บันทึกชุด ปรับปรุงการสอนเล็กน้อย ได้ผลยิ่งใหญ่ นี้ ตีความจากหนังสือ Small Teaching : Everyday Lessons from the Science of Learning (2016) เขียนโดย James M. Lang
สามบทแรกใน ๙ บทของหนังสือ อยู่ในตอนที่ ๑ ว่าด้วยความรู้ (Knowledge) บันทึกตอนที่ ๓ นี้ ตีความจากบทที่ ๒ ในหัวข้อฝึกทำนาย หรือคาดการณ์ (predicting)
คำนำ
กระบวนการทำนาย (predicting) เป็นการดึงความรู้เดิม (prior knowledge / longterm memory) ออกมาใช้ เป็นกระบวนการที่สร้างความคึกคักให้แก่สมอง อาจเรียกว่า เป็นกระบวนการ prime สมอง เตรียมสมองให้พร้อมรับรู้และเรียนรู้เรื่องนั้นๆ ผมเดาว่าในอนาคตจะมีการวิจัยผลของกระบวนการนี้ต่อชีวิตประจำวัน และผมตีความว่าการพนัน เช่นพนันบอลล์ เป็นลักษณะหนึ่งของการใช้การทำนายสร้างชีวิตชีวาในชีวิตประจำวัน
ทฤษฎี
หนังสือเล่าการทดลองเพื่อวิจัยผลของการฝึกทำนาย (predicting) ต่อระดับการเรียนรู้ หลายการทดลอง ในหลายรูปแบบ สรุปได้ว่า predicting หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ pretesting ช่วยให้การเรียนรู้ดีกว่า เข้าใจดีกว่า และจำสาระสำคัญได้ดีกว่า ผมจะไม่นำรายละเอียดมาเล่า เพราะจะทำให้บันทึกยาวเกินไป แต่จะขอบอกว่า วิธีการออกแบบการทดลองเป็นสุดยอดตัวอย่างของการวิจัยที่ดี จึงขอแนะนำให้นักวิจัยหรือนักศึกษาปริญญาเอกด้านการศึกษาเข้าไปอ่านหนังสือและรายงานผลการวิจัยฉบับในวารสาร
การทดลองเหล่านี้ ทำในช่วงประมาณ ๑๐ ปีที่ผ่านมา ทฤษฎีเรื่องใช้การทำนายเตรียมสมองให้พร้อมต่อการเรียนรู้จึงใหม่มาก ผลการทดลองต่างๆ ให้ผลยืนยันผลดีของการทำนายทั้งสิ้น แต่คำอธิบายกลไกที่การทำนายก่อผลดีต่อการเรียนรู้แตกต่างกัน คือยังมีช่องทางศึกษาอีกมากเพื่อเข้าใจกลไกการเรียนรู้ของสมอง
หนังสือบอกว่า นักเรียนที่ทำ pretest ก่อนเรียน จะทำ posttest หลังเรียนได้ผลดีกว่าอย่างชัดเจน (ดีขึ้นประมาณร้อยละ ๑๐) และไม่ว่าคำตอบตอน pretest จะถูกหรือผิด ผล posttest ก็ยังคงเพิ่มขึ้นกว่าผลของนักเรียนกลุ่มที่ไม่ได้ทำ pretest เหมือนกัน กล่าวคือ การทำ predicting หรือ pretest ไม่ได้สนใจที่ผล แต่สนใจที่กระบวนการเตรียมสมอง
มีการวิจัยแบบออนไลน์ที่น่าสนใจวิธีออกแบบการทดลองมาก เป็นบทเรียนทางสังคมศาสตร์ที่ซับซ้อน ทำความเข้าใจพฤติกรรมทางวัฒนธรรม จากการดูวีดิทัศน์สั้นๆ กลุ่มทดลองดูแบบ pause – predict – ponder คือไม่ดูทีเดียวตลอดเรื่อง แต่หยุดตรงจุดสำคัญ ให้ทำนายว่าเรื่องจะเดินต่ออย่างไร (โดยเลือกคำตอบใน drop-down menu เมื่อเลือกแล้วก็จะมี drop-down menu ต่อไป ให้กรอกคำอธิบายว่าทำไมเลือกคำตอบนั้น) หลังจากดูจบจึงให้ไตร่ตรองว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร (โดยตอบคำถามใน drop-down menu เช่นกัน) เขาวัดผลเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มเทียบที่ผลการสอบ ซึ่งพบว่ากลุ่มทดลองคะแนนสูงกว่าร้อยละ ๑๐
เขาอ้างหนังสือ How We Learn เขียนโดย Benedict Carey ที่อธิบายว่าสมองไม่ได้เก็บข้อมูลความรู้เหมือนในคอมพิวเตอร์ แต่เก็บไว้ในรูปของเครือข่ายของ ความเข้าใจ (perceptions), ความจริง (facts), และ ความคิด (thoughts) คนที่เชี่ยวชาญเรื่องหนึ่ง (เช่นอาจารย์) จะมีเครือข่ายในสมองที่หนาแน่น ในขณะที่มือใหม่ (เช่นนักศึกษา) จะมีเครือข่ายที่เบาบาง นักศึกษาจึงคิดเชื่อมโยงไม่เก่ง คำอธิบายเรื่องนี้เขาอ้างหนังสือ How Learning Works : Seven Research-Based Principles for Smart Teaching ซึ่งผมตีความเขียนบล็อกชุด การเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างไร และมีการรวมเล่มพิมพ์เป็นหนังสือ ที่ดาวน์โหลด pdf file ได้ฟรี
หนังสือ Small Teaching อธิบายว่า กิจกรรมทำนายช่วยเตรียมสมองให้ค้นหาการเชื่อมโยงใยสมองที่ถูกต้องสำหรับใช้งานในเรื่องนั้น เชื่อมโยงคำถามไปสู่คำตอบ สมองจะค้นหาความรู้เดิมเท่าที่มี สำหรับใช้ตอบคำถาม เป็นการเตรียมพร้อมรับความรู้ใหม่ และคำตอบที่ผิดจะช่วยกระตุ้นการรับรู้ความรู้ใหม่และเชื่อมโยงเข้าไปในเครือข่ายความรู้ในสมอง กลไกเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นในการอ่านหนังสือตามปกติ
แต่ผมเถียง ผมมีวิธีการที่ใช้มานานเป็นสิบปี ที่ผมไม่ “อ่าน” หนังสือ แต่ผม “ถาม” หนังสือ และบางครั้งก็ “เถียง” หนังสือ (อย่างที่กำลังทำอยู่นี่แหละ) เมื่อได้อ่านหนังสือ Small Teaching ผมก็ตีความว่า การ “ถาม” หนังสือของผม เป็นกระบวนการ “ทำนาย” รูปแบบหนึ่ง
เขาอ้างคำอธิบายของ Benedict Carey ว่าการทำนายเรื่องราวที่จะเรียนล่วงหน้า หรือทำแบบทดสอบก่อนเรียน ช่วยบอกแนวทางว่าเรื่องที่กำลังเรียนมีหัวใจสำคัญที่ใด ช่วยให้เกิดการเรียนที่โฟกัสประเด็นสำคัญ และอีกคำอธิบายหนึ่งคือ การทำนายล่วงหน้าช่วยให้ผู้เรียนตระหนักใน ความไม่รู้ หรือช่องว่างความรู้ ของตน ช่วยลดความหลงผิดว่าตนรู้แล้ว
เมื่อทำแบบฝึกหัดฝึกทำนาย หรือทดสอบก่อนเรียนแล้ว ต้องมีการเฉลยและ feedback ทันที หรืออย่างช้าที่สุดในคาบการเรียนครั้งหน้า เพื่อช่วยให้นักศึกษาลบความรู้ผิดๆ ออกจากสมอง
รูปแบบวิธีการ
เวลาที่เหมาะสำหรับทำ small teaching แบบ predicting คือนาทีแรกๆ และนาทีท้ายๆ ของคาบเรียน เช่นเดียวกันกับ small teaching แบบ retrieval การทำนายในช่วงเปิดคาบเรียน เป็นการทำนายสาระในคาบนั้น การทำนายช่วงท้ายคาบเรียน เป็นการทำนายสาระในคาบหน้า
อาจารย์ไม่จำเป็นต้องให้คะแนนการทดสอบนี้แก่นักเรียนเป็นรายคน แต่ควรให้ feedback ทันที โดยอาจเฉลยและให้นักศึกษาตรวจเอง อาจารย์ไม่ควรประกาศว่าการทดสอบนี้ไม่มีคะแนน แต่ควรระบุให้ชัดว่า เป้าหมายหลักคือการช่วยให้นักศึกษาเรียนรู้ได้ดีขึ้น จากผลของกระบวนการ prediction อาจารย์อาจเก็บกระดาษคำตอบเอามาตรวจการเข้าเรียน หรือเอามาตรวจระดับของ prior knowledge ของนักศึกษา อาจทดสอบโดยอาจารย์บอกคำถาม ให้นักศึกษาคิด ๕ นาที แล้วชี้ให้นักศึกษาตอบ ตามด้วยการเฉลย
เมื่อกลับมาเข้าชั้นเรียนของวิชานั้นในคาบต่อไปในสัปดาห์ต่อมา อาจารย์อาจเปิดชั้นเรียนด้วยคำถามว่า ใครทำนายสาระในหนังสือตอนต่อไปถูกต้อง เพราะอะไร ใครทำนายผิด เพราะอะไร
หลักการ
หลักการที่พึงยึดถือในการใช้ การทำนายเพื่อช่วยทำให้การเรียนรู้เกิดขึ้นง่าย และใช้เวลาและแรงงานน้อย ตรงตามหลัก small teaching คือ
เคล็ดลับเรื่องการสอนเล็กน้อยด้วยการฝึกทำนาย
การฝึกทำนายเป็นการเรียนแบบที่ไม่เน้นท่องจำ แต่เน้นคิด ทำให้เกิดการเรียนรู้แบบซับซ้อน และเมื่อฝึกคิดแล้วจะจำเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องท่อง แม้จะเป็นการเรียนความรู้แบบซับซ้อน การใช้บทเรียนแบบฝึกทำนายก็ทำได้ง่ายๆ ตามแนว small teaching โดยมีเคล็ดลับต่อไปนี้
สรุป
การทำนายล่วงหน้า มีผลดึงความสนใจ และกระตุ้นอารมณ์ ความสนใจใคร่รู้ (ว่าการทำนายจะถูกหรือผิด) เป็นตัวกระตุ้นสมอง มีผลการวิจัยพบว่า ความสนใจใคร่รู้ (curiosity) ทำให้สมองส่วน hippocampus ทำงานเพิ่มขึ้น hippocampus ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ นอกจากนั้นความคาดหวัง (anticipation) ว่าจะได้รับการเฉลยคำตอบ จะไปกระตุ้นสมองส่วนที่เรียกว่า reward system ซึ่งจะไปกระตุ้น hippocampus อีกต่อหนึ่ง
วิจารณ์ พานิช
๑๒ ม.ค. ๖๑
ริมแม่น้ำท่าจีน ที่โรงแรม สามพราน ริเวอร์ไซด์
ไม่มีความเห็น