17-21. มีนาคม 2561. ไปเที่ยวเมืองเลยกับเพื่อน สว.ค่ะ นำโดยท่านผอ.จันทร พลสิงห์ โดยฤทัยรัตน์ทัวร์ มีคุณทัยเป็นผู้นำทัวร์ คณะของเรามีสมาชิก สว. จำนวน 9 คน ท่านผอ.จันทร-อาจารย์ชนิดา พลสิงห์ อาจารย์จิตวัต-อาจารย์กัลยา ธนอัญญาพร อาจารย์ศิริพร ใยทองคำ อาจารย์พรรณี อฆรรยกุล คุณกมลทิพย์ ทิพย์กรรณ อาจารย์สุทัศน์-อาจารย์สคราญ วิเศษสมบัติ(ผู้เขียนบันทึกนี้)
เช้าวันอังคารที่ 20 มีนาคม 2561 ตื่นเมื่อ 04.30 น. ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย เวลา 05.30 น. นั่งรถไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ จุดชมทิวทัศน์บนยอดสุดของภูเรือ >>เช้าวันนี้อุณหภูมิ17 ° c. ลมแรง อากาศเย็นยะเยือก ยิ่งเดินขึ้นไปบนภูจะหนาวเข้าทำนอง #ยิ่งสูงยิ่งหนาว<<
เมื่อเราขึ้นมาถึงบนภูเรือซึ่งเป็นคณะแรก มีเจ้าหน้าที่มาบริการด้วยมิตรไมตรี ให้คำแนะนำ เป็นช่างภาพให้พวกเราด้วย แต่ลมแรงมาก หัวฟูถ่ายรูปออกมาก็ดูไม่ดี คงเลือกได้บางภาพเท่านั้น ที่นี่รูปจะน้อยเพราะสู้แรงลมไม่ไหว อุทยานแห่งชาติภูเรือ หนาวสุดในแดนสยาม มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตด้านทิศเหนือ อยู่ติดกับประเทศลาว พื้นที่ป่าภูเรือประกอบด้วยทิวเขาสูง สลับซับซ้อนเรียงรายเป็นรูปต่างๆ น่าพิศวงสลับกับที่ราบเป็นบางส่วน สาเหตุที่ขนานนามว่า "ภูเรือ" เพราะมีภูเขาลูกหนึ่งมีชะโงกผายื่นออกมาดูคล้ายสำเภาใหญ่ และที่ราบบนยอดเขา มีลักษณะคล้าย ท้องเรือตลอดจนมีธรรมชาติและ ทิวทัศน์ที่สวยงาม มียอดเขาสูง ที่สุดคือ ยอดภูเรือ มีความสูงถึง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเล ปานกลาง ยังมียอดเขาที่สำคัญ คือ ยอดเขาภูสัน มีความสูง 1,035 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และยอดภูกุ มีความสูง 1,000 เมตรจากระดับ น้ำทะเลปานกลาง ลักษณะเช่นนี้เองจึงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญก่อให้เกิดลำธารหลายสาย เช่น ห้วยน้ำด่าน ห้วยบง ห้วยเกียงนา ห้วยทรายขาว ห้วยติ้ว และห้วยไผ่ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกห้วยไผ่ที่สวยงามแห่งหนึ่ง
อรุณสวัสดิ์ เช้าวันอังคารที่ 20 มีนาคม2561พระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเรือเวลา06.30 น. ชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูเรือแล้ว เก็บภาพดอกกุหลาบพันปีมาให้ชมพร้องแพงพวยหลากสีสวยงามมาก
ยอดภูเรือ
เป็นจุดที่สูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่สูงประมาณ 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นหน้าผาสูงชัน พื้นที่โดยรอบ ปกคลุมด้วยป่าสนเขา ทั้งสนสองใบและสนสามใบ สลับกับลานหินธรรมชาติ ต้องเดินขึ้นเขาจาก ผาโหล่นน้อยมาประมาณ 700 เมตร จากจุดนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามได้รอบด้าน กระทั่งเห็น แม่น้ำเหือง และแม่น้ำโขง ซึ่งกั้นพรมแดนไทย – ลาวบนยอดเรือ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนาวาบรรพต ซึ่งชาวภูเรืออัญเชิญมาจากอยุธยาด้วย จากยอดภูเรือมีเส้นทางเดินป่าผ่านบริเวณ ที่มีดอกไม้เล็กๆ เช่น กระดุมเงิน ดาวเรืองภู เปราะภู ซึ่งออกดอกสวยงามในช่วงหน้าหนาว ที่ป่าสนบริเวณทุ่งกวางตาย มีดอกกระเจียวบานในช่วงต้นฤดูฝนราวเดือนพฤษภาคม นอกจากนั้นยังมี ลานหินพานขันหมาก เป็นลานหินแตกเป็นรอยตื้นๆ ที่จะพบดอกไม้ ที่ชอบขึ้นตามลานหิน เช่น เอื้องม้าวิ่ง อยู่ทั่วไป เส้นทางเดินป่าจะวกกลับไปลานกางเต็นท์ในบริเวณที่ทำการ อุทยานแห่งชาติ
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกเราลงจากยอดภู เมื่อลงมาถึงลานด้านล่าง จะเห็นอุณหภูมิเปลี่ยนไป เป็น 15 องศาเซนเซียส บางครั้งก็เปลี่ยนเป็น 16 องศาเซนเซียส
ลงจากภูเรือ กลับไปที่พักภูเรือบุษบา ทานอาหารเช้าและเก็บภาพบรรยากาศกับดอกไม้สวย ๆ ที่มองดูแล้ว สดชื่น เจริญหูเจริญตา ทำให้เช้านี้ทุกคนแจ่มใส สุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ มีความสุขกันถ้วนหน้า
ได้เวลา ลาภูเรือบุษบา เมื่อเวลา ประมาณ 08.00 น. ระหว่างทางเวลา 09.00 น. แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดเนรมิตรวิปัสสนา
>>ประมาณ 10.00 น. แวะนมัสการ"พระธาตุศรีสองรัก" << สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่สำคัญของ อ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย นั้นคือ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2103 สมัยกรุงศรีอยุธยา ถือว่าเก่าแก่มากครับ เพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือกันระหว่างพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา(ไทย) และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง(ลาว) เนื่องจากยุคนั้นพม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่างๆ เพื่อขยายอำนาจ กษัตริย์ทั้งสองพระองค์จึงเห็นว่าควรจับมือกันเพื่อความมั่นคง จึงได้กระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกันพร้อมได้ร่วมกันสร้างเจดีย์ขึ้นถวายมีพระนามว่า“พระธาตุศรีสองรัก” ริมลำน้ำหมัน เป็นดังสักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี และจะมีการจัดงานสมโภชพระธาตุในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ที่จะมาสักการะพระธาตุศรีสองรักต้องสำรวจตนเองสักหน่อยครับ เค้าห้ามใส่เสื้อผ้า "สีแดง" หรือถือสิ่งของที่มีสีแดงเข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ เพราะ "สีแดง" อาจเปรียบได้กับ "เลือด" ที่เป็นผลของการทำสงคราม ดังนั้น คนโบราณจึงมีการห้ามไม่ให้ผู้ที่สวมเสื้อผ้าสีแดง เข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ จนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบมาจนถึงปัจจุบันด้วยเช่นกัน
ร่วมทำบุญ"ต้นผึ้ง" บูชาพระธาตุศรีสองรัก .
จากวัดพระธาตุศรีสองรัก มุ่งหน้าสู่ พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน วัดโพนชัย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ประมาณ 10.30 น. ถึงพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน
พิพิธภัณฑ์ ผีตาโขน อยู่ในบริเวณวัดโพนชัย พอเราเข้าไปที่อำเภอด่านซ้าย ก็จะมองเห็นป้ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเด่นชัดครับ หาไม่ยาก ที่พิพิธภัณฑ์ผีตาโขนแห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวให้ความรู้แก่ผู้สนใจงานประเพณี วัฒนธรรม และการละเล่นที่เรียกว่า “ผีตาโขน”
ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนออกแบบตกแต่งเป็นเรือนไม้ สวยงาม ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเมืองด่านซ้าย การละเล่น เทศกาลผีตาโขน การทำหน้ากากผีตาโขน รวมทั้งให้สามารถสวมชุดผีตาโขนถ่ายภาพกันด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีสินค้าที่ระลึกผีตาโขนให้ได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ
วัดโพนชัย แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในการประกอบพิธีประเพณีผีตาโขน ซึ่งนอกจากเรื่องราวของผีตาโขนแล้ว ภายในวัดยังมีอุโบสถ และพระธาตุศรีสองรักจำลองด้วย เป็นฝีมือของช่างเมืองด่านซ้ายที่สร้างไว้สวยงาม เป็นส่วนจัดงานบุญพระเวส บุญหลวง และงานบุญต่างๆ
ได้เวลาพอสมควร กลับขึ้นรถเดินทางต่อไปลพบุรี จากเป้าหมายเดิมคณะเราจะเข้าโคราช แต่พวกเราเปลี่ยนเส้นทางเพื่อจะได้ถึงชุมพรไม่ดึกนัก ประมาณ 13.30 น. ถึงเพชรบูรณ์ แวะทาน♡♡มื้อกลางวัน ร้านZUM - TUM. เพชรบูรณ์ ที่นี่เขาใช้ภาชนะแบบดั้งเดิม ประเภท. ถ้วยขนม. จาน. แก้วก้นจีบ และที่น่าทึ่ง วัสดุรองจานเขาก็ใบตอง ชอบๆๆ♡♡ (ย้อนยุค)
อิ่มท้อง อิ่มตาและอิ่มใจ จากร้านอาหารร้านนี้ พวกเราเดินทางต่อ ประมาณ 14.00 น. ชมพระพุธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ เพชรบูรณ์ ที่วัดนี้ เมื่อเราเอารูปี่ถ่ายไว้อัพขึ้นเฟซแล้วเช็คอิน สามารถนำไปแลกพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯกลับไปบูชา เราก็ได้มาสององค์ จากโทรศัพท์สองเครื่องค่ะ
เดินทางต่อ...ไปลพบุรี 18.20 น. ตะวันชิงพลบ @โคกสำโรง ~ ลพบุรี
ค่ำแล้ว คืนนี้เราแวะพักที่ลพบุรีค่ะ
ไม่มีความเห็น