กระบวนการตาย


กระบวนการตาย

นายอานนท์ ภาคมาลี (คนหาปลา ข้าราชการบำนาญ)

เตรียมตัวตายกันได้แล้วทุกคน “ตอนใกล้ตาย” มันมีความรู้สึกอย่างไร? จงอย่าพยายามไม่อยากตาย เพราะยังไงๆก็ต้องตาย ใครรู้ตัวว่าจะต้องตายช่วยกันบอกต่อ  ใครมั่นใจว่าไม่ตายไม่ต้องบอกต่อ อาการของการ “ตาย” ที่คนอื่นได้ศึกษามา หรือเคยได้พูดคุยกับคนมีประสบการณ์ใกล้ตาย (near – death experience) นั่นเป็นเช่นไร คุณทัชชา ณ บางช้าง เคยค้นคว้าเรื่องนี้มาเขียนใน “ภาวะหลังตาย”และเล่าว่า “กระบวนการตาย”  ในระยะต่างๆนั่นมี 4 ระยะ ขั้นตอนอย่างนี้

  1. ระยะแรก เป็นระยะที่ธาตุดิน เริ่มสลายตัว กลายเป็นน้ำ ผู้ตายจะรู้สึกอ่อนระโหย ไม่มีแรง การมองเห็นต่างๆเริ่มเสื่อม มองอะไรๆก็ไม่ชัดทุกอย่างดูมัวไปหมด ทุกอย่างที่เห็นเหมือนมองไปกลางถนนขณะแดดจัดๆภาพต่างๆจะเต้นระยิบระยับเต็มไปหมด
  2. ระยะที่น้ำจะกลายเป็นไฟ ช่วงนั้นน้ำในร่างกายเริ่มแห้งลงจะรู้สึก ชาๆตื้อๆ เริ่มหมดความรู้สึก ไล่จากปลายเท้าขึ้นมา ประสาทหูเริ่มไม่รับรู้ คือเริ่มไม่ได้ยินเสียงอะไร มองไปทางไหนก็เห็นแต่ควัน
  3. ระยะนี้ไฟเปลี่ยนเป็นลม หูจะไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ความรู้สึกนึกคิดต่างๆหยุดหมด ลมหายใจอ่อนลงไปเรื่อยๆ จมูกเริ่มไม่รับรู้สึกเรื่องกลิ่น
  4. ระยะนี้ธาตุลมจะเปลี่ยนเป็นอากาศธาตุ ตอนนี้ เจตสิกทุกอย่าง รวมทั้งการหายใจ จะหยุดหมดพลังงานทั้งหลายที่เคยไหลเวียนกลับคืนไปสู่ระบบประสาทส่วนกลางหมด ลิ้นแข็ง ไม่รับรู้เรื่องรสชาติใดๆความรู้สึกสัมผัสหมดไป ความรู้สึกอยากโน่นอย่างนี่ต่างๆที่เคยมีก็หมดไป มีความรู้เหมือนอยู่กับแสงเทียนที่กำลุกโพลงอยู่เท่านั้น

ท่านบอกว่าตอนนี้แหละที่แพทย์จะประกาศว่า ผู้ป่วยในความดูแล “ถึงแก่กรรม” แล้ว(clinical death) นั่นคือจุดที่ “เวทนา” ทั้งหมดดับไป สมองและระบบไหลเวียนต่างๆของร่างกายหยุดทำงานหมด แปลว่ารูปและนาม หรือเบญจขันธ์ตายไปแล้ว ก็ต้องถกเถียงกันต่อไปว่า ถ้าเราเชื่อวิญญาณยังอยู่ต่อเมื่อร่างกายสลายไป จะไปอยู่ที่ไหนอย่างไรต่อไป

อ่านเจออีกแหล่งหนึ่งเรื่องลักษณะการตาย ตามแนวคิดแบบ “เชน” ที่”คุณโชติช่วง นาคอน”ที่เคยรวบรวมไว้ในหนังสือ “จิตคือพุทธะ” เมื่อนานมาแล้ว ท่านบอกว่าคนเราตายได้สองลักษณะ คือ “ตาย อย่างปราศจากที่พึ่ง” และ “ตายอย่างสมบูรณ์ด้วยที่พึ่ง” คนที่ตายอย่างแรกนั้นเวลาใกล้จะสิ้นลม มีอารมณ์ผิดไปจากปกติจิตใจกลัดกลุ้มยุ่งหยิง เรียกว่า “จิตวิการ” ซึ่งหมายถึงจิตเกิดความปวดร้าวทรมานเพราะยัง”ยึดติด” หลายเรื่อง หรือที่ผมเรียกว่า “ไม่ยอมตาย ทั้งๆที่ต้องตาย” นั่นคือจิตใจยังติดข้องกับอุประทาน 4 ประการคือ

  1. ติดอยู่กับทรัพย์สินเงินทอง
  2. ห่วงใยอาลัยในสิ่งที่เป็นรูปและอรูป โดยเห็นว่าเป็นของเที่ยง
  3. มีนิวรณ์ความวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน มาหาจิตมิให้บรรลุความดี
  4. มีความดูแคลนเมินเฉยในคุณพระรัตนตรัย

เขาบอกคนส่วนใหญ่ตายลักษณะอาการอย่างนี้เรียกว่าตายอย่างอนาถา ส่วนการตายอย่างสมบูรณ์นั้นด้วยที่พึ่งนั้น แปลว่าคนใกล้ตายมีสติอารมณ์ผ่องใสไม่หวั่นไหว และซาบซึ้งในวิธีของมรณกรรม  และยึดหลัก 4 ประการคือ

  1. อารมณ์เฉยๆ ซาบซึ้งกฎธรรมดาแห่งความตาย
  2. ซาบซึ้งถึงสภาพการณ์สิ่งในโลกของ ความไม่เที่ยงไม่เป็นแก่นสาร
  3. รำลึกถึงกุศลกรรมที่ได้ผ่านมาในชีวิต และเกิดปิติ และเกิดปิติปลาบปลื้ม
  4. ยึดมั่นเอาคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง อยู่ตลอดเวลาสิ้นลมหายใจ

ด้วยเหตุนี้แหละผมจึงเห็นว่าการ “ฝึกตายก่อนตาย” ดั่งที่ท่านพุทธทาส หรือ …หลวงพ่อ หลวงปู่ ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี ท่านเคยสอนเรานั้นเป็นเรื่องที่ประเสริฐสุดแล้ว แต่คนส่วนใหญ่กลัวตาย แม้จะเอ่ยถึงคำว่าตาย ก็รับไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการ “แช่ง” ทั้งๆที่ไม่มีใครหนีความตายได้แม้แต่คนเดียว

การเรียนรู้ “มรณาอุปายะ” หรือฝึกตายก่อนตาย นั่งจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้มันสนุกเสีย ให้มันเป็นเรื่องหน้าตื่นเต้นน่ายินดี ก็จะทำให้ความทุกข์อยู่ระหว่างมีอยู่นั้นลดน้อยถอยลด และเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากโลกนี้ไปก็ไม่ตกใจ ไม่ตื่นเต้น ไม่รันทดและทรมานเพราะความกลัวและความไม่ต้องการที่จะจากไป

ชาวพุทธที่ฝึกปฏิบัติธรรมในนุสาระจริงๆ (ไม่ใช่แค่ทำบุญแล้วแล้วนึกว่าจะต้องไปสวรรค์ โดยไม่ต้องปฏิบัติธรรม) ที่จะเข้าใจว่า…”ขันธ์ทั้งห้า”ล้วนไม่เที่ยงไม่มีความแน่นอน เปลี่ยนแปลงและทรุดโทรม และท้ายสุดก็แตกดับไป และระหว่างที่มรณะกาลมาถึงนั้น ขันธ์ห้าก็ย่อมแปรปรวน จึงควรจะเตรียมตัวและเตรียมใจไว้ เมื่อความตายมาถึงเราก็จะได้ไมทุรนทราย และตายอย่างมีสติ และ “รู้เท่าทันความตาย”สุดสุยอดของการมีชีวิตอยู่นั่นเอง หมั่นเจริญสติ ภาวนา ให้มากๆ ถึงเวลาตายสบายนักแล

ท่านคมสรณ์ ข่าวสารงานพระธรรมทูตอินเดีย นำมาฝากเตือนสติกันรวมทั้งตนเองด้วย

หมายเหตุ ถ้าใครมั่นใจว่าไม่ตาย ไม่ต้องบอกต่อ

หมายเลขบันทึก: 644850เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2018 07:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2018 07:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท