๗๑๙. ถอดบทเรียนชีวิตกับโรคความดันโลหิตสูง


ถอดบทเรียนชีวิตกับโรคความดันโลหิตสูง

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ กับอีกหนึ่งบทเรียน...ในความจริงตัวเองรู้สึกรุม ๆ ในตัวเองมาสัก ๒-๓ วันแล้ว รู้สึกแปลกๆ กับร่างกายของตนเอง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับอาการดังกล่าว...ตกเย็นหลังเลิกงาน เพราะทราบว่า มหาวิทยาลัยจะหยุดยาวให้ ๔ วัน ผู้เขียนขับรถยนต์ไปส่งพี่ฟ้าครามให้กับพ่อเพรียงและเม่อ้อมก่อน เพื่อให้เธอได้อยู่และเล่นกับนาย Sky...ย่ากับปู่เร จึงขับรถกลับมาอยู่บ้านที่พิษณุโลกกัน...ทานอาหารเย็นกันตามปกติ นิสัยส่วนตัวเป็นคนที่ทำอะไรเร็ว ๆ ไว ๆ ไม่ชักช้า ลงมือทำทันที นี่คือ ข้อดีของผู้เขียน เพราะคิดเสมอว่า เวลาเป็นสิ่งมีค่าเสมอในการดำรงชีวิต...ทานข้าวเย็นเสร็จ ภายในร่างกายก็มีอาการรุม ๆ อยู่...จัดแจงเตรียมตัวอาบน้ำ เพราะคิดว่าจะได้เรียบร้อยไปเลยทีเดียว...หารู้ไม่ "นั่นมันคือ อันตรายมาก ๆ"...

พอเอาน้ำวักใส่หน้าตัวเองเท่านั้นเอง ๒ ครั้ง...เลือดกำเดาในส่วนด้านหลังของโพรงจมูก ไหลออกมาทางจมูกเป็นทางยาว...ตกใจมาก ๆ กับอาการที่เกิด...เพราะเป็นคนที่ชอบอาบน้ำเย็น ไม่ชอบอาบน้ำอุ่น เพราะอาบน้ำเย็นแล้วทำให้ร่างกายสดชื่น เอี่ยม สะอาดมากกว่าน้ำอุ่น...หารู้ไม่ บางทีรู้ก็เหมือนกับเส้นผมบังภูเขา...อาการที่เกิดพอเลือดไหลมาทางจมูก ก็จะบีบจมูก แต่!!!...เลือดกลับไหลย้อนเข้าปาก เข้าคอ หลงกลืนไปหลายครั้ง (ซึ่งความจริงจะไม่ให้กลืน เพราะทำให้เกิดอาการเลือดเสียแล้วจะอาเจียรขึ้นอีกได้)...นี่คือ ครั้งแรกของเลือดกำเดาไหลที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของผู้เขียน เพราะเคยไหลเมื่อตอนเป็นเด็ก ๆ เมื่ออายุประมาณ ๓-๔ ขวบ แล้วก็ไม่เคยเป็นอีกเลย...ในช่วงเวลาที่เป็นนี้ อากาศร้อนมาก ๆ ที่พิษณุโลก ปู่เรยังบอกว่า "ช่วงนี้บ้านเราร้อนจัง!!!"

พอมาเป็นคราวนี้ เนื่องจากความดันโลหิตสูง ซึ่งผู้เขียนได้ทานยาแอสไพรินเข้าไปด้วย เหตุจากการที่ผู้เขียนป้องกันการเป็นความดัน เบาหวาน ไขมันอุดตัน...เข้าไปด้วย จึงทำให้เส้นเลือดตรงด้านหลังโพรงจมูกแตกออกมาเยอะมาก ๆ ตอนแรกไหลตรงจมูก พอไหลมากเกินไป จึงไหลเข้าคอเหมือนน้ำทะลัก...ผู้เขียนเกิดความเข้าใจเลยว่า สาเหตุคนที่เขาเป็นเส้นเลือดแตกในสมองนั้น เขาเป็นเช่นไร...เหมือนซ้อมตายจริงเลยคราวนี้...ทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอีกบทเรียนหนึ่งกับเรื่อง โรคความดันโลหิตสูงของผู้เขียนเอง...

อาการเป็นจะเป็นตอนเช้า ๓ วัน แล้วต่อมาก็ค่อย ๆ ลดลงและหายไปในที่สุด...นับแต่วันที่เป็นแล้ว กว่าจะหายเป็นปกติได้เกือบ ๑๒ วันเต็ม เพราะจะมีอาการเสลดค้างในลำคออีก...ต้องอัดยาฉีดอีก ๒ เข็ม...ด้วยวัยย่าง ๕๖ ปี ก่อนเข้าสู่เส้นชัยที่ ๖๐ ทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้ว่าชีวิตบางครั้งมันต้องแลกด้วยเลือดสด ๆ เหมือนกัน ดีที่ไม่แตกในสมอง มาแตกที่โพรงจมูกด้านหลัง...ไม่เช่นนั้น ป่านนี้อาจขึ้นเมรุ หรือไม่ก็นอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา หรืออัมพฤกษ์ อัมพาตไปแล้วก็ได้...ว่าจะไม่ประมาทต่อชีวิตแล้ว แต่ก็ประมาทจนได้...

มาจนบัดนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ เครื่องวัดความดัน พร้อมทั้งปรอทวัดไข้ พกมาพกไป กลัวมากกกกกกกก...สิ่งที่ยังกลัวไม่หาย นั่นคือ กลัวน้ำเย็นมาก แม้แต่การอาบน้ำและการดื่มน้ำ กลัวร่างกายมันจะสปาคกับความเย็น...ทำเอาจิตหลอนได้เลยเชียว...สุดท้ายก็ต้องหันกลับมาดูแล รักษาตัวเองให้มาก ๆ รวมทั้งการรับประทานอาหารต่าง ๆ พฤติกรรมการปรับเปลี่ยนหลาย ๆ เรื่อง เช่นทำอะไรเร็ว ๆ ไว ๆ ก็ต้องแบ่งรับแบ่งสู้ เพลา ๆ ลง ไม่เหมือนเดิม เพราะหากเป็นคราวหน้าอาจไม่โชคดีเช่นคราวนี้...เหมือนเป็นสิ่งเตือนผู้เขียนว่า "ให้ระวัง!!! อายุมากขึ้นแล้วนะ"...

นี่คือ การเรียนรู้ชีวิตจากการถอดบทเรียนของชีวิตจริงของผู้เขียน

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

บุษยมาศ  แสงเงิน

๙ สิงหาคม ๒๕๖๑

หมายเลขบันทึก: 649434เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2018 12:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม 2018 13:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้ว ต้องทวนซ้ำตัวเองเลยครับบางอาการ เหมือนผมจะคุ้นๆ กับตัวเองเอามาก 555

ระวังตัวเองด้วยค่ะ…เกิดอะไรกับเราไม่คุ้มเลยกับชีวิตเรา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท