พาใคร พาใจ กลับไปพื้นที่อีกครั้ง(โรงเรียนร่องกล้าวิทยา)


"โรงเรียนร่องกล้าวิทยา ไปหาเด็กม้งบนดอย

เด็กตัวขาวๆบนไร่กะหล่ำปี วิถีสร้างคนไม่เคยท้อถอย

จำไว้นะเด็กตัวน้อยๆ อัวเจ่า อัวเจ่า"

ภาระมา หน้าที่มี รักษาความดีด้วยการ...ทำหน้าที่ที่ควรทำ ต้นเดือนธันวาคมจนถึงกลางเดือนเป็นช่วงช่วงฤดูหนาว แต่ปีนี้แปลกๆไม่หนาวมากไม่หนาวน้อย ฤดูกาลพลัดพาลมหนาวเย็นๆผ่านความรู้สึกนึกคิดอะไรบางอย่าง ช่วงสอบปลายภาคของผมเอง แต่ก็เหมือนเวลาจัดสรรให้เพราะผมมีช่วงเว้นระยะการสอบถึง 6 วันเลยทีเดียว ด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่งๆก็เลยคิดถึงสถานที่หนึ่ง ที่ที่นี่คือ โรงเรียนร่องกล้าวิทยา อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณูโลก ช่วงเวลา 1 คืน 2 วัน ที่คุ้มค่า 13-14 ธันวาคม 2561 เดือนของใจ


ผมพาความหนาวเย็น ความรัก ความคิดถึงมาที่นี่ เพราะมีพี่ชายที่แสนดีของพรรคชาวดินคนนึง คือ พี่เทียน(ธนกร) ครูดอยลูกอีสาน ผู้นำพาให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองในการขับเคลื่อนกิจกรรมค่ายต้านลมหนาว สานปัญญาครั้งที่ 1 เมื่อ 2 ปีก่อนและทำให้ผมศรัทธาอันแรงกล้าถึง การมอบรอยยิ้ม สร้างโอกาส แบ่งปันความสุข ที่ครูเทียนได้มาปักหลักปักใจไว้ที่ร่องกล้าวิทยา ผมกลับมาครั้งนี้ได้นำปัญญาปฏิบัติจากมือนิสิตเรียนรู้นอกห้องเรียน คือหนังสือ เรียนนอกฤดูกาลเล่มที่ 3 4 5 6 ที่มีเล่มนึงได้นำภาพการแปรอักษรไว้อาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ร่วมกันระหว่างชาวเขาผาม้ง นักเรียน นิสิต คณะครูอาจารย์ ผู้นำท้องถิ่นกว่า 300 คน แสดงความจงรักภักดีและถวายความอาลัยพ่อแห่งแผ่นดินของเรา ๙ทำดีตามพ่อ และพัฒนาตลาดนัดเด็กดอย

เช้ามืดของวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ผมนั่งรถประจำทางจากบขส.มหาสารคาม สู่ บขส.ขอนแก่น มุ่งหน้าสู่ อำเภอนครไทย ถึงประมาณบ่ายสามรอป๋าเท ชาวบ้านที่ผ่านมาทำธุระด้านล่างแวะมารับเพื่อขึ้นสู่ภูหินร่องกล้า มาถึงที่นี่สถานที่เปลี่ยนไปมาก จำได้ว่าเมื่อสองปีที่แล้วมาที่นี่หมอกวิ่งมาชนตัว แต่ปีนี้สิ่งที่ชนตัวคือลมหนาว ความเย็นยังเหมือนเดิม แต่ความงามของหมอกไม่มีให้เห็น สัญญาณโทรศัพท์ทุกคลื่นดีสปีดมากๆ(4G) ไม่เหมือนก่อนที่ตัดขาดจากโรงภายนอกเลยทีเดียว มาถึงบ้านพักครูเทียนก็กล่าวทักทาย โอบกอดด้วยความคิดถึง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ พร้อมทั้งพี่เทียนได้นำเอาแครอทมินิ สตอเบอรี่ร่องกล้า มาให้ชิมแบบหวานสดชื่นเลยทีเดียว แล้วจึงเอาสัมภาระไปเก็บที่พัก และกลับมาบ้านพักมีพี่น้องชาวม้งที่เคยรู้จักและติดตามติดต่อสื่อสารกันมาตลอดมาคอยต้อนรับ และวันนี้พี่สมชายได้ทำลาบเป็ดอาหารอีสาน แต่พัฒนาฝีมือปลายทัพพีจากคนบนดอย ระหว่างรอประกอบอาหารก็ได้กินพิซซาม้ง จนกับข้าวเสร็จก็ล้อมวงทานข้าวกันอย่างอบอุ่น พูดคุยเรื่องราวความเป็นมาเป็นไป การต่อยอดและการหนุนเสริมของตลาดนัดเด็กดอย ดึกพอสมควรจึงพากันแยกย้ายเข้านอน


ผมตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงลมอันแล่นแรง อุณหภูมิวัดได้ 12 องศาเซลลเซียส แต่มาที่นี้จะคลุกในที่นอนไม่ได้ก็ได้รอดูพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมเดินชมสวนทุ่งดอกกระดาษ สวนสตอเบอรี่ ส่วนกะหล่ำปี ไร่แครอท มีธารน้ำใสไหลรินเล็กข้างที่พัก กับบรรยากาศเด็กนักเรียนบนดอยมาเรียนหนังสือ สายๆครูเทียนได้ให้รถมอเตอร์ไซต์ผมไป พาน้องที่ติดตามมาด้วย(น้องอาย) ไปขับรถชมสถานที่สำคัญ ขอบอกเลยว่าเส้นทางล้มลุกคลุกคลานหวาดเสียวมากๆ ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร มือสมัครเล่นอย่างผมก็พลาดขับรถ ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก ขาเจ็บหัวเข่าถลอกแต่ก็ยังขับไปถึงภูลมโลและผ่านที่สำคัญๆหลายที่ แถมยังหลงทาง เพราะความหลงทางทำให้เราได้เริ่มต้นใหม่ และยังเป็นเหมือนลูกศรโยงใยไปคุยกับคนในพื้นที่ ก็ได้รับคำแนะนำเส้นทางด้วยยินดี และถามไถ่ผลิตผลทางการเกษตร บนไร่กะหล่ำปี มีสวนสน สลับทุกหญ้า ลานหิน ทุ่งพญาเสือโคร่งที่ยังไม่บาน จุดหมายปลายทางนั้นสำคัญ แต่เรื่องราวสองข้างทางมีมากหมายให้เก็บเกี่ยวเมมเมอรี่ความรู้สึก หลังจากลงภูลมโลก็มาหาครูเทียนที่โรงเรียนทานก๋วยเตี๋ยว แล้วมอบหนังสือเรียนนอกฤ การขอบคุณพื้นที่และตอบแทนบุญคุณ พร้อมทั้งเล่นกับเด็กอนุบาลที่ถึงเวลานอนแต่ก็ไม่อยากนอน ก็อดขำนึกถึงตอนตัวเองเป็นเด็กที่เวลานอนกลางวันก็ไม่อยากนอนจนครูต้องเอาไม้เรียวมาฟาด(เฉียบ) ถึงเวลาต้องกลับแล้วก็เลยบอกครูเทียนว่าอยากถ่ายรูปกับเด็กๆ พอเด็กๆได้ยินดีใจมาก พากันลุกจากที่นอนวิ่งออกมาหน้าประตูห้อง(หรือเป็นเพราะว่าไม่อยากนอนกันแน่555) ถ่ายภาพร่ำราเสร็จก็ได้ขึ้นรถลงดอยร่องกล้าเพื่อไปที่อำเภอหล่มสัก เส้นทางลาดชันคดเคี่ยวพอสมควรแต่ก็ได้ฟังเรื่องเล่าเรื่องราวเรื่องภูหินร่องกล้า ภูทับเบิก เขาค้อ ว่าเป็นเส้นทางนักต่อสู้เพื่อสังคม เรียกตัวเองว่าคอมมิวนิสต์ อีกด้านนึงของความจริงที่ไม่มีในตำรา จับใจความว่าที่สมัยนั้นนักศึกษาออกมาชุมชุมเพราะ เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคมขึ้น เจ้าหน้าที่กดขี่ข่มเหงชาวบ้าน อยากได้หมู อยากได้ลูกผัวเมียใคร ก็เอาไปโดยชอบธรรม แต่ไม่ชอบใจชาวบ้าน จนเกิดเหตุสลายการชุมนุมนักศึกษาหนีตายมาที่นี่(ภูหินร่องกล้า) จึงมีลัทธินี้คิดชาวบ้านเป็นสหายหลายคน รวมทั้งพ่อกับแม่ผมด้วย เส้นทางภูทับเบิกนี้เป็นเส้นทางที่ทหารตัดถนนขึ้นมาเพื่อมาปราบปรามใช้ไม้แข็งไม่ได้ จึงใช้ไม้อ่อนและเปิดโอกาสให้กลับไปพัฒนาบ้านเมือง คุยกันสักก็ถามเรื่องวัตถุดิบพืชผลเกษตรกรรม ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางจนถึงบขส.หล่อมสัก แต่ด้วยความบังเอิญ หรือชะตาลิขิตพี่สาวผมได้มาปักหลักถิ่นฐานอยู่ที่นี่เพื่อทำการเกษตรก็ได้มาแวะรับไปดูที่อยู่ที่อาศัย หาข้าวหาน้ำให้กิน ก่อนมาส่งที่บขส.หล่มสักและนั่งรถกลับมหาสารคาม ถึงที่หมายโดยปลอดภัย


“ชีวิตทำความเข้าใจ ได้ด้วยการมองย้อนกลับไป แต่การใช้ชีวิตต้องมองไปข้างหน้า”

ขอบคุณความรัก ความจริงใจการต้อนรับที่อบอุ่นด้วยดีเสมอมาพี่ชาวดินที่น้องเคารพรักขอบคุณที่พี่ทำให้รู้ว่า

...อุดมการณ์เพื่อส่วนรวมยังยืนหยัดอยู่จริง

“ดอยสูงเสียดฟ้า พสุธากว้างใหญ่

ครูคือครูผู้ถึงใจ สร้างเด็กไทยให้ยืนยง”

ด้วยใจคารวะถึงครูเทียน ครูดอยลูกอีสาน คนร่วมเดินทาง ร่วมถึงตัวเราเองที่เผื่อใจไว้ให้ได้เรียนรู้เสมอ หนังสือจากชุมชนคนท้องถิ่น ครอบครัว และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง นี่คือรสชาติขิงชีวิตหวานบ้าง ขมบ้าง ชีวิตก็เป็นแบบนี้เอง มีเวลาเท่ากัน บริหารจัดการเวลาให้ดี ปล่อยวางบางอย่างเพราะ... ชีวิตไม่ใช่รถบรรทุก ไม่จำเป็นต้องแบกทุกเรื่อง ลองยิ้มดูสิ ความสุขจะเกิดขึ้นกับเรานานเท่านาน



หมายเลขบันทึก: 658805เขียนเมื่อ 18 ธันวาคม 2018 15:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 ธันวาคม 2018 15:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท