52. การมีความสุข และทำให้ผู้อื่นมีความสุข คือท่วงทำนองของชีวิต


52. การมีความสุข และทำให้ผู้อื่นมีความสุข คือท่วงทำนองของชีวิต


ถาม  ผมมาจากยุโรปเมื่อไม่กี่เดือนมาแล้ว เพื่อเยี่ยมคุรุของผมที่ใกล้กัลกัตตา ผมมาเป็นประจำ และกำลังจะเดินทางกลับบ้าน

เพื่อนผมเชิญให้ผมมาพบท่าน และผมดีใจที่ผมมาที่นี่

ตอบ  เธอเรียนอะไรจากคุรุของเธอบ้าง และเธอปฏิบัติอย่างไร?

 

ถาม  ท่านเป็นชายชราอายุประมาณ 80 ปีที่เป็นที่เคารพมาก

ท่านปฏิบัติตามแนวปรัชญาของ Vedantin และการปฏิบัติที่ท่านสอน มุ่งเน้นการปลุกเร้าพลังงานจิตใต้สำนึกของใจ และนำอุปสรรคและการปิดกั้นที่ซ่อนอยู่ขึ้นมาที่จิตสำนึก

การปฏิบัติของผม เกี่ยวเนื่องกับปัญหาส่วนตัวของผมตั้งแต่ผมยังเด็ก

แม่ของผมไม่สามารถให้ความรักและความอบอุ่นแก่ผม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กทั่วไป

แม่ไม่มีคุณสมบัติความเป็นแม่ ท่านมักเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและมีอาการทางประสาท ไม่มั่นใจในตัวเอง ท่านเห็นผมเป็นสิ่งที่ท่านต้องรับผิดชอบและเป็นภาระเกิดนกว่าที่ท่านขะแบกรับได้

ท่านไม่เคยอยากให้ผมเกิดมา

ท่านไม่อยากให้ผมเติบโต และพัฒนา ท่านอยากให้ผมกลับเข้าไปอยู่ในครรภ์ ไม่คลอดออกมา ไม่มีอยู่

เมื่อชีวิตของผมเปลี่ยนแปลง ท่านจะต่อต้าน ความพยายามใดที่จะไปเหนือวงแคบของอุปนิสัยของเธอ เธอจะต่อสู้อย่างเต็มที่

เมื่อเป็นเด็ก ผมเป็นคนอ่อนไหวและน่ารัก

ผมโหยหาความรักเหนือสิ่งอื่นใด แต่ผมไม่เคยได้รับความรักแม้นิดเดียวจากแม่

การแสวงหาแม่ของเด็ก เป็นแรงบันดาลใจหลักของชีวิตผม และผมไม่เคยออกจากความรู้สึกนี้ได้

เด็กที่มีความสุข ชีวิตวัยเด็กที่มีความสุข เป็นสิ่งครอบงำผม

การตั้งท้อง การคลอด วัยทารก เป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจของผมอย่างลึกซึ้ง

ผมกลายเป็นสูติแพทย์ที่มีชื่อเสียง และมีส่วนพัฒนาวิธีการคลอดแบบไม่เจ็บปวด

ทารกที่มีความสุขของแม่ที่มีความสุข – นั่นคืออุดมคติของชีวิตผมตลอดมา

แต่แม่ของผมยังเป็นเหมือนเดิม – ตัวท่านเองไม่มีความสุข ไม่อยากเห็นผมมีความสุข ไม่สามารถทำให้ผมมีความสุข

มันส่งผลต่อผมแบบแปลกๆ

เวลาผมรู้สึกไม่ดี ท่านจะรู้สึกดี เวลาผมสบายดี ท่านจะหดหู่ซึมเศร้า แช่งด่าตัวเองและผมด้วย

เหมือนกับว่าท่านไม่เคยยกโทษให้ผมต่ออาชญากรรมที่ผมก่อ คือการเกิดมาในโลกนี้ ท่านทำให้ผมรู้สึกผิดที่มีชีวิตอยู่

“แกมีชีวิตอยู่เพราะแกเกลียดฉัน ถ้าแกรักฉัน แกตาย” นั่นคือสัญญาณเงียบที่ท่านส่งให้แก่ผมตลอดเวลา

ดังนั้นผมจึงใช้ชีวิตท่ามกลางการถูกแช่งด่าให้ตาย แทนความรัก

เพราะถูกจองจำอยู่ภายในแม่ของผม ในฐานะของทารกตลอดกาล ผมไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับเพศตรงข้าม ภาพของแม่จะขวางอยู่เสมอ ไม่ให้อภัย และไม่ได้รับการให้อภัย

ผมใช้หน้าที่การงานเป็นสิ่งปลอบใจ แต่ผมก็ไม่สามารถหลุดจากหลุมมืดดำของวัยทารกได้

สุดท้าย ผมหันมาพึ่งการค้นคว้าทางจิตวิญญาณ และผมดำเนินตามแนวทางนี้มาหลายปี

แต่มันก็เหมือนการแสวงหาความรักจากแม่ หรือจากพระเจ้า หรือความจริงสูงสุด

ผมแค่ต้องการมีความรักและได้รับความรัก แต่ผู้ปฏิบัติทั้งหลายล้วนต่อต้านชีวิตและทุกสิ่งเพื่อใจ

เมื่อต้องเผชิญกับความต้องการและความจำเป็นของชีวิต พวกเขาเริ่มจำแนกมัน ทำให้มันเป็นนามธรรม และเปลี่ยนมันเป็นแนวความคิด และทำให้การจำแนกประเภทนี้มีความสำคัญมากกว่าชีวิตเอง

พวกเขาขอให้ผมมีสมาธิอยู่กับคอนเซปต์ที่ไม่ใช่อัตตาตัวตน

แทนที่จะทำการบูรณาการอย่างเป็นธรรมชาติด้วยความรัก พวกเขาแนะนำให้ผมตั้งใจและอุทิศตนปฏิบัติตามสูตรที่พวกเขากำหนด

ไม่ว่จะเป็นพระเจ้า หรือ อาตมัน หรือตัวผม หรืออื่นๆ มาในรูปแบบนี้เหมือนกันหมด

ผมต้องคิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่างเสมอ แทนที่จะรักบางคน

ผมไมได้ต้องการทฤษฎีหรือระบบ เพราะมันมีอยู่มากมายและน่าสนใจพอๆกัน

ผมต้องการการสั่นสะเทือนของหัวใจ การกลับมาของชีวิต ไม่ใช่การคิดแบบใหม่ๆ

มันไม่มีการคิดแบบใหม่ แต่ความรู้สึกสามารถมีความสดใหม่เสมอ

เมื่อผมรักใครบางคน ผมจะนั่งสมาธิให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติและมีพลัง ด้วยความอบอุ่นและความมีชีวิต อย่างที่ใจของผมไม่สามารถควบคุมได้

ถ้อยคำมีประโยชน์สำหรับการปรับแต่งอารมณ์ความรู้สึก ถ้อยคำที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก เป็นเหมือนเสื้อผ้าที่ไม่มีผู้สวมใส่ – เย็นชาและไร้พลัง

แม่ของผม – ท่านทำให้อารมณ์ความรู้สึกของผมเหือดแห้ง – จนไม่มีเหลืออยู่

ที่นี่ ผมจะสามารถพบความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ของอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งผมต้องการอย่างมากมายในฐานะของเด็กเล็กๆคนหนึ่ง ได้ไหม?

ตอบ  ตอนนี้ วัยเด็กของเธออยู่ที่ไหน? และอนาคตของเธอคืออะไร?

 

ถาม  ผมเกิด ผมเติบโต และผมจะตายในที่สุด

ตอบ  ใช่  ถ้าเธอหมายถึงร่างกายของเธอ และใจของเธอ

ฉันไม่ได้พูดถึงร่างกายและจิตใจของเธอ

ทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และตกอยู่ภายใต้กฏของธรรมชาติ

ฉันกำลังพูดถึงการแสวงหาความรักของเธอ

มันมีจุดเริ่มต้นหรือเปล่า? มันจะมีจุดจบไหม?

 

ถาม  ผมพูดไม่ถูก มันอยู่ที่นั่นตั้งแต่วินาทีแรกเริ่มจนถึงวินาทีสิ้นสุดของชีวิตผม

การโหยหาความรักนี้มันอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา อย่างไร้ความหวัง

ตอบ  ในการแสวงหาความรักของเธอ เธอมองหาอะไรกันแน่?

 

ถาม  ง่ายๆ สั้นๆ แค่ต้องการรักและถูกรัก

ตอบ  เธอหมายถึงผู้หญิงหรือ?

 

ถาม  ไม่จำเป็นเสมอไป เพื่อน ครู ผู้นำทาง – ตราบใดที่ความรู้สึกนั้นส่องสว่างและแจ่มชัด

แน่นอนว่าเพศหญิงคือคำตอบโดยทั่วไป แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป

ตอบ  ระหว่างการรัก กับการถูกรัก เธออยากเป็นแบบไหน?

 

ถาม  ผมอยากเป็นทั้งสองอย่าง แต่ผมก็เห็นว่าการรักมีความยิ่งใหญ่มากกว่า น่าชื่นชมกว่า ลึกซึ้งกว่า

การถูกรักนั้นหอมหวาน แต่มันไม่ทำให้เราเติบโต

ตอบ  เธอจะรักเองได้ไหม หรือต้องมีใครทำให้เธอเป็นฝ่ายรัก

 

ถาม  แน่นอนว่าเราต้องเจอใครบางคนที่น่ารัก เราจึงจะรักได้

แม่ของผมไม่น่ารัก และไม่สามารถรักใครได้

ตอบ  อะไรทำให้คนเราน่ารัก? ไม่ใช่เพราะการถูกรักหรอกหรือ?

ขั้นแรกเธอรัก จากนั้นเธอก็มองหาเหตุผล

 

ถาม  หรือในทางกลับกัน เรารักสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข

ตอบ  แต่อะไรล่ะที่ทำให้เธอมีความสุข?

 

ถาม  มันไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัวในเรื่องนี้ เรื่องราวทั้งหมดขึ้นอยู่กับแต่ละคน และไม่สามารถทำนายได้

ตอบ  ถูกต้อง เธอจะพูดแบบไหนก็ถูก ถ้าเธอไม่มีความรัก ก็จะไม่มีความสุข

แต่ความรักทำให้เธอมีความสุขเสมอหรือเปล่า?

การเอาความรักมาเนื่องกับความสุข มันจะเร็วเกินไปหรือเปล่า?

เมื่อคนที่เรารักมีความทุกข์ เธอก็ทุกข์ด้วยใช่ไหม?

และเมื่อเธอทุกข์ เธอจะหยุดรักหรือเปล่า?

ความรักกับความสุขต้องมีขึ้นและหมดไปพร้อมกันหรือ?

ความรักเป็นแค่ความคาดหวังที่จะมีความเพิดเพลินแค่นั้นหรือ?

 

ถาม  ไม่เลย ความรักอาจมีความทุกข์มากมายเกิดขึ้นด้วยก็ได้

ตอบ  ถ้าอย่างนั้น ความรักคืออะไร?

มันน่าจะเป็นสภาวะของการมีอยู่เป็นอยู่ แทนที่จะเป็นสภาวะของใจ หรือเปล่า?

เธอจำเป็นต้องรู้ไหมว่าเธอรัก เพื่อที่จะรัก?

เธอรักแม่ของเธอโดยไม่รู้ด้วยซ้ำไป ใช่ไหม?

เธอโหยหความรัก โหยหาโอกาสที่จะรักแม่ นั่นคือการเคลื่อนไหวของความรักมิใช่หรือ?

ความรักเป็นส่วนหนึ่งของเธอ ในลักษณะของความรู้ตัวของการมีอยู่เป็นอยู่ ใช่ไหม?

เธอแสวงหาความรักของแม่ เพราะเธอรักแม่

 

ถาม  แต่แม่ไม่ยอมให้ผมรักแม่

ตอบ  แม่ไม่สามารถหยุดยั้งเธอได้หรอก

 

ถาม  ถ้าอย่างนั้น ทำไมผมรู้สึกไม่มีความสุขมาตลอดชีวิต?

ตอบ  เพราะเธอไม่ก้าวลึกลงไปจนถึงรากแห่งการมีอยู่เป็นอยู่ของเธอ

มันเป็นเพราะความที่เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตัวเธอเอง ซึ่งบดบังความรักและความสุขของเธอ และทำให้เธอแสวงหาสิ่งซึ่งเธอไม่เคยได้ทำมันหายไปไหน

ความรักคือความตั้งใจ ความตั้งใจที่จะแบ่งปันความสุขของเธอกับทุกสรรพสิ่ง

มีความสุข - ทำให้ผู้อื่นมีความสุข – นี่คือท่วงทำนองแห่งความรัก

 

ศรี นิสาร์กะทัตตะ มหาราช

“I AM THAT”

 

 

หมายเลขบันทึก: 646748เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2018 14:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2018 14:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท