บทความวิจัยเรื่อง The Rice Value Chain : A case Study of Thai Rice (1) โดย ศ. ดร. เบญจวรรณ ฤกษ์เกษม ลงในวารสาร ASR : CMU Journal of Social Science s and Humanities (2017) Vol 4 No. 1 สะกิดใจผมว่า ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เกษตรกรรม และธุรกิจ ข้าวไทยได้เปลี่ยนโฉมไปโดยสิ้นเชิง จากการปลูกข้าวพันธุ์เดี่ยวที่รัฐส่งเสริม มาเป็นปลูกข้าวหลากหลายสายพันธุ์ รวมทั้งพันธุ์ท้องถิ่น ที่มีการฟื้นและขยาย รวมทั้งพัฒนาพันธุ์ คนไทยในปัจจุบัน มีโอกาสเลือกบริโภคข้าวเพื่อสุขภาพ และความพอใจของตน
ผมไม่ได้ซื้อข้าวที่ผลิตโดยบริษัทใหญ่มานานกว่าสิบปี บริโภคข้าวกล้องที่เลือกซื้อในโอกาสต่างๆ หรือมีคนนำมาให้
ภาคประชาชนที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเงียบๆ คือ มูลนิธิข้าวขวัญ (๒)
ผมเคยเขียนเรื่องการเมืองเรื่องข้าวเมื่อ ๒ ปีที่แล้วที่ (๓) แนะนำข้าวลืมผัวที่ (๔) แนะนำข้าวกล้องของโรงเรียนชาวนานครสวรรค์ ที่ (๕)
ที่เขียนข้างบนนั้น เป็นเรื่อง social value chain เน้นที่คุณค่าต่อผู้บริโภค และมูลค่าต่อเกษตรกรและผู้ทำธุรกิจรายย่อย
แต่บทความวิจัยที่อ้างถึง จับประเด็น economic value chain และบอกว่าในช่วงประมาณ ๓๐ ปีที่ผ่านมา “ห่วงโซ่มูลค่าทางธุรกิจ”เปลี่ยนแปลงไปทั่วเอเชีย ห่วงโซ่มูลค่าของข้าวไทย และของประเทศอื่นๆ มีการกระจายหรือแตกตัวออกเป็นหลายห่วงโซ่ เพื่อสนองรสนิยมและความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค
อาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจ และการบริโภคข้าว ได้เข้าสู่ยุคใช้คุณค่าหรือพลังของ ความหลากหลายทางชีวภาพ และพลังธุรกิจ SME
วิจารณ์ พานิช
๗ ต.ค. ๖๑
ไม่มีความเห็น