วันนี้มาแนะนำเมนูอร่อย....จากส่วนหนึ่งของมะพร้าว จังหวัดชุมพรเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยมะพร้าว มองไปทางไหนก็หาต้นมะพร้าวให้ดูได้ไม่ยาก ก่อนที่จะแนะนำเมนูอร่อยเรามาดูรายละเอียดของต้นมะพร้าวกันก่อนค่ะ
มะพร้าวเป็นต้นไม้ประเภทปาล์ม โตได้ดีในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม ลาว พม่า เป็นไม้ที่ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมาก ปลูกทิ้งไว้ประมาณ 5 ปี ก็ได้ผลผลิตแล้วค่ะ ประโยชน์ของมะพร้าวมีตั้งแต่ ใบ ยอด ดอก ผลอ่อน ผลแก่ จาวมะพร้าว กะลามะพร้าว ใบมะพร้าว ก้านใบมะพร้าว ไม้จากต้นมะพร้าว น้ำมะพร้าวอ่อน เปลือกมะพร้าว น้ำมันมะพร้าว โอ๊ย ! เยอะแยะมากมาย
ทีนี้ เรามาดูพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะว่าแต่ละส่วนของมะพร้าวใช้ทำอะไรได้บ้าง
1. ยอดมะพร้าว หรือหัวมะพร้าว
ส่วนของยอดมะพร้าว จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เอ๊ะ! มันเป็นอย่างไร หมายความว่า จะไม่เห็นตราบใดที่เราไม่ตัดต้นมะพร้าวและงัดส่วนปลายสุดของต้นมะพร้าวที่เรียกว่าหัวมะพร้าวข้างในมันออกมา หัวมะพร้าวจะมีสีขาวคล้าย ๆ หน่อไม้ ใช้ทำอาหารได้หลายเมนู ตั้งแต่ ใบอ่อนต้มจิ้มน้ำพริก แกงคั่ว แกงส้ม ต้มกะทิ
2. ใบมะพร้าว
ใบมะพร้าว จะมี 2 ลักษณะ คือ ใบแก่ และใบอ่อน ใบมะพร้าวแก่ก้านใบจะเป็นสีน้ำตาล
ถ้ายังเห็นเป็นใบสีเขียว ๆ จะเป็นใบอ่อน ในชนบทชาวสวนจะเหลาใบมะพร้าวแก่ให้เหลือแต่ก้านใบเป็นเส้นเล็ก ๆ และนำไปมัดรวมกันเยอะ ๆ ทำเป็นไม้กวาดทางมะพร้าว ทำไว้ใช้เองตามบ้าน หรือจำหน่ายเป็นรายได้พิเศษก็มี บางคนนำไปหั่นสั้น ๆ ยาวประมาณ 1 นิ้ว ให้ปลายแหลม ๆ ใช้ทำเป็นไม้กลัดห่อขนมที่ทำจากใบตอง เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านวิธีหนึ่งที่นับวันจะหายไปจากการดำรงชีวิตของคนไทย
3. จั่นมะพร้าว หรือช่อดอก
จั่นมะพร้าวหรือช่อดอก จะมีน้ำอยู่ข้างในมีรสหวานตามธรรมชาติ นิยมนำมาเคี่ยวทำน้ำตาล เรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ใช้ทำขนมหรือทำอาหารได้อร่อยมาก
4. ผลมะพร้าว
ไม่มีใครที่ไม่รู้จักผลมะพร้าว ผลมะพร้าวมีประโยชน์ตั้งแต่ผลอ่อน และผลแก่ มะพร้าวมีหลายสายพันธุ์ มีทั้งพันธุ์ที่ใช้กินผลอ่อนที่เรียกว่ามะพร้าวอ่อน จะเป็นมะพร้าวที่มีต้นเตี้ย ในสมัยเด็ก ๆ ในสวนหลังบ้านจะมีมะพร้าวที่เรียกว่ามะพร้าวนกคุ่ม ในปัจจุบันไม่แน่ใจว่าจะสูญพันธุ์ไปหรือยัง ลูกมีขนาดเล็ก แต่ติดลูกดก น้ำมีความหวานหอมอร่อย และอีกสายพันธุ์หนึ่งเป็นพันธุ์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม จะมีลำต้นสูง มีผลโต เช่น นำเนื้อมะพร้าวไปทำอาหาร หรือแปรรูปไปทำเป็นน้ำมันมะพร้าว หรือเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางต่าง ๆ ก็ได้ ถ้าพูดวันนี้คงยาวมาก
5. จาวมะพร้าว
จาวมะพร้าวรับประทานได้ รสชาติหวานนิด ๆ จะมีลักษณะทรงกลมสีขาวเล็ก ๆ จนถึงโตเต็มพื้นที่ในลูกมะพร้าว ที่เก็บไว้นาน ๆ จนมีหน่อมะพร้าวงอกออกมาจากลูกมะพร้าว ถ้าเอาเปลือกมะพร้าวออกจะเห็นจุดเล็ก ๆ ที่อยู่บนกะลามะพร้าว (จะมีจุด 3 จุด) สังเกตดูว่าถ้ามีหน่อเล็ก ๆ งอกออกมาจุดเล็ก ๆ บนลูกมะพร้าวลูกนั้นจะมีจาวมะพร้าว จาวมะพร้าวจะมีฮอร์โมนชนิดหนึ่งมีชื่อว่า “ฮอร์โมนออกซิน” เขาว่าถ้านำน้ำจากจาวมะพร้าวไปรดต้นไม้ จะทำให้ต้นไม้เติบโตได้ดีค่ะ
6. กะลามะพร้าวอ่อน
กะลามะพร้าวอ่อน คือ ส่วนของมะพร้าวที่หุ้มเนื้อมะพร้าวที่ยังไม่แข็ง มีสีน้ำตาลอ่อน อยู่ภายในลูกมะพร้าวที่ยังอ่อนอยู่ เราจะนำส่วนกะลามะพร้าวอ่อนนี้ไปทำอาหารได้ เช่น แกงคั่ว ซึ่งเป็นเมนูโปรดของหลายคนทีเดียว
7. กะลามะพร้าวแก่
กะลามะพร้าวแก่ คือ ส่วนของมะพร้าวที่หุ้มเนื้อมะพร้าวที่แข็งแล้ว มีสีน้ำตาลเข้ม ส่วนมากจะขูดเนื้อมะพร้าวไปใช้แล้ว เหลือแต่กะลาเปล่า ๆ การนำกะลามะพร้าวแก่ไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเช่น นำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน เครื่องครัว ทำภาชนะใส่อาหาร ทำกระถางต้นไม้ประดับตกแต่ง แม้แต่นำไปเผาถ่านก็มี
8. น้ำมะพร้าว
น้ำมะพร้าวอ่อนเป็นอะไรที่รับประทานแล้วสดชื่น ถ้าใครรับประทานทุกวัน จะเป็นสาวสองพันปี (อันนี้ไม่รับประกัน) แต่ก็ถือว่าเป็นของดีอย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติที่ไม่มีการปนเปื้อนหรือใส่สารสกัดเพิ่มความหวานอื่น ๆ ที่ร่างกายไม่ต้องการ อีกอย่างหนึ่งคือนำน้ำมะพร้าวไปทำเป็นวุ้นมะพร้าว คงเคยรับประทานกันนะค่ะ
9. ต้นมะพร้าว
ต้นมะพร้าวที่ปลูกมานานหลายสิบปี จะมีไม้ที่มีเนื้อแข็ง ทนทาน สามารถนำไปสร้างบ้านได้เลยทีเดียวค่ะ หรือจะนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ก็มีความสวยงามไม่แพ้ไม้ชนิดอื่น ๆ
รู้จักมะพร้าวกันพอสมควร วันนี้เราจะไม่วิเคราะห์เศรษฐกิจของเกษตรกรที่ปลูกมะพร้าว เพราะถ้าพูดถึงจะเครียดกันทันที เพราะในปัจจุบันชาวสวนขายมะพร้าวได้ลูกละ 2 บาท ด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าเราอย่าไปพูดถึงมันเลย แต่จะขอแนะนำเมนูเด็ดที่หลายคนไม่เคยรู้จัก และยังไม่รู้ว่าส่วนของมะพร้าวชนิดนี้นำมารับประทานได้ นั่นคือ พระเอกของเรา “กะลามะพร้าวอ่อน” หรือภาษาใต้เรียกว่า “เหมงพร้าว”
สาเหตุของการเขียนบันทึกนี้ เพราะลูกชายซึ่งเป็นเด็กในสมัยยุคไทยแลนด์ 4.0 ไม่รู้จัก “เหมงพร้าว” ทั้งที่อยู่จังหวัดชุมพรมาหลายปี เสียชื่อคนใต้หมดเลย เมื่อคุยกันในกลุ่มเพื่อนทำให้มึน ๆ ว่ามันคืออะไร เป็นอย่างไร แม่ก็เลยถือโอกาสทำ “แกงเหมงพร้าว” ให้กินกันในวันนี้ มาดูกันค่ะ
ส่วนผสม
1. เหมงพร้าว จำนวน 2 ผล
2. เนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ เนื้อวัว จำนวน 1 ถ้วย หรืออาจจะเป็นหมูย่างก็อร่อยค่ะ
3. หัวกะทิ จำนวน 1/2 ถ้วย หางกะทิ จำนวน 1 ถ้วย
4. เครื่องแกงเผ็ด หรือแกงเขียวหวาน จำนวน 3 ช้อนโต๊ะ กะปิดี จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. พริกชี้ฟ้าแดง ใบมะกรูด
วิธีทำ
2. นำหางกะทิ ตั้งไฟปานกลาง ใส่เครื่องแกงเขียวหวาน กะปิ น้ำตาล น้ำปลา เดือดแล้วให้ใส่เหมงพร้าวลงไปเคี่ยวให้นิ่ม
3. นำเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ ใส่ในหม้อเคี่ยวจนเนื้อสัตว์สุก แล้วใส่หัวกะทิ พริกชี้ฟ้าแดง ใบมะกรูด
4. เสริฟ พร้อมข้าวสวย หรือขนมจีน ก็ได้ค่ะ
เสร็จแล้วค่ะ เมนูอร่อย ของทุกคนในครอบครัว ทำง่าย สบายกระเป๋า เชิญชิมค่ะ
น่าทานมาก ๆ จ้ะอยู่ส่วนใดของชุมพรจ้ะคุณแม่มดคุณมะเดื่อมาชุมพรบ่อย ๆ สักวันคงได้พบกันนะจ๊ะ
จะลองทำทานดูค่ะ เคยแกงเขียวหวานใส่ฟัก ใส่หน่อไม้ จะได้ใช้ผลผลิตในสวนค่ะ
ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณค่ะคุณมะเดื่อ แม่มดอยู่ในตัวเมืองจังหวัดชุมพรค่ะ ใช้ชีวิตแบบเรียบ ๆ สบาย ๆ ค่ะ คุณมะเดื่อมาชุมพรเมื่อไหร่เราคงได้เจอกันค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณลิขิต จริง ๆ แล้วอาหารประเภทนี้ แม่บ้านแบบเราถือเป็นเรื่องเบสิท จริงมั้ยค่ะ ลองทำดูนะค่ะ
น่าทานมากค่ะ ขอบคุณเมนูอร่อย ที่แบ่งปัน ทับสะแก ดินแดนเมืองมะพร้าวเหมือนกันค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักทาง gotoknow แห่งนี้นะคะ ชุมพรกับทับสะแกอยู่ไม่ไกลกันเลยค่ะคุณรัชดาวัลย์
เห็นแล้ว น่าทานนะครับ ทานกับขนมจีนยคงอร่อยมากนะครับ
อร่อยมากค่ะ 555
สวัสดีครับ อาหารคือความสุขครับ เมือได้ทำหรือได้รับประทานในสิ่งที่ชอบ