เรื่องเล่าระหว่างวันที่ ๑๒ -- ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑


๑๖   มีนาคม  ๒๕๖๑

เรียน  ผู้บริหาร  เพื่อนครูและผู้อ่านที่รักทุกท่าน

วันจันทร์ที่ ๑๒  มีนาคม  ๒๕๖๑  เช้ารถเขตมารับก่อน ๘ โมงเช้า วนไปรับ ท่านชูชาติ  ทรัพย์มาก ที่หมู่บ้านรัชชา ๒  วันนี้ไปเป็นพี่เลี้ยงที่ สพป.นนทบุรี เขต ๒  สำนักงานตั้งอยู่ในโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ หลังตลาดบางใหญ่  สำนักงานมีอยู่ ๒ ตึก ตึกแรกเริ่มมี ๒ ชั้น คงต่อเนื่องมาจากตอนเป็น สปอ.บางใหญ่  ภายในตกแต่งทันสมัยสวยงาม อีกตึกเป็นอาคารเรียนหลายชั้น  ผอ.เขต คุณธรรมพร แข็งกสิการ และ รองฯ อรวรรณ  แสงสุวรรณ มาต้อนรับเข้าห้องรับรองของท่าน ผอ.เขต จัดห้องได้สวยงามบอกว่าเป็นผลงานตั้งแต่สมัยท่าน ผอ.ชูชาติ  กาญจนธนชัย การนำเสนอจัดที่ห้องประชุมเล็กอยู่ชั้น ๒ ของอาคาร ผอ.ดำหริ  งิมสันเทียะ  ท่านชูชาติ  ทรัพย์มาก และผม ผลัดกันพูด ผลัดกันฟังกับฝั่ง ผอ.เขตเรื่องที่พูดเป็นเกณฑ์ที่ สพฐ กำหนดกับการปฏิบัติจริง เขตนี้เชิญ ผอ.รร. ประธานเครือข่ายมาฟังด้วย มีปัญหารอการแก้ไขอยู่เรื่องหนึ่งคือ การประเมิน ผอ.รร.ที่บรรจุใหม่ซึ่งถูกเรียกมาช่วยราชการที่เขต ๑ ราย เขตจะส่งไปรักษาการในตำแหน่งที่อื่น ท่านศึกษาธิการจังหวัดยังไม่ออกคำสั่ง คงติดขัดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ของ สพป.นนทบุรี เขต ๑ โชคดีที่แก้ปัญหาลงตัวก่อนจะเป็นวัวพันหลัก  การนำเสนอจบลงเที่ยงพอดี เขาเลี้ยงข้าว บ่ายกลับเข้าเขตแวะห้องสโมสรให้เขายกแฟ้มมาลงชื่อ จุดประสงค์อยากให้เปิดห้องไล่ฝุ่นเสียบ้าง เพราะพรุ่งนี้จะใช้จัดเลี้ยง ผอ.รร. น้อง ๆ ที่ชอบร้องเพลงก็มาทดสอบเสียงกันจนเย็น

วันอังคารที่  ๑๓  มีนาคม ๒๕๖๑ เช้านี้มีประชุม ผอ รร ประจำเดือน เช้ามืดจึงนั่งเลือก YouTube วิชาการ ที่จะนำไปประกอบรายการประชุมเหมือนที่เคยทำมา ส่วนใหญ่เป็นหัวข้อบรรยายของ อ. สุขุม นวลสกุล เพราะทันสมัย เข้าใจง่ายและฟังสนุก ถึงเขตเช้า มีแขกมารอ ๒ ราย รายแรกมาจาก รร สังกัด สพป ปทุมธานี เขต ๑ มาให้รับรองผลงานเมื่อปี ๑๕๕๘ ซึ่งเป็นช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งที่นั่น รายที่ ๒ มาปรึกษาเรื่องเงินบำนาญตกทอด เจ้าตัวผู้รับบำนาญเสียชีวิตแล้ว ไม่มีลูก มีหลักฐานแย้งกันอยู่ในระบบยกให้ลูกอดีตสามี และที่เป็นหนังสือยกให้ลูกน้องสาวคนที่มาหาผม คงต้องดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจน การประชุมวันนี้ดูที่นั่งหลวม ๆ เหมือนมาประชุมไม่ครบ ก่อนประชุมมีภาคเอกชนมาประชาสัมพันธ์สินค้าประเภทแบบเรียนแบบฝึกหัด ปกติก็ไม่เคยกีดกันใครอยู่แล้ว วาระประชุมก็ไม่เข้มข้นนักมีแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเขตกับโรงเรียน ก่อนจบก็ดูคลิป YouTube ประมาณครึ่งชั่วโมงซึ่งพูดถึงบทบาทของหัวหน้าคนหัวหน้างาน  อาหารกลางวันจัดรับรองไว้สโมสร นักร้องเสียงดีก็ได้ฝึกซ้อมให้คนกินข้าวฟังไปด้วย บ่ายนี้ลงนามในแฟ้มเอกสารที่ห้องนี้จนเย็น

 วันพุธที่ ๑๔  มีนาคม  ๒๕๖๑  กำลังจะเอารถออกจากบ้าน สายตาไปพบล้อหลังขวายางแฟบติดพื้น  สงสัยโดนตาปูเมื่อวาน  แต่นึกไม่ออกว่าจะโดนที่ไหน  ยังดีมีปั้มลมไฟฟ้าประจำรถ สูบพอขับไปได้ถึงร้านปะยาง ปั้มน้ำมันหน้าหมู่บ้าน  ช่างแกะ นอตตัวเขื่องออกมาจากยาง จัดการปะจนเรียบร้อย  ค่าบริการ ๑๕๐ บาท ไปเปลี่ยนเป็นลมไนโตรเจนอีก ๕๐ บาท  ถึงเขตมีแฟ้มให้ลงชื่อ ๔-๕ แฟ้ม 

ประมาณ ๑๑ โมง เดินทางไป รพ.กลาง ถนนเสือป่า เพื่อเยี่ยมคุณปราโมทย์  ขจรภัย ที่ผ่าตัดกระดูกคอทับเส้นประสาท  มีคุณสมศักดิ์  คชฤทธิ์ และคุณสุภลักษณ์ หาญสุรนันท์ ติดตามไปด้วย  คนป่วยผ่าตัดมาหลายวันแต่อาการยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อีกหลายวัน แต่รับปากว่าจะหายให้ทันผมเกษียณ เที่ยงพากันไปกินอาหารอินเดียร้านแรกที่เปิดในเมืองไทย ชื่อร้านรอยัลอินเดีย  ถนนจักรเพ็ชร เป็นร้านเล็ก ๆ คลาสสิค มีคนไทยเชื้อสายอินเดียมาคุยด้วย ๒-๓ คน ผมสั่งข้าวหมกแพะกับชิกเก้นซิกก้า ส่วนท่านอื่นจะสั่งชิกเก้นเคอรี่กินกับข้าวและนาน 

 กลับเข้าเขตทำงานช่วงบ่าย เย็นไปกินข้าวกับทีม สพม.๓ และ ศธจ.กทม. คุณวีระพงษ์ เดชบุญ  คุณปรีชา  จิตรสิงห์ อดีตเพื่อ ผอ.เขต รุ่นแรก ตอนนี้เกษียณอายุราชการแล้ว ที่สามเสนวิลล่า ถนนราชพฤกษ์  เป็นการกินข้าวร่วมกันในโอกาสที่หลุดพ้นคดีอาญา เพราะโจทก์ได้ถอนฟ้องไป ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ  ถูกฟ้องที่ศาลนี้ใครฟังก็ดูจะเสื่อมเสียชื่อเสียงตั้งแต่ต้นแล้ว  ทั้งที่คดีนี้ทำในหน้าที่ราชการ อัยการรับแก้ต่างคดีให้  แต่สรุปแล้วก็ไม่ควรไปอยู่ในห้องพิจารณาคดีของศาลดีที่สุด

 วันพฤหัสบดีที่  ๑๕  มีนาคม  ๒๕๖๑  ถนนรัตนาธิเบศร์ สัปดาห์นี้โล่งตลอด เหตุเพราะโรงเรียนปิดเทอมกันแล้ว  ขับรถจึงใช้เวลาน้อยนิดก็ถึงแล้ว  เช้าทำงานเอกสารที่ห้องทำงาน ก่อนเที่ยงสมาชิกชวนไปทานข้าวที่ร้านน้องเอิ้น อาหารปักษ์ใต้  ร้านอยู่สนามบินน้ำ เป็นอาหารตามสั่ง  มีขนมจีนเส้นสด สำหรับน้ำยาก็มีให้เลือก หลายชนิด เช่น น้ำยาป่า  น้ำยาปู  น้ำพริก น้ำยาใต้  กับข้าวก็สารพัด สรุปว่าอร่อย สมราคา(คุย)ของคนชวน  บ่ายนั่งทำงานที่กลุ่มอำนวยการ มีแฟ้มมาให้ลงชื่อไม่มากนัก  มีแขกมาจากภูเก็ต ซึ่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านนิสิต  จันทร์สมวงศ์ แนะนำให้มาหาผม  ก็ช่วยประสานให้จนหมดปัญหา และอดีตรองผู้ว่าราชการ กทม. ดร.ธารินทร์ สงวนเสริมศรี มาติดต่อเรื่องบำนาญ ได้มานั่งคุยความหลังกันเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๕   เย็นขับรถไปบ่อเงิน  ดูสวนดูบ้านเพื่อพักผ่อน  อากาศยามเย็นดีมาก แต่วันนี้ชาวนาเขาเผาซังข้าว กลิ่นและควันจึงรุนแรง จนต้องรีบกลับ เพราะแพ้กลิ่นควันไฟ วันนี้สั่งซื้อหนังสือเก่ามือสองหนึ่งเล่มราคา ๒๕๖ บาท เป็นนวนิยายที่เคยเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาตอนเรียนระดับมัธยม เป็นบทประพันธ์ของ มาลัย  ชูพินิจ (แม่อนงค์) ชื่อ แผ่นดินของเรา วิทยา เกษรพรหม ได้รีวิวไว้สั้น ๆ ช่วยกระตุ้นให้ระลึกความหลัง https://www.gotoknow.org/posts...448509

          ภัคคินี    =  หญิงสาวสวย  ใส  ร่าเริง  ผู้มีความเป็นตัวของตัวเอง  บูชาความรัก  ยอมแม้นกระทั่งขายตัวเพื่อคนที่เธอรัก ผู้ไม่ยอมใช้ชีวิตตามบงการของใคร  นอกจากของตัวเอง   

          นเรนทร์   =  เนติบัณฑิตสยามและ  ดร.จากฝรั่งเศส  หนุ่มหัวนอก  ร่าเริงกับความรัก  แต่ในที่สุดเขาต้องเปลี่ยนไปเมื่อพบสัจจะในโลกแห่งความจริงว่า  ความรักในโลกของความจริงนั้นแตกต่างจากความฝัน

          ธำรง   =   ชายวัยกลางคนที่ผิดหวังความรักจากราชนิกุลที่เอื้อมถึงแต่เด็ดไม่ได้ หนักแน่น  โอบอ้อมอารี และพร้อมที่จะให้อภัยเสมอ

          อัจฉรา   =   กุลสตรีผู้เพียบพร้อม  แต่ความผิดหวังทำให้เธอเป็นคนชาเย็น  เก็บตัว แค้น และไม่ให้อภัยแก่ใคร                                  

        “ภัคคินี”สาวน้อยวัย ๑๗ ตัดสินใจแต่งงานกับ“คุณอาธำรง”เพื่อนต่างวัยของบิดา วัย ๔๐ ปี ด้วยความชอบพอในความสุภาพ อ่อนโยน บึกบึน ผู้ใช้ชีวิตเรียบง่ายกับทุ่งวัวแล่น  เขาเสมือนชายในอุดมคติ  ผู้เปรียบดั่งสุภาพบุรุษในฝันของเธอ   

ชีวิตผัวแก่เมียสาวดำรงไปด้วยความผาสุข ช่วยกันทำมาหากิน มีความสุขภายในไร่ที่ถูกขนานนามว่า “แผ่นดินของเรา”ความสุขเหล่านี้คงจะสถาพรต่อไปถ้าไม่มีชายชื่อนเรนทร์ผ่านเข้ามาในชีวิต   

นเรนทร์  ชายหนุ่มนักเรียนนอกคู่หมั้นของอัจฉราพี่สาวกุลสตรีของภัคคินี  ซึ่งได้หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ก่อนไปเรียนนอก  เมื่อจบกลับมาพิธีแต่งงานก็ได้ถูกจัดเตรียมขึ้นที่ “จิระเวสน์”

ภัคคินีได้หายตัวไปตั้งแต่เช้าก่อนวันแต่งงาน ๑ วัน อาหารมื้อเย็นวันนั้นที่ “จีระเวสน์” เงียบเหงาไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีใครแตะต้องอาหาร จนกระทั่งคนรับใช้ได้นำจดหมายเข้ามาให้ ทุกคนตื่นเต้นและดีใจเมื่อทราบว่าเป็นจดหมายของภัคคินี แต่...การช็อคทางความรู้สึกก็บังเกิดขึ้น เมื่อจดหมายถูกอ่านจนจบและพบว่า....หล่อนหนีไปแล้วพร้อมกับนเรนทร์  เพื่อไปใช้ชีวิตคู่ตามความประสงค์ของหัวใจ

ดอกจันทร์กะพ้อร่วงพรู  แต่มิได้หล่นลงสู่พื้นดินทีเดียว  กลีบสีขาวของมันน้อยๆ และอ่อนนุ่มปลิวกระจายตามลมเหมือนฝูงผึ้งแตกรัง  ไปตกที่นั่นนิด  ที่นี่หน่อย  บนพื้นสีเขียวในลำคู  เกลื่อนกลาดอยู่รอบโคนต้นอย่างที่เคยหล่นมาแล้วในชีวิตของมัน  ต่างแต่วันนี้ไม่มีใครเขาจะเหลียวแล  ไม่มีใครเขาจะเอาใจใส่  ไม่มีแม้แต่เด็กจะคอยเก็บไปร้อยเป็นพวงมาลัยเล่น  หรือใส่พานบูชาพระ  บางกลีบเคราะห์ร้ายปลิวไปตกลงกลางทางเดิน ก็รังแต่จะถูกเหยียบย่ำแหลกเหลวไปใต้ฝ่าเท้าที่โหดร้ายของคนผู้ไม่รู้จักคุณค่าของมัน  ทำนองเดียวกับหัวใจอันบริสุทธิ์ของหญิงสาวถูกขยี้โดยชายผู้ไม่รู้จุกคุณค่าของความรัก

          ดอกจันทร์กะพ้อร่วงพรู แต่มิได้หล่นลงสู่พื้นดินทีเดียว เกสรเล็กๆ แดงเรื่อแกมเหลืองลอยว่อนกระจัดพลัดพรายอยู่ในอากาศที่โปร่งสะอาดหน่อยหนึ่ง  เหมือนลวดลายของตาข่ายที่คลุมไตรพระ กลีบและเกสรอาจจะตกลงถูกเหยียบเป็นผุยผงไป โดยผู้คนที่เข้ามาพลุกพล่านอยู่ในบ้านวันนั้น แต่ไม่มีใครเลยจะสามารถทำความชอกช้ำให้แก่กลิ่นหอมหวนยวนใจของมันได้ กลิ่นที่ฟุ้งขจรอยู่ในอากาศซึ่งล่องลอยไปทั่วบริเวณบ้านอย่างที่มันเคนฟุ้งขจรมาแล้วตลอดชีวิต ต่างแต่วันนี้ แม้ในแสงสีแดดอ่อนเหลืองอร่ามของต้นฤดูเหมันต์ซึ่งเต้นอยู่ตามยอดหญ้าในสนาม แม้ในกระแสลมที่โชยพัดมาตามกิ่งพิกุลซุ้มสนหางสิงห์ตลอดจนกลุ่มเมฆที่ไหลรินอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม  ก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกลิ่นของมัน หอมหวนยิ่งขึ้น  ฉุนขึ้น สุขุมขึ้น รัดรึง ซึ้งใจ กำซาบซ่านไปตามสายโลหิต กลิ่นซึ่งเป็นชีวิตของทุกชิวิตใน “จีระเวสน์” แต่อดีตและชีวิตของ “จีระเวสน์”เองในปัจจุบัน

          ...แต่จันทร์กะพ้อต้นเดียวยังไม่ตาย  เหมือนกฎธรรมดาจะบังคับไว้ว่า  มันเกิดมาสำหรับจะอยู่ มิใช่เพียงเพื่อดูการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของทุกคนที่เกิดมาใน “จีระเวสน์” อย่างเดียว หากอยู่เพื่อดูวาระสุดท้ายของ “จีระเวสน์” ด้วย

วันศุกร์ที่ ๑๖  มีนาคม  ๒๕๖๑  เช้านั่งลงชื่อในแฟ้มเอกสารต่าง ๆ มีทั้งเรื่องการเงินและเรื่องบริหารงานบุคคล  สพฐ. สั่งการให้ สพป. เขต ๑ จัดอบรมให้ผู้รักษาการในตำแหน่ง ผอ.รร. ในจังหวัดทั้งประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในวันเสาร์และอาทิตย์นี้ ก็แก้กันไปให้คำสั่งไม่เป็นหมัน  ของจังหวัดนนทบุรีมีคนที่จะต้องมาอบรมแค่ ๑๐ คน มีเฉพาะประถมศึกษาเขต ๑ และเขต๒ เที่ยงชวนทีมงาน ๔-๕ คน ที่ทานข้าวมันไก่ ที่ร้านนิธิวดี ในซอยพิชยนันท์ ข้าวมันเขาแน่นดี น้ำซุปน้ำจิ้มอร่อยและไม่อั้น ไก่เนื้อนุ่ม มีไก่ทอดด้วย อิ่มแล้วมาต่อไอศกรีมที่ Swensen โลตัสแคราย บ่ายมอบท่านรองฯ พีรากร บุญนาค ประชุมคณะกรรมการรับนักเรียนของเขต มีโรงเรียนขอเพิ่มนักเรียนต่อห้องให้มากกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ประชุมประจำเดือนครั้งที่ผ่านมามีคำถามจาก ผอ.โรงเรียนหลายท่านที่สะท้อนให้เห็นว่า พวกเราไม่ได้ตระหนักว่าขณะนี้เรามีฐานะเป็นเมืองขึ้นเขา ไม่สามารถจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ผมเหลือเวลาอยู่ในราชการเพียง 198 วัน ก็ต้องยืนให้ครบยก การแลกหมัดหรือแบกน้ำหนักเป็นสิ่งที่พึงหลีกเลี่ยง เพราะโอกาสแก้มือไม่มีแล้ว พูดถึงคนแก่ มีนิทานสอนใจของชาวจีนอยู่เรื่องหนึ่งชื่อ ถ้วยเก่ากับคนแก่ 

                ครั้งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆคนหนึ่ง อาม่าแก่มากและไม่แข็งแรง  มีอาการมือสั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของลำบาก  โดยเฉพาะเวลาทานข้าวร่วมกับครอบครัว อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบนโต๊ะตลอดเวลา ลูกสะใภ้อาม่าก็รู้สึกหงุดหงิดและรำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษากับสามีว่า นางทนไม่ได้ที่เห็นอาม่าทานข้าวหกเลอะเทอะเกลื่อนโต๊ะ มันทำให้นาง กินข้าวไม่ลง สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถหาวิธีทำให้มืออาม่าหายสั่นได้ จากนั้น ไม่กี่วัน ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกว่า  จะไม่แก้ไขอะไรเลยหรือ  นางทนไม่ได้แล้วหลังจากโต้เถียงกันไปสักพักสามีก็ยอมแก้ไขตามคำแนะนำของภรรยา  นั่นคือ  เมื่อถึงเวลาทานข้าว  เขาก็จัดโต๊ะให้แม่นั่งแยกต่างหาก  ตามลำพังคนเดียว  โดยใช้ถ้วยข้าวราคาถูก ๆ บิ่น ๆ เพราะอาม่าชอบทำถ้วยแตกบ่อย ๆ

              เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก  เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไขอะไรได้  นางนึกถึงอดีตที่นางเคยเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา นางไม่เคยปริปากบ่น หรือย่อท้อต่อความเหนื่อยยากเวลาที่ลูกชายเจ็บไข้  นางก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี เวลาที่เขามีปัญหา  นางก็ช่วยแก้ไขทุกครั้ง สภาพร่างกายของนางที่ทรุดโทรมเป็นที่รำคาญของลูกสะใภ้ในวันนี้ก็คือผลจากการอดทน ตรากตรำทำงานหนักมาเป็นเวลายาวนานในวันก่อน ๆ เพื่อให้ลูกชาย..หรือสามีของลูกสะใภ้ในวันนี้ได้เล่าเรียน.. มีความรู้..มีอาชีพการงานที่ทำให้ลูกเมียอยู่สุขสบาย แต่ตอนนี้ อาม่าเสียใจมาก..รู้สึกว่า..ตัวเองไร้ค่า..ถูกทอดทิ้ง

         หลายวันผ่านไป.อาม่ายังคงเศร้าสร้อย รอยยิ้มเริ่มจางหายจากใบหน้า หลานชายตัวน้อยของอาม่าซึ่งเฝ้าจับตาทุกอย่างมาโดยตลอด       ก็เข้าไปปลอบใจและบอกคุณย่าว่า เขารู้ว่า..คุณย่าเสียใจมากแค่ไหน  ที่ถูกพ่อแม่ของเขาปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้และเขาก็บอกท่านว่า  เขามีวิธีที่จะให้อาม่าได้กลับไปทานข้าวร่วมกับทุกคนได้เหมือนเดิม

       ความหวังเริ่มเบ่งบานขึ้นในหัวใจของหญิงชรานางถามหลานชายว่าจะทำอย่างไร เด็กน้อยได้แต่ตอบเพียงว่า "เย็นนี้ขอให้คุณย่าแกล้งทำชามข้าว  ของคุณย่าตกให้มันแตก..เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจนะครับ"   อาม่าได้ฟังก็แสนจะแปลกใจ  แต่หลานชายตัวน้อยก็คงยืนกรานให้คุณย่าทำตามที่เขาบอกและบอกว่าที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าทีของเขาเอง

      และแล้ว..เมื่อได้เวลาอาหารเย็น หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด  เพื่อจะดูว่าหลานชายมีแผนการอะไร  นางจึงยกถ้วยข้าวใบเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้น แล้วแกล้งปล่อยลงบนพื้นเหมือนกับทำหลุดมือ ถ้วยข้าวเก่าใบนั้นหล่นแตกกระจายไม่มีชิ้นดี!!! ลูกสะใภ้เห็นดังนั้น  ก็ลุกขึ้นเตรียมจะด่าว่าอาม่าทันที แต่แล้ว..ลูกชายตัวน้อยของเธอกลับรีบชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า

       "ว้า..คุณย่าทำไมทำชามแตกซะเละหมดล่ะครับ นี่ผมอุตส่าห์ตั้งใจไว้ว่า..จะเก็บชามใบนี้ไว้ให้คุณแม่ผมใช้ต่อ.. แล้วเนี่ยผมจะเอาชามเก่าที่ไหนมาให้คุณแม่ผมใช้ตอนแกแก่เท่าคุณย่าล่ะครับ??"

         ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็ถึงกับอึ้ง..หน้าซีด ด่าไม่ออกอีกต่อไป นางรู้สึกได้ทันทีว่า.ทุกสิ่งที่นางทำลงไปในวันนี้ย่อมจะเป็นตัวอย่างให้ลูกชายของนางปฏิบัติต่อนางในวันหน้าเมื่อนางแก่ตัวลงเช่นกัน นางรู้สึกอับอายและสำนึกผิดต่อการกระทำของตัวเองตั้งแต่นั้นมา  ทุกคนในบ้านก็นั่งทานข้าวร่วมกันตลอดมา

นายกำจัด  คงหนู

ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต ๑

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 645729เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2018 19:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม 2018 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท