แล้วคุณจะเลือกใคร


บางครั้งเราก็ต้องเลือก ว่าจะเอาลูกหรือจะเอาแม่ไว้

หูย เล่นขึ้นต้นด้วยประโยคคำถามแบบนี้ หากอ่านแบบผ่านๆ ก็คงเกิดคำถามในใจในทันทีว่า คนถามนี่แม่งเลวหรือกวนตีนกันแน่วะ

เอาใหม่ 

หากการตั้งท้องครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อคนท้อง แต่เรามีตัวประกันที่มีตัวตนอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือลูกในท้อง เมื่อถึงคราวต้องเลือกเอาคนเดียวให้อยู่รอด ท่านจะเลือกใคร

หูย (อีกรอบ) คำถามชั้นเลว!

เอาล่ะ อย่าเพิ่งด่าผม

ลองอ่านต่อไปอีกนิด

วันก่อนผมได้รับคำปรึกษาว่าจะยุติการตั้งครรภ์ในคนไข้คนหนึ่งที่กำลังเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษขั้นรุนแรงในขณะที่มีอายุครรภ์ได้เพียง ๒๕ สัปดาห์

ผมไม่ได้อยู่เวร 

แต่คำปรึกษาเรื่องการใช้ยาเพื่อทำแท้งมักจะถูกส่งมาหาผมเสมอ ๆ 

เรื่องนี้มี ๒ ประเด็นที่ต้องรู้

อย่างแรก 

ครรภ์เป็นพิษ คือ ภาวะที่คนท้องเกิดปัญหามีความดันโลหิตสูง ร่วมกับการมีโปรตีนรั่วออกทางฉี่ (จะเรียกว่าไตเริ่มเจ๊งเฉียบพลันก็ได้) และมักจะมีอาการบวมทั้งตัวแบบแปลกๆ นั่นเป็นเพราะน้ำเหลืองรั่วซึมออกมานอกหลอดเลือดมากขึ้น

ทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้ ว่าโรคนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มันจึงยังไม่สามารถป้องกันได้จริงๆ เรียกได้ว่า เกิดที่ใครก็นับว่าโชคไม่ดี

มันคือสาเหตุที่ทำให้คนท้องทั้งโลกตายไปราวๆหนึ่งในสามนะครับ

อ่านดีๆ คนท้องไม่ได้ตายกันง่ายๆนะครับ ไม่งั้นเราคงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว แต่ผมกำลังบอกว่า หากคนท้องจะตาย ไอ้นี่แหละที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆเลยเชียว 

ทำไม

เพราะหากเป็นรุนแรง มันทำให้เกิดการชักได้ ความดันสูงจนเลือดออกในหัวได้ ไตพัง ตับพัง หลอดเลือดทั่วร่างกายพัง เรียกได้ว่า พังยับ

ดูเหมือนสิ้นหวังใช่ไหมครับ

อันที่จริงมันก็ไม่ได้น่ากลัวมากนัก หากเราจัดการได้เร็ว นั่นคือ รีบลดความดัน รีบป้องกันการชัก และรีบให้คลอด จะมีบ้างที่มันเกิดขึ้นปุบปับมาก อย่างเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คนไข้ของทีมผมคนหนึ่ง เธอฝากครรภ์ดีมาตลอด จนกระทั่งในวันที่เกิดเรื่อง ที่จู่ๆก็ความดันเลือดก็สูงกระฉูด ตับพังในเวลาไม่ถึงวัน แบบนี้ก็มี หรือเมื่อก่อนหน้านั้นราวสิบปี คนไข้คนหนึ่งไปที่คลินิกของอาจารย์ท่านหนึ่งเพื่อฝากครรภ์ตามปกติ และตรวจพบว่าครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรง ระหว่างทางที่รีบเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อให้คลอดนั้น จู่ๆก็เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เธอบอกว่า “แทบขาดใจ” นั่นเป็นเพราะรกลอกตัวก่อนกำหนดจากครรภ์เป็นพิษและเด็กตายในทันที 

เจอแบบนี้ไม่บ่อยนะครับ แต่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ขนลุกทั้งหมอทั้งคนไข้กันเลยทีเดียว

คลอดมันเร็วๆ แล้วจะปลอดภัย ฟังให้ดีๆ มันคือโรคครรภ์เป็นพิษ ดังนั้น เมื่อหยุดครรภ์ ก็ไม่มีครรภ์ให้เป็นพิษ นั่นยังไงเล่า ปุดโธ่

แต่เรื่องมันก็ไม่ได้ราบรื่นไปเสียทุกอย่างหรอกนะครับ เพราะบางครั้ง ตัวประกันของเราก็ส่งผลให้การตัดสินใจนั้นยุ่งยากมากขึ้นไปอีก เนื่องจากหลายๆครั้งนั้น ภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นเร็วมากตั้งแต่อายุครรภ์น้อยๆ มันจึงทำให้เราต้องเอาเด็กออกมาตั้งแต่ปอดมันยังไม่สามารถขยายหรือหายใจได้ 

ทำให้หมอสูติเราต้องยืดเวลาออกไปอีกนิด อีกนิด และอีกนิด จนถึงจุดหนึ่ง ครรภ์เป็นพิษจึงทำให้เกิดความเสียหายแบบกู่กลับยาก ก็บอกแล้วไง ว่าให้รีบๆคลอด

มันจึงมาถึงประเด็นที่ ๒ นั่นคือเด็กในท้อง (อันที่จริง เด็กไม่ได้อยู่ในท้องซักหน่อย เค้าอยู่ในมดลูกแม่ต่างหาก ทำไมจึงเรียกเด็กในท้องกันจัง)

ถ้าหากว่าครรภ์เป็นพิษมันเกิดขึ้นในช่วงที่อายุครรภ์เกิน ๓๔ สัปดาห์ไปแล้วก็ไชโย คลอดออกมาเด็กก็หายใจเองได้แล้ว รอดไป 

แต่ถ้ามันเร็วกว่านี้ล่ะ 

ปอดเด็กยังไม่สามารถขยายออกเพื่อรับออกซิเจนได้ครับ แต่มันก็มีการจัดการ นั่นคือ เราสามารถให้ยากระตุ้นปอดเด็กได้ โดยเฉพาะเมื่ออายุครรภ์ประมาณ ๒๖ ถึง ๓๔ สัปดาห์ อายุครรภ์ช่วงนี้ก็พอถูไถ แต่จะทำอะไรก็ทำ อย่าช้า อย่าลืม ครรภ์เป็นพิษทำให้ตายได้

แต่ถ้าหากว่าอายุครรภ์น้อยกว่านี้อีกล่ะ

อันนี้เรียกได้ว่าซวยเต็มรูปแบบ เพราะเด็กออกมาก็รอดยาก เราจึงมักจะเรียกการเอาเด็กออกในช่วงอายุครรภ์ต่ำกว่า ๒๖ สัปดาห์ว่า “การทำให้แท้ง” นั่นคือเพื่อการ “รักษาชีวิตแม่ไว้”

“เว้นแต่อยากมีเมียใหม่!”

ก็ไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวก็ตาย (ไอ้บร้าาาา) นั่นไง ผมจึงถามว่า จะเอาแม่หรือเอาลูก

ถ้าจะเอาแม่ ก็รีบคลอดหรือรีบแท้ง (ขึ้นกับอายุครรภ์) แต่ถ้าจะเอาลูก ก็ฉีดยากระตุ้นปอดเด็ก แล้วรอ ส่วนใหญ่แม่ก็รอดมาด้วย แต่อาจจะสะบักสะบอมหน่อย หรือไม่ก็ได้แต่ลูก (พบแบบนี้น้อยมาก) หรืออาจจะไม่เหลือเลยสักคน

ดูโหดร้ายมากเลยใช่ไหมครับ

และมันเป็นเช่นนี้จริงๆ

............................

“เราคิดว่า เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว ทางเลือกมันเหลือทางเดียวครับ นั่นคือตัดมดลูกออกพร้อมเด็กในท้องเลย ไม่งั้นจะเป็นอันตรายต่อแม่ได้นะครับ” ผมใช้คำว่าเรา เพราะมันหมายถึงอาจารย์แพทย์ ๓ คนร่วมกับแพทย์ประจำบ้านอีก ๓ คน เราได้ร่วมคิดและหารือกันแล้ว

ผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้มีภาวะครรภ์เป็นพิษ แต่เธอได้รับการวินิจฉัยว่ามีน้ำเดินตั้งแต่อายุครรภ์ ๑๗ สัปดาห์ อันที่จริงมันคือ “การแท้ง” นั่นเอง แต่เป็นการแท้งที่เด็กยังไม่ออกมาเท่านั้น นี่เป็นข่าวร้ายลำดับที่หนึ่ง

“ปัญหาก็คือ เธอมีรกมาขวางปากมดลูกไว้ เวลาใกล้แท้งออกมาจริงๆ อาจจะมีการตกเลือดอย่างรุนแรงได้” นั่นคือปัญหาที่สองที่เราพบ

“เรายังพบว่า บริเวณที่รกเกาะต่ำอยู่นั้น น่าจะมีรกกินทะลุมาจนเกือบจะถึงกระเพาะปัสสาวะเลยด้วยครับ แต่เรายังไม่แน่ใจนักนะครับ เนื่องจากครรภ์มันยังอ่อนมาก เลยดูไม่ค่อยชัด” เราค่อยๆแจ้งข่าวร้ายไปทีละเรื่อง 

จะว่าไป มันก็โคตรจะเป็นข่าวร้ายสำหรับคนอยากได้ลูกเลยจริงๆนะครับ

และการพยายามที่จะทำให้แท้งด้วยการใช้ยาทำแท้งก็ดำเนินไประยะหนี่ง แต่มันไม่สำเร็จ

อันที่จริงในการดูแลเธอคนนี้มันมีอะไรอีกมากมายที่ดูเหมือนย้อนแย้ง

ทำไมจึงเลือกใช้ยาทำแท้ง ทั้งๆที่รู้ว่ามีรกเกาะขวางอยู่

ตอบ ทราบ และมองเห็นอุปสรรคข้างหน้าด้วยทั้งตกเลือด ทั้งรกไม่ออก แต่ถ้ามันอยู่ในโรงพยาบาล มีหมอเฝ้าอยู่ตลอด หากมันจะเกิดก็รีบแก้ไขกันได้ ที่สำคัญ เธอไม่อยากให้ตัดมดลูกทิ้ง

ทำไมจึงต้องให้เขาแท้งออกมาให้ได้ ก็เขาอยากได้ลูกนี่นา

ตอบ ตอนนี้น้ำมันรั่วออกมา เอิ่ม..ไม่ใช่น้ำมันนะครับ น้ำคร่ำครับ น้ำคร่ำ และเราพบว่า เธอกำลังมีการติดเชื้อในโพรงมดลูก ถ้าปล่อยให้ท้องต่อไปแล้วมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด เรื่องมันก็จะบานปลาย

ทำไม จึงใช้ยาทำแท้งไม่สำเร็จ ก็ไหนบอกว่ามันโคตรจะดีเลย 

ตอบ ก็ถูกว่าการแท้งเกิดขึ้นแทบจะร้อยเปอร์เซ็นด้วยการใช้ยา แต่สิ่งที่เราพบอยู่เบื้องลึกนั่นคือ เธอมีมดลูกผิดปกติแต่กำเนิดบางอย่าง ทำให้การบีบตัวของมดลูกเพื่อให้เกิดการแท้งมันจึงเกิดขึ้นไม่ได้ ว่าไง ท้องที่แล้วเธอจึงต้องผ่าท้องคลอดเพราะมันบีบตัวไม่เป็นนั่นเองกระมัง

ทำไม

เฮ้ย..พอแล้ว จะสงสัยอะไรนักหนาวะ

ตอบ (ยังอีก) ก็เพราะเมื่อถึงจุดที่เราจะพาไปตัดมดลูกทิ้งนั้น ก็เกิดเรื่องน่ะสิ

“ไม่ตัด ยังไงก็ไม่ตัดค่ะ” เธอบอก สายตาเธอดูเศร้าๆยังไงชอบกล

“ครับ แต่ถ้าไม่ตัด เธออาจจะติดเชื้อจนมันลุกลามได้นะ ถึงตอนนั้นการรักษาก็จะยากขึ้นอีก” ผมรับอาสาเป็นผู้มาอธิบายคนไข้คนนี้ 

เธอนิ่ง และมองไปยังชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บข้างเตียง เธอบอกว่าเขาคือสามี

“ฉันอยากมีลูกกับเขาสักคนน่ะหมอ” นั่นแน่ เธอเฉลยออกมาแล้ว

“แต่หมอคิดว่า ตอนนี้มันไม่เอื้อเลยไง ตอนนี้เธอก็รู้ ว่ามันแท้งที่ไม่ยอมแท้ง น้ำคร่ำไม่มีเหลือแล้ว มีการติดเชื้ออยู่ข้างใน มีรกขวาง และมันกินลึกมาก เราเตรียมผ่าตัดพร้อมคุณหมอศัลยกรรมให้มาช่วยด้วยนะ แบบว่า ผ่ายากแน่นอนนะเธอ” ณ เวลานั้น ทีมเราพร้อมอย่างมากแล้ว เชื่อได้ว่าหากมันทะลุเข้ากระเพาะปัสสาวะขึ้นมาจริงๆ หมอศัลย์จะเข้ามาแทนที่ในทันที

“ยังไงก็ไม่ผ่าตัดครับ ตายเป็นตาย” เจ้าของเสียงทุ้มเบานั้นแสดงตัวตนออกมาบ้าง

“แต่คนที่จะตายก็ไม่ใช่เอ็งสักหน่อยนี่นา” ผมคิดในใจนะครับ เรื่องแบบนี้คิดได้ แต่พูดไม่ได้

การสู้รบระหว่างหมอกับคนไข้ อันที่จริงก็กับสามีคนไข้ด้วยได้ดำเนินไปอีกระยะ แต่ยังไง ทั้งคู่ก็ไม่ยินยอม

เราได้เชิญผู้บริหารโรงพยาบาลให้มาช่วยคุยด้วย เพราะการให้กลับบ้าน มันคืออันตรายจริงๆ

“ไม่” นั่นคือคำตอบที่ทั้งคู่บอกมา 

แล้วทั้งคู่ก็ออกจากโรงพยาบาลไป

อาจารย์พี่เปิ้ลพยายามโทรฯกลับไปหาเพื่อติดตามอาการ แต่นั่นก็ไม่มีการตอบรับกระทั่งการรับสาย

และท้ายที่สุด ทีมเราก็คงทำได้เพียง “การปล่อยวาง”

ถาม”ถ้าผมจะให้เลือก ว่าจะให้รักษาชีวิตแม่หรือลูก คุณจะเลือกใคร”

ตอบ “ถามใคร ถ้าถามผม แล้วเมียแก่มากๆแล้ว ผมก็จะเอาลูก ๕๕๕

แต่จะเป็นไปได้อย่างไร แก่แล้ว ใครมันจะท้องกันอีกว้าาาาา”

ล้อเล่นนะแม่จ๋า ยังไงพ่อก็ไม่เลือกทั้ง ๒ ข้อจ๊ะ เพราะถ้าถามแบบนั้น เอาชีวิตพ่อไปแทนดีกว่านะจ๊ะ

ธนพันธ์ ชูบุญพ่ายแพ้ต่อการทำแท้ง

๑ พย ๖๑

หมายเลขบันทึก: 656954เขียนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2018 15:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2018 15:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ตื่นเต้นเห็นภาพ ความพ่ายแพ้..

-สวัสดีครับ-ตามอ่าน..ด้วยใจระทึก..มโนนึกได้เห็นภาพขอรับพี่หมอ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท