังวันละสองสามรอบ ในขณะที่โทนี่บอกว่า เพื่อนของเขาปีหนึ่งทำอย่างนี้เพียงสองครั้ง แต่เขาทำวันวะสามครั้ง เท่านี้ก็ไปไกลกว่าคนอื่นไม่รู้กี่ก้าว นี่คือลุยสร้างเวทีให้ตนเอง 
  5. ในเรื่องการทำธูรกิจ เขามี Hero ครับ เช่นฮอนด้าที่ล้มเหลวกี่ครั้งก็ยังมุ่งไปที่เป้าหมาย ไม่สนใจปัญหา ...เขาทำแบบเดียวกัน เรียนรู้จากการทำงาน ลุย ล้มไม่เป็นไร ไม่หยุดคิด ทำ 
  6. โทนี่พูดถึงผู้เชี่ยวชาญครับ จากการดูหนังสือและสารคดี โทนี่มีมิตรรอบตัว มีคณะทำงานที่แต่ละคนเป็น Expert จริงๆ ทำให้งานก้าวไกล บริหารความเสี่ยงครับ   ดูเหมือนมีเป็นกองทัพครับ ยิ่งคิดใหญ่ต้องใช้สมองตัวเองและคนอื่นประกอบกัน ไม่ทำคนเดียว 

ถามว่าคุณจะเปลี่ยน Passion คุณเป็นอาชีพได้ ถ้าคุณทำอย่างโทนี่แล้ว คุณจะสำเร็จเมื่อไหร่ อันนี้ขึ้นกับความเข้มข้นครับ ...ผมเห็นโทนี่ เข้มงวดกับการพัฒนาตนเอง กับเข้มข้นในการทำงาน ...เข้มครับ ..เข้มข้นมากๆ ถึงจะไปได้ระดับนั้น 

ผมแนะนำกฏหมื่นชั่วโมง เขาว่าจากการศึกษาคนเปลี่ยนโลกเช่นสตีฟ จ๊อบ บิลล์ เกต เหมือนกันอย่างนั้นคือ พวกนี้ก่อนสำเร็จเขาทุ่มเทเรื่องที่สนใจ 10,000 ชั่วโมง  โทนี่น่าจะมาทำนองเดียวกัน 

ลองคิดเล่นๆ

ถ้าทุ่มเทวันละ 1 ชั่วโมง เราจะใช้เวลากี่ปี ก็เอา 10,000/1 แล้วหารด้วย 365 วันก็จะได้ราวๆ 30 ปี 

ทุ่มเทวันละ ครึ่งชั่วโมง หารเป็นวัน... ก็ได้สัก 60 ปี นั่นคือไปเกิดใหม่เลยครับ 

ถ้าสัก 10 ชั่วโมงต่อวัน ...หารเป็นวันจะได้สัก 3 ปี 

ผมว่าประมาณ 3-7 ปีครับ ไปไกลได้ทุกอาชีพ 

แต่กลับมานิด ...ความเข้มข้นระดับนี้เกิดจากเขาต้องการเป็นระดับโลก แก้ปัญหาในโลก ยิ่งคิดใหญ่ คุณต้องยิ่งเข้มค้นกับการพัฒนาตนเอง กับคนอื่น สมัยนี้ยังไงก็ต้องไประดับนี้ครับ ต่อให้ทำงานในประเทศไทยก็ตาม ต้องคิดใหญ่ ทำแบบเข้มข้นเช่นกัน  


Path ของโทนี่..นี่คือสุดๆ ของโลกครับ ลองอ่านหนังสือคุณโทนี่ดู มีประโยชน์มากๆ ลงลึก และทำจริง


Ref: https://www.azquotes.com/quote...

คุณลองปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับตัวคุณ ถ้ายังไม่สำเร็จก็ต้องเพิ่มปริมาณความเข้มข้นครับอ่านมาก รู้มาก ทำมาก สอนตัวเอง สอนคนอื่น คบหานักปราชญ์ ผู้เชี่ยวชาญ  ความสำเร็จไม่ไปไหนแน่นอนครับ 

นี่คือหนทางของโทนี่ 


"IKIGAI ที่ทรงพลัง ต้องมีหนทาง (Paths) ที่ทรงพลังรองรับ" 

แล้วหนทางของคุณล่ะ คืออะไร.....

วันนี้พอเท่านี้ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ

สวัสดีปีใหม่ครับ

บทความโดยดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 

www.aithailand.org

และ IKIGAI School  

https://www.facebook.com/profi...

หมายเลขบันทึก: 658963เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2018 12:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 ธันวาคม 2018 07:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ถ้าทุ่มเทวันละ 5 ชั่วโมงต่อวัน ใช้เวลา 5 ปี ก็ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญของพยาบาลใช่ไหมคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท