ขณะผมยืนรับลมอยู่ริมระเบียงตึกการ์ตูนเป็นอาคารเรียนหลังหนึ่งใน มอ. วิทยานุสรณ์ เมืองหาดใหญ่ มีผู้ปกครองนักเรียนที่ลูก ๆ เรียนอยู่ด้วยกันและเราเคยรู้จักกันร่วมวิ่งร่วมออกภาคสนามด้วยกันพร้อมกับลูก ๆนั้น ต่างก็แวะเวียนเข้ามาทักทายกัน ในวงคุยส่วนมากก็ไม่พ้นเรื่องลูก ๆ ผลการเรียนของลูก ๆ ผมเองก็พยายามคุยเพื่อให้สบายใจเพราะเห็นว่าวงคุยดูเหมือนว่าลูกไม่ตั้งใจเรียนไม่เหมือนตอนอยู่ช่วงชั้นประถม คุณพ่อท่านหนึ่งบอกว่าลูกเขาตอนอยู่ปอหกนี่สอบโอเน็ตได้เต็มร้อยเลยละตอนนี้อยู่มอสี่ตกคณิตศาสตร์ต้องมาตามแก้กันส่งผลให้ผู้ปกครองเครียดแทนว่าลูกเรียนไม่ได้ดั่งใจตามที่ผู้ปกครองต้องการให้เป็น เอ๊ะ...ใครเรียนกันละนี่..? ก็ลูก ๆ เขาเรียนมิใช่หรือ..? มันเรื่องของเขานะ..?
อึ่ม...ผมชี้ให้ดูกลุ่มเด็กที่มาทำใบคำร้องเพื่อสอบแก้ตัวในรายวิชาที่ตก ดูพวกเขายิ้มแย้มแจ่มใสหยอกล้อกันกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน นี่ละที่ผมชอบใจว่าลูก ๆ ของเรายังคงร่าเริงไปตามประสาเด็ก ๆ ยังอยู่ในสายตาของเราก็โอเคแล้วนะ การเรียนของลูก ๆ เราไม่ควรเข้าไปแทรกแซงใด ๆ เพราะมันคนละยุคกับเรา พวกลูก ๆ เขาคงมีวิธีการเรียนของเขาต้องให้เขาค้นหาตนเองให้เจอ ดูกรณีพ่อแม่บางคนบังคับให้ลูกเรียน ๆ ให้ได้ดังใจแต่ลูกเครียดสอบได้เกรดสูง ๆ ได้เกียรตินิยมแต่ไร้เพื่อน เครียดบางคนมีข่าวกระโดดตึกซี้เบ้งเท่งทึงก็มี
ผมว่า...ให้ลูก ๆ เป็นไปตามจังหวะก้าวในวิถีชีวิตของเขานั้นละอย่าเร่งรีบให้เขาก้าวไปสู่เป้าหมายแบบพุ่งชนแบบสะใจพ่อแม่เลยนะ แต่ควรให้เขาค่อยเป็นไปพร้อม ๆ กับเพื่อนของเขาให้เขาสนุกสนานกันไปดีกว่าไปโดด ๆ ไปเดี่ยว ๆ โดยไม่เหลียวหลังมามองเพื่อน ๆ คือผมกำลังจะบอกว่าบางครั้งชีวิตเราที่เร่งรีบไปยังเป้าหมายหรือเส้นชัยเร็วเกินไปนั้นทำให้เราอดชมความงดงามต่อดอกไม้ที่เบ่งบานสวยงามอยู่สองข้างทางที่จะทำให้เรามีจินตนาการฝันหวานตลอดกาลได้โดยผมเชื่อว่าความสุขที่แท้จริงในโลกมายานี้มันอยู่ในห้วงแห่งจิตใจเราที่ล่องลอยไปในโลกของจินตนาการนั้นเอง.
ไม่มีความเห็น