เพราะแม่จะทำทุกอย่างเพื่อลูก
เพราะแม่จะจัดสรรเงินอย่างดีที่สุด
และไม่ว่าแม่จะมีลูกกี่คน ทุกคนจะได้รับความรักจากแม่เท่าเทียมกัน
.
การแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นวาระในทุกประเทศทั่วโลก ตัวอย่างที่ดีมีออกมาให้เห็นอยู่เสมอ เช่น บราซิลและประเทศจีน ตัวอย่างของบราซิลเกิดขึ้นมากว่าทศวรรษแล้ว มีผู้เรียนรู้จากบราซิลไปปรับใช้ในประเทศเป็นจำนวนมาก เรามาดูเบื้องหลังกันว่า ประเทศบราซิลทำอย่างไร
.
อดีตประธานาธิบดี Lula แห่งบราซิลกล่าวว่า คุณครูที่ดีที่สุดในชีวิตเขาคือคุณแม่ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เกิดมาและตายจากไปโดยไม่รู้หนังสือ แม้เขาจะเคารพต่อความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ แต่เขาคิดว่าคนเหล่านั้นรู้เรื่องน้อยมากเกี่ยวกับความยากจน โครงการขจัดความยากจนของ Lula ให้สัญญาว่าจะสามารถขจัดความยากจนของบราซิลให้ได้ภายในเจเนอเรชั่นนี้
.
เครื่องมือสำคัญของโครงการนี้เรียกว่า Bolsa Familia หรือเงินอุดหนุนครอบครัว ก่อนหน้านี้ โครงการช่วยเหลือคนจนมักซื้อสินค้าหรือบริการให้คนจน แต่โครงการนี้มอบเงินให้ครอบครัวแทน เพราะเขาเชื่อว่าวิธีที่ง่ายและดีที่สุดเพื่อช่วยคนจนคือการให้เงินสดเล็กน้อย ในปี 1995 ได้ดำเนินการทดลองใน 2 เมืองก่อนที่จะขยายมาเป็นระดับประเทศ
.
ครอบครัวที่ยากจนสุดขั้วจะได้รับเงินช่วยเหลือครอบครัวประมาณ 42 ดอลลาร์ต่อคนต่อเดือน ผู้ที่เข้าโครงการจะต้องทำตามเงื่อนไขหลายข้อ เช่น การส่งลูกอายุ 6-14 ปีเข้าโรงเรียนอย่างน้อย 85% ของเวลาเรียน รับประกันว่าจะพาเด็กทุกคนไปรับวัคซีนและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ หัวใจของโครงการคือต้องการขจัดความยากจนในตอนนี้ไปพร้อมๆ กับขจัดความยากจนในอนาคตของแต่ละครอบครัว
.
โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกของประเทศบราซิลที่ผู้นำได้บรรจุวาระการขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำมาอยู่ตรงใจกลางของวาระงานของประเทศ
.
ที่สำคัญโครงการใช้เงินงบประมาณน้อยกว่าโครงการช่วยเหลือทั่วไปกว่า 30% และใช้เงินงบประมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ เคล็ดลับที่คือ โครงการจะมอบเงินให้ครอบครัวผ่านแม่ เพราะเชื่อว่าแม่จะจัดการบริหารเงินเล็กๆ แต่ละก้อนที่ได้ให้ดีที่สุด
.
Lula กล่าวว่า เขาอยากให้คนเข้าใจว่าหัวใจของปรัชญาของเขาอยู่ที่คุณแม่ ไม่มีใครให้ความเท่าเทียมได้เท่าคุณแม่ แม้ว่าแม่จะมีลูกกี่คน ต่อให้มีลูก 300 คน แม่ก็จะปฏิบัติต่อลูกแต่ละคนอย่างเท่าเทียมกัน นั่นเป็นวิธีที่เขาปกครองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน เจ้าของที่ดี นักธุรกิจใหญ่ หรือลูกจ้าง เขาพยายามจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันให้ได้เหมือนคุณแม่
.
ประธานาธิบดี Lula ได้ตั้ง Ministry of Social development ขึ้นมาเพื่อให้รันโครงการ Bolsa Familia โดยเฉพาะ หลังโครงการนำไปใช้ 3 ปี ก็สามารถลดความยากจนได้ถึง 15% ในปี 2014 สัดส่วนของชาวบราซิลที่ยากจนจาก 9% เหลือเพียง 3% ดังนั้น โครงการอุดหนุนครอบครัวนี้จึงสามารถยกระดับคน 36 ล้านคนให้พ้นจากความยากจน
.
หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งยกย่องว่าเป็นโครงการเพียงหนึ่งเดียวที่ใหญ่ที่สุด ที่ใช้เวลาเพียง 10 ปีสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางชนชั้นของประเทศได้นับตั้งแต่กรณีญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
.
นอกจากขจัดความยากจนแล้ว โครงการยังมีส่วนให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศสูงขึ้นด้วย โดยรายได้ของคนจนสุด 20% แรกสูงขึ้น 6.2% ในช่วงปี 2002-2013 ในขณะที่รายได้ของคนรวยสุด 20% ขยายตัวสูงขึ้น 2.6% Lula เชื่อว่าทุกคนเป็นผู้ชนะ คนจนมีความสุขเพราะเขาสามารถหายจนได้ ส่วนคนรวยก็มีความสุขเพราะโครงการใช้เงินน้อย นอกจากนี้เมื่อคนส่วนใหญ่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย ก็ช่วยให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้นด้วย
.
เคล็ดลับอีกประการที่สำคัญของโครงการคือ การมอบเงินทำผ่านทางการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ โอนเงินโดยตรงเข้ากับครอบครัว ทำให้ไม่ต้องประสบปัญหารูรั่วจากการคอรัปชั่น
.
ประธานาธิบดีคนต่อมาได้ขยายโปรแกรมไปอีกหลายประการ เช่น มีโครงการ Active Search เพื่อส่งคนเขาไปค้นหาคนยากจนในพื้นที่ห่างไกลหรือแม้แต่ในป่าเขา ประเทศทั่วโลกกว่า 63 ประเทศส่งคนมาดูงานโครงการอุดหนุนครัวเรือน แม้แต่นครนิวยอร์คก็ยังนำไปพัฒนาเป็นโครงการ Opportunity NYC และโครงการ Family Reward 2.0
.
บราซิลสร้างตัวอย่างดีๆ ทั้งในเชิงแนวคิดและวิธีการให้ทั่วโลกไปปรับใช้ เรื่องเริ่มง่ายๆ เพียงเพราะ Lula เรียนรู้จากคุณแม่ของเขานั้นเอง
.
ที่มา: The Fix By Jonathan Tepperman (2016)
ไม่มีความเห็น