|
ไม้จีน ตอนไทม์แมชชีนย้อนเวลา
“ไม้จีน” เรื่องสั้นรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง เขียนโดยกิตติศักดิ์ อุ๋ยสกุล จากรวมเรื่องสั้น เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการ “ประกวดเรื่องสั้นส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” (The Project of Academic Excellence : Short Story Competition for Promoting Local Culture in Honor of Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn) เนื่องในงาน “ราชภัฏบุรีรัมย์มหกรรมวิชาการและวัฒนธรรมนานาชาติ Buriram Rajabhat International Conference and Cultural Festival : BRICC Festival 2018 15กุมภาพันธ์ 2561
ไม้จีนเป็นจีนหรือเป็นไม้?
โครงเรื่องคือเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่พบว่าตนได้ย้อนอดีตกลับไป ได้พบเจอกับสิ่งที่แปลกใหม่และก็ได้พบเจอกับชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก ซึ่งเขานั้นเป็นลูกชายของเจ้าเมืองมียศถาบรรดาศักดิ์ที่สูงส่งจะมารักกับหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาไม่ได้และยิ่งเธอไม่ใช่ไทยแท้ด้วยยิ่งไม่ได้เพราะเธอเป็นลูกครึ่งไทยจีนจึงเป็นอุปสรรคในความรักของทั้งสอง แต่แล้วทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันเพราะว่าเขานั้นยอมสละยศถาบรรดาศักดิ์ที่มีเพื่อมาแต่งงานกับเธอ แต่อุปสรรคความรักของทั้งสองก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งระหว่างงานแต่งงาน เพราะเกิดการสู้รบระหว่างพม่ากับเมืองตะกั่วป่า และเธอก็สละชีพของเธอเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านทั้งหมด จนสุดท้ายเธอพบว่าเธอกลับมายังภพชาติในปัจจุบันแล้ว และรู้สึกผูกพันกับบ้านตะกั่วป่าที่เธอเคยไปอยู่ และได้พบกับความรักที่แสนจะมหัศจรรย์
โครงเรื่องที่ผู้เขียนเขียนนั้นนับว่าน่าสนใจไม่น้อย ที่มีการให้ตัวละครเอกต้องย้อนเวลาเพื่อไปผจญภัยในอดีตซึ่งโครงเรื่องดูจะคล้าย ๆ กับเรื่องบุพเพสันนิวาสของรอมแพงพอสมควรที่ตัวนางเอกก็ย้อนเวลาไปเช่นกัน และการย้อนเวลาก็เกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุทางรถยนตร์เช่นเดียวกันอีกด้วย ผู้เขียนอาจเคยอ่านนวนิยายเรื่องนี้จนเกิดความรู้สึกประทับใจแล้วเกิดแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องไม้จีนก็เป็นได้
ด้านความสมจริงของเนื้อหานั้น แน่นอนว่าเรื่องที่มีการย้อยเวลานั้นย่อมไม่เป็นความจริงอยู่แล้ว และขึ้นชื่อว่าวรรณกรรมแนวบันเทิงคดีก็ย่อมที่จะมีการแต่งเติมเสริมเรื่องราวให้น่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นจนในบางทีกก็ลืมนึกถึงโลกแห่งความเป็นจริงไป เช่นในตอนตัวละครเอกทั้งสองคือพี่สิงห์กับไม้จีนเข้าแข่งขันขี่ม้า ในตอนนี้ผู้เขียนยังใส่ความเป็นละครไทยไปมากพอสมควร สิ่งแรกคือ การปลอมตัวจากหญิงเป็นชายของไม้จีนเราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในละครหลังข่าว การปลอมตัวของหญิงให้เป็นชายนั้น ถ้าหากคิดถึงหลักความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยเพราะสรีระของผู้ที่ดูอ้อนแอ้นและหน้าอกที่มีขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย เราสามารถสังเกตได้ง่าย และที่สำคัญใบหน้าของผู้หญิงนั้นก็ออกแนวหวาน ๆแตกต่างกับผู้ชายโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นการปลอมตัวของไม้จีนนั้นดูไม่สมจริงเอาเสียเลย แม้แต่พี่สิงห์ยังดูออก อย่างที่สองนั่นก็คือ การเข้าร่วมแข่งขันของพี่สิงห์ที่มียศถาบรรดศักดิ์ถึงลูกของเจ้าเมือง ถ้ามองในหลักความเป็นจริงผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ถึงเพียงนั้นไม่น่าจะมาเข้าร่วมการแข่งขันกับสามัญชนคนธรรมดาเป็นแน่แท้ แต่ผู้เขียนก็มีการวางบทบาทให้พระเอกมีการปลอมตัวและเปลี่ยนชื่อเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันซึ่งก็คือโครงเรื่องของละครไทยในยุคสมัยนี้ไม่มีผิดไม่มีเพี้ยนทำให้เรื่องราวในตรงนี้ดูขาดความเป็นจริงมากที่สุด และอีกอย่างหนึ่งตามแนวละครไทยเช่นเดียวกันคือพระเอกร่ำรวยเป็นคนใหญ่คนโตส่วนนางเอกเป็นหญิงสาวสามัญชนคนธรรมดา จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าผู้เขียนยังติดอยู่กับโครงเรื่องของละครไทยอยู่จนความสมจริงนั้นได้หายไปในบางช่วงบางตอน แต่นั่นเป็นกลวิธีที่ผู้เขียนใช้เพื่อทำให้เรื่องราวดูน่าสนใจและน่าติดตาม แต่สิ่งที่มีความสมจริงคือ ผู้เขียนมีการใส่คำที่เป็นภาษาถิ่นลงไปในเรื่องด้วย เช่น บ้าบ๋า ที่แปลว่าลูกหลานชาวจีนที่เกิดในภูเก็ต แต่เนื้อเรื่องอยู่ที่บ้านตะกั่วป่าซึ่งก็คืออำเภอตะกั่วป่าจังหวัดพังงาในปัจจุบัน โดยตามหลักภูมิศาสตร์แล้วจังหวัดภูเก็ตกับจังหวัดพังงาอยู่ติดกันทำให้มีการอพยพย้ายถิ่นฐานจากภูเก็ตไปพังงา ผู้เขียนใส่เรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยลงไปด้วยทำให้มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น เช่นตอนที่พม่ามมาตีเมืองตะกั่วป่าก็มีพบหลักฐานเป็นลายลักอักษรในปัจจุบัน
ไทม์แมชชีนของไม้จีน
การเล่าเรื่องมีการดำเนินไปตามปฏิทิน แม้ว่าเริ่องราวที่ผู้เขียนนำเสนอมีการเล่าถึงการย้อนเวลาไปอีกภพชาติหนึ่งก็ตาม โดยเริ่มจากตอนที่นาเนียต้องย้อนเวลาไปอดีตซึ่งใช้ชื่อว่าไม้จีนและได้เจอกับสำลีเพื่อนรักที่ใช้ชื่อว่าหมิง และได้เจอกับพี่สิงห์คนรักจนได้แต่งงานกันจนสุดท้ายได้จบชีวิตของตนในสงครามระหว่างเมืองตะกั่วป่ากับพม่า และก็พบว่าตนกลับมาในยุคปัจจุบัน
กลวิธีที่ผู้เขียนใช้นั้นเป็นกลวิธีที่สามารถดึงดูดผู้อ่านและสามารถตรึงผู้อ่านให้อยู่กับเรื่องได้โดยไม่มีคำว่าสติหลุดระหว่างการอ่านเรื่องไม่จีน นับว่าผู้เขียนเลือกใช้กลวิธีที่ชาญฉลาดถึงแม้ว่าจะเหมือนกับเรื่องบุพเพสันนิวาสของรอมแพงก็ตาม
พี่สิงห์กับน้องไม้จีน ณ เมืองตะกั่วป่าจังหวัดพังงาที่ใกล้กับภูเก็ต
ตัวละครที่ปารากฏในเรื่องนี้ที่เด่น ๆมีอยู่สองตัว คือไม้จีนกับพี่สิงห์ ตัวละครผู้ดำเนินเรื่องคือไม้จีน นับว่าเป็นตัวละครเอกที่มีบทบาทมากที่สุด และตัวละครพี่สิงห์ก็คือตัวละครเสริมที่ทำให้ตัวละครไม้จีนดูเด่นยิ่งขึ้น ลักษณะนิสัยก็มีความแตกต่างกันออกไป
“ไม้จีน”ตัวละครเอกที่ย้อนเวลาไปในอดีตพร้อมกับเปลี่ยนชื่อจากนาเนียเป็นไม้จีน ลักษณะนิสัยดูผิดแผกแตกต่างจากหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ๆ เพราะชอบการขี่ม้าและตั้งใจที่จะลงแข่งขันขี่ม้าแต่ก็ต้องประสบอุบัติเหตุเสียก่อนจึงมีนาเนียมาอยู่ในร่างของไม้จีนแทน และยิ่งส่งเสริมให้บทบาทที่ดูห้าวหาญของไม้จีนยิ่งเพิ่มเข้าไปอีก เพราะด้วยบุคลิกของผู้หญิงในยุคปัจจุบันที่ไม่แตกต่างจากชาย ความกล้าวหาญ ความเด็ดเดี่ยว ความเป็นผู้นำก็มีมากว่าเดิมอีกด้วย เห็นได้จากตอนที่พม่าบุกเมือง ไม้จีนคือผู้นำของชาวบ้านในการอพยพผู้คนเพื่อหนีภัยสงคราม และแม้จะเป็นผู้นำไม้จีนไม่ได้เดินก่อนผู้อื่นแต่อย่างใด แต่ช่วยระวังภัยในท้ายขบวนให้แก่ชาวบ้านทุกคน และอีกหนึ่งความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่ที่ตัวไม้จีนได้แสดงให้เราเห็นนั่นก็คือ การสละชีวิตของตนในการระเบิดเรือเพื่อช่วยเหลือบ้านเมืองเอาไว้
“พี่สิงห์”หรือพระเรืองฤทธิ์รักษาราษฎร์ โอรสพระยาตะกั่วป่า นับว่าเป็นพระเอกของเรื่องที่เข้ามาช่วยไม้จีนจากการแข่งขันขี่ม้า เพราะว่าเขาห้ามให้ผู้หญิงเข้าแข่งขัน พี่สิงห์รู้ว่าไม้จีนเป็นผู้หญิงจึงมาห้ามและพาไม้จีนออกจากการแข่งขัน เพราะโทษของการฝ่าฝืนคือประหารชีวิตแต่พี่สิงห์ก็มาช่วยเอาไว้ได้ ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันและรักกัน ตัวละครพี่สิงห์นั้นมีลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างเป็นสุภาพบุบรุษ มีความกล้า ยอมสละทุกอย่างเพื่อความรัก มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ตัวอย่างเช่น พี่สิงห์หรือพระเรืองฤทธิ์รักษาราษฎร์ ซึ่งมีฐานะถึงลูกชายของเจ้าเมือง แต่ยอมสละซึ่งลาภยศทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะได้แต่งงานกับไม้จีน นับว่าเป็นชายที่ยอมเสียสละเพื่อความรักโดยแท้ และตอนที่มีพพม่าบุกเมืองพี่สิงห์ก็ช่วยในการรบนี้ด้วย แม้ว่าตนจะสละยศถาบรรดาศักดิ์ไปเสียแล้ว แต่ก็ยังปฏิบัติตนในฐานะลูกที่ดีของเจ้าเมืองตะกั่วป่าช่วยพ่อรบกับพม่า
ฉากอันไฉไลให้ความรู้สึก
ฉากที่ปรากฏในเรื่องนั้นมีอยู่หลายฉากเช่น ฉากห้องในตอนแรกที่เป็นยุคปัจจุบัน ฉากห้องในยุคโบราณมีการบรรยายว่าภายในห้องนั้นเป็นอย่างไรดังตัวอย่างต่อไปนี้ “ฉันค่อย ๆ ลืมตาออกดู สิ่งแรกที่เห็น คือเพดานสูงที่ประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงนวลมากมาย แล้วพอทอดสายตา มองต่ำลงที่ปลายเตียงนี้ ฉันเห็นม่านไม้ฉลุลายจีนกางแผ่อยู่ ฉันยังคงกวาดสายตา มองส่วนประกอบอื่นภายในห้อง ฉันเห็นข้าวของเครื่องใช้ที่ล้วนเป็นของโบราณที่บางอย่างหาดูไม่ได้แล้วในปัจจุบันนี้” ฉากสนามม้าที่ให้ความรู้สึกครึกครื้น ฉากสงครามที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจเร้าอารมณ์ และมีอารมณ์ร่วมกับผู้เขียนจนอยากจะเข้าไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับไม้จีนเลยก็ว่าได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของไม้จีนที่ยอมสละชีวิตของตนเพื่อช่วยเหลือชาวเมืองเอาไว้จากการโจมตีของพม่า ฉากที่เป็นสถานที่จริงที่พบในเรื่องคือบ้านตะกั่วป่าซึ่งก็คืออำเภอตะกั่วป่าจังหวัดพังงาในปัจจุบัน
ถ้าไม้จีนเป็นกระจก เรามองเห็นอะไรที่ไม้จีนสะท้อนออกมา
เรื่องสั้นเรื่องมีเรื่องราวหลายช่วงหลายตอนที่ต้องการนำเสนอให้ผู้อ่านได้เห็นและได้รับรู้ ผู้เขียนมีวิธีการนำเสนอเรื่องเหล่านี้ที่แตกต่างออกไป บางเรื่องสื่อออกมาโดยตรง แต่บางเรื่องสื่อโดยนัย เรื่องราวที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอคือ ความเสียสละ ความรัก ความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ การแบ่งชนชั้น การแบ่งเชื้อชาติ เป็นต้น
ความเสียสละและความรัก นับว่าเป็นสารัตถะของเรื่องไม้จีนจะเห็นได้จากตัวละครที่แสดงออกถึงความเสียสละออกมาทั้งตัวละครไม้จีนและตัวละครพี่สิงห์ที่เป็นตัวละครเอกของเรื่อง ไม้จีนเองในตอนท้ายที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเพื่อรักษาบ้านเมืองแม้ว่าจะเพิ่งแต่งงานกับพี่สิงห์แต่เธอก็เลือกที่เสียสละความรักของเธอเพื่อบ้านเมือง นับว่าการเสียสละของไม้จีนเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรื่องสั้นเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ และพี่สิงห์เองเป็นตัวละครที่มีการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน พี่สิงห์นั้นยอมเสียสละยศถาบรรดาศักดิ์และเงินทองทั้งหมดที่ตนมีเพื่อที่จะได้มาแต่งงานกับไม้จีน การเสียสละของพี่สิงห์นั้นเป็นการเสียสละของสุภาพบุรุษที่ทำเพื่อคนที่ตนรักและยากจะหาผู้ใดมาเปรียบปาน
ความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีปัญหามาช้านานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าในปัจจุบันปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศจะน้อยลงไปมากก็ตาม แต่ก็นับว่าจะมีอยู่เรื่อยๆแต่ถ้ากล่าวถึงความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศในอดีตนั้นค่อนข้างที่จะมีปัญหาพอสมควร เพราะว่าสังคมในอดีตผู้หญิงจะเป็นช้างเท้าหลังผู้ชายจะเป็นช้างเท้าหน้า สิทธิเสรีภาพในด้านต่าง ๆผู้หญิงยังถูกจำกัดไว้อยู่เช่น การศึกษา การศึกษานั้นในอดีตมีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่ได้รับโอกาสในการศึกษาเล่าเรียน ส่วนผู้หญิงต้องทำงานบ้าน หุงหาอาหารรอท่าสามีกลับมา การมีคู่ครองผู้หญิงจะมีสามีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนผู้ชายจะมีภรรยากี่คนก็ได้ถ้าดูแลไหว นี้เป็นตัวอย่างของความไม่เท่าเทียมทางเพศ ในเรื่องไม้จีนที่เราพบนั้นคือ การแข่งขันขี่ม้าของชาวเมืองที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเข้าแข่งขันเท่านั้นผู้หญิงห้ามลงแข่งขันเด็ดขาดถ้าฝ่าฝืนมีโทษถึงประหารชีวิต จะเห็นว่าผู้หญิงในยุคนั้นจะถูกจำกัดสิทธิ์ในการกระทำหลายอย่าง แต่ในปัจจุบันนั้นผู้หญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ชายเกือบทุกอย่าง
การแบ่งชนชั้น เรื่องราวการแบ่งชนชั้นนั้นเกิดขึ้นระหว่างไม้จีนที่เป็นหญิงสาวธรรมดากับพี่สิงห์ที่มีฐานะเป็นถึงโอรสเจ้าเมืองตะกั่วป่า ซึ่งทั้งคู่ต่างก็รักกัน แต่ติดตรงที่ฐานะทางสังคมของทั้งคู่ช่างแตกต่างกันนักจึงไม่สามารถแต่งงานกันได้ การแบ่งชนชั้นวรรณะนั้นในปัจจุบันประเทศไทยนั้นไม่มีแล้ว แต่พบชัดเจนในประเทศอินเดียที่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะกันอยู่ แต่ถึงประเทศไทยจะบอกว่ามีตัวเองไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ แต่ในทางการประพฤติตนนั้นก็คือการรแบ่งชนชั้นดี ๆนี่เอง และไม่ได้ต่างกับประเทศอินเดียเลย
การแบ่งเชื้อชาติ ปัญหานี้ไม่ค่อยพบเจอในประเทศไทยเท่าใดนักเพราะชาติไทยเป็นชาติที่ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศพอสมควร และก็มีประชาชนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาอาศัยอยู่ เช่น คนไทยเชื้อสายจีน เชื้อสายอินเดีย เชื้อสายลาว เชื้อสายเขมร เป็นต้น แต่ในต่างประเทศนั้นมีปัญหาเรื่องเชื้อชาติกันอยู่มาก เช่นประเทศที่เป็นผู้นำในหลาย ๆด้านอย่างสหรัฐอเมริกา ก็มีปัญหาในเรื่องนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศนี้ค่อนข้างที่จะมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ มีทั้งคนผิวขาวลและผิวสี คนเชื้อสายเอเชีย เชื้อสายแอฟริกัน คนเหล่านี้มีจะถูกเหยียดผิวและเชื้อชาติอยู่เสมอ แต่ปัญหาเหล่านั้นก็ลดน้อยลงไปมาก ในเรื่องไม้จีนนั้นปัญหาอยู่ระหว่างความรักของตัวพระเอกและนางเอกที่นางเอกเป็นลูกครึ่งไทยจีนไม่สามารถแต่งงานกับพระเอกที่เป็นไทยแท้ได้ เพราะพระเอกนั้นเป็นถึงเชื้อกษัตริย์และเป็นไทยแท้ต้องแต่งงานกับคนชนชั้นเดียวกันและเป็นไทยแท้เช่นกัน
ไม้จีนผู้ผ่านความตายมาแล้วหลายครั้ง
ไม้จีนเป็นเรื่องสั้นที่เต็มไปด้วยสิ่งต่างๆมากมายที่ทำให้เราได้สนุกเพลิดเพลิน พร้อมกันนั้นยังแฝงไปด้วยข้อคิดปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราผ่านตัวละครที่ชื่อ “ไม้จีน” ผู้ที่ผ่านวันเวลาได้พบได้เจออะไรต่างๆมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งสิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงมีให้เห็นในปัจจุบัน ผู้เขียนต้องการสะท้อนเรื่องราวและปัญหาเหล่านี้ให้ผู้อ่านได้รับรู้และตระหนักถึงสิ่งที่จะตามมานั่นก็คือผลกระทบที่อาจก่อความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองในอนาคต ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะการที่เราจะอยู่ร่วมกันในสังคมได้นั้นต้องมีความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ไม่ดูถูกกัน ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันไม่ว่าเพศใด เชื้อชาติใด จะรวยหรือจะจนทุกคนก็คือคนเหมือนกัน
นายตระการ สุวรรณ์รัมย์
เลขที่1 รหัส001 ชั้นปีที่ 3 หมู่1
สาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์
มหาวิทายาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ไม่มีความเห็น