๖๖๔. ขอบคุณธนาคารออมสิน..จากโรงเรียนบ้านหนองผือ


ผมคิดว่า..คณะจากธนาคารออมสิน มองโรงเรียนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ว่าเรามีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานและมั่นคง..ไม่ได้อยู่แบบซอมซ่ออนาถา แม้ว่าอาคารเรียนจะเก่าและไม่ใหญ่โต..แต่ของเราก็สดใส สะอาดร่มรื่น..พอสมควร

          เคยวาดหวังและฝันอยู่เสมอว่า..สักวัน..จะบริหารจัดการให้ได้มาซึ่งอาคารเรียนหลังใหม่สักหลัง ไม่ต้องหลังใหญ่มากนัก มี ๓ ห้องเรียนก็พอและก็มีใต้ถุนโล่ง เอาไว้ประชุมนักเรียนและไหว้พระสวดมนต์

          หลายปีมาแล้ว ผมเคยของบประมาณจากเขตพื้นที่ฯ ในวันที่มีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ  และเหตุผลที่ต้องเสนอขอ..เพราะถ้าไม่ขอ คือไม่ได้..ทั้งที่ต้นสังกัดมานิเทศติดตามก็รู้ว่าขาดแคลน และได้ทำงานเอาคุณภาพเข้าแลกก็ไม่ถือว่า..เป็นผลงาน..ที่จะได้มาซึ่งสิ่งก่อสร้าง..

          แต่ท้ายที่สุด เรื่องของบฯสร้างอาคารฯก็ไม่ได้รับการอนุมัติ และตั้งแต่นั้นมา..เมื่อนักเรียนเพิ่มมากขึ้น อุปสรรคก็ตามมา..นักเรียนล้นห้อง ต้องต่อเพิงออกไปอีก ๒ ห้อง แบบเปิดโล่งไม่มีฝาห้อง..

         เมื่อไม่มีเหมือนโรงเรียนอื่น ก็ต้องแก้ปัญหา โรงเรียนขนาดเล็ก เป็นเวทีฝึกแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ต้องอดทน ต่อสู้กับความยากลำบากและขาดแคลนอยู่เสมอ..

         เพราะถ้ารู้สึกท้อ หรือคิดเยอะ..การสร้างสรรค์งานจะไม่เกิด จึงไม่รอ..ทำงานต่อได้ในทุกด้าน ขณะเดียวกัน..ก็ไม่เคยขอเขตฯอีกเลย แต่ขอภาคเอกชนและองค์กรภายนอก

         การขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรภายนอก ทั้งที่โรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง แต่ผมมีเหตุผลความจำเป็นที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน และสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้บริหารรุ่นต่อไป..ที่จะมาต่องานจากผม แล้วลงมือทำงานการศึกษาได้เลย โดยที่ไม่ต้องกังวลถึง..อาคารสถานที่

          ๒๒ สิงหาคม  ๒๕๖๐.ผมบอกความต้องการจำเป็นแก่..รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินและคณะ ที่มาร่วมงานต้อนรับผู้แทนพระองค์ที่นำกระเช้าพระราชทานมามอบให้ผม.. 

          ท่านรองฯบอกว่าจะนำเรียนท่านผู้อำนวยการฯ และให้ผมทำหนังสือแสดงความต้องการขึ้นไป..แจ้งงบประมาณและรูปแบบอาคาร ตลอดจน..ข้อมูลพื้นฐาน

          เดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ได้รับทราบการอนุมัติงบฯอย่างเป็นทางการ ในวงเงินงบประมาณ ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท และวันนี้..๒๕ มกราคม ๒๕๖๑ ชาวคณะจากธนาคารออมสิน นำโดยท่านผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ..เดินทางมาเพื่อทำพิธีรับมอบเงินและถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก..

           พิธีรับมอบเงินผ่านพ้นไป..ผมไม่ค่อยมั่นใจว่าได้ต้อนรับคณะจากออมสิน ได้ดีเพียงใด..แต่ผมก็เชื่อว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว..ผมเห็นรอยยิ้มและความจริงใจจากชาวออมสินทุกคน ที่มองสภาพแวดล้อมของตัวอาคารเรียน เที่ยวชมแหล่งเรียนรู้ ดูการแสดงนักเรียนและชื่นชมลายมือที่สะอาดเรียบร้อยของนักเรียนชั้นป.๑ - ๒

          ผมคิดว่า..คณะจากธนาคารออมสิน มองโรงเรียนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ว่าเรามีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานและมั่นคง..ไม่ได้อยู่แบบซอมซ่ออนาถา แม้ว่าอาคารเรียนจะเก่าและไม่ใหญ่โต..แต่ของเราก็สดใส สะอาดร่มรื่น..พอสมควร

         ผมบอกออมสินว่า..ผมมาอยู่โรงเรียนนี้..ตั้งแต่นักเรียนมีไม่ถึง ๕๐ คน เพิ่มมากขึ้นทุกปี..จนถึงวันนี้..๘๗ คน

         ชุมชนเล็กๆ ที่มีครัวเรือนยากจน ผู้คนไม่มาก นักเรียนเพิ่มขึ้นเพราะย้ายมาจากโรงเรียนอื่น ผมต้องบอกเหตุผลว่าที่ย้ายมานั้น..มาเพราะอะไร..?

          เหตุผลหลักๆ ที่ผู้ปกครองย้ายเด็กมา..เพราะเราสามารถทำให้ลูกของเขาอ่านคล่องเขียนคล่องและลายมือสวย..ถ้าโรงเรียนมีอาคารเรียนหลังใหม่..อะไรจะเกิดขึ้น..?ก็ไม่อยากจะคิดอะไรไว้ล่วงหน้า..

         ผมไม่ได้ยึดติดที่ปริมาณ หรือจำนวนนักเรียน แต่อยากเห็นคุณภาพ..ของนักเรียนรายบุคคล

         วันนี้..สิ่งที่หวังเป็นจริง ฝัน..ที่ยาวนาน เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง..รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้ง..ธนาคารออมสิน..ที่ทำให้มีวันนี้..ก่อนเกษียณ   

          ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ๒๕๖๑..คงได้เห็นตัวอาคารเรียนสีชมพู..สง่างาม..ผมจะใช้อาคารเรียนหลังใหม่นี้ให้มีคุณค่า สมประโยชน์และตอบแทนธนาคารออมสิน..ด้วยความดีในหน้าที่ผู้บริหารโรงเรียน..อย่างเต็มที่และเต็มกำลังความสามารถ..ครับ

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๕  มกราคม  ๒๕๖๑

หมายเลขบันทึก: 644213เขียนเมื่อ 26 มกราคม 2018 22:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 มกราคม 2018 22:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท