ปัญญาขั้นสูงสุดที่มนุษย์พึงจะมีได้


คนที่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว เวลามันจะดีใจ มันหิว หรือมันไม่พอใจ  คนที่เลี้ยงก็รู้ใช่ไหมครับ

.

เพราะอะไรถึงรู้ได้ล่ะครับ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ใช่หมาไม่ใช่แมวซักหน่อย

คำตอบก็แสนง่ายเลย ก็ดูมันน่ะซิ ... แหม เลี้ยงมัน เห็นทุกวัน ก็ต้องรู้ซิ(วะ) ถามได้ !

แต่ในความง่ายดูธรรมด๊า ธรรมดาอันนี้ มันมีความลึกซึ้งซ่อนอยู่ครับ...

คนเรามีสติปัญญาแบบ Intuition หรือ เรียกว่า ปัญญาญาณ ซึ่งเป็นปัญญาขั้นสูงสุดที่มนุษย์จะพึงมีได้

เป็นปัญญาที่ทำให้เรารู้จักสิ่งนู่นนี่ได้ โดยแทบจะไม่ต้องคิดและไม่ต้องพึ่งเหตุผลอะไรด้วยซ้ำ

.
เวลาที่มีเสียงดังอะไรผิดปกติแล้วเราก็หลบเองอย่างอัตโนมัติทำให้เรารอดจากเหตุการณ์วิกฤติได้ เพราะปัญญาระดับนี้นี่แหละ ซึ่งจะสั่งร่างกายอย่างอัตโนมัติ แบบไม่ต้องคิด นับเป็นเหมือนพรที่ประทานจากสวรรค์ เพราะถ้ามัวคิดก็คงจะม้วยมรณาเสียก่อน   ... แม้แต่การมีลางสังหรณ์ล่วงหน้า แล้วก็เกิดเป็นจริง ก็มาจาก Intuition นี้เหมือนกันล่ะครับ

.

ปัญญาชนิดนี้จึงพัฒนาจากสัญชาติญาณพื้นฐาน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องพื้นๆ เสียเหลือเกิน แต่แท้จริงเป็นปัญญาที่สำคัญที่สุด เป็นตัวหลักของการพัฒนาชีวิตเลย  คนที่มีความเข้าใจและมุ่งพัฒนาปัญญาชนิดนี้ จะเก่งเหนือคนธรรมดา ทำอะไรที่เกินคาดคิดได้ จนน่าตกใจเหมือนมีฤทธิ์เลย โดยตัวเขาเองก็ยังอธิบายไม่ได้  (ต้องให้ อ.กล้วยอธิบายนี่แหละ !).

ดั่งที่เราเห็นตามงานประกวดคนเก่งๆ เช่น Got Talent   เด็กไม่กี่ขวบเล่นเปียโนได้ราวกับมืออาชีพ / กายกรรมที่แข็งแรงผิดปกติ  /คนที่สามารถถอดรูทเลข 5 หลักได้โดยไม่ใช้เครื่องคิดเลข เป็นต้น ...ปัญญาระดับความคิด ทำไม่ทันหรอกครับ

 . 

 คนเราทุกคนมีปัญญาชนิดนี้ซ่อนอยู่ เช่น การที่เรารู้สึกดีหรือไม่ดีกับบรรยากาศตามสถานที่ต่างๆ  รู้ได้ก่อนที่จะคิด  คนไทยโบราณรู้เรื่องนี้ดี แต่ปัจจุบันนี้ไม่ให้ความสำคัญกับปัญญาญาณครับ ไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ  กลับไปให้ความสำคัญกับปัญญาระดับความคิด (Intellectual)  ซึ่งเป็นปัญญาชั้นรองกว่า ... ที่เราเห่อคำว่า Mindsetๆ กัน  โดยที่ไม่รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า,  เหนือ Mindset ยังมี Intuition   

ดูซิครับ เราเรียนหนังสือ มีแต่วิชาที่สอนให้คิดๆๆ แล้วก็คิด แต่ไม่มีวิชาไหนเลยที่สอนให้ใช้สัญชาติญาณ หรือลางสังหรณ์มาตอบข้อสอบเลย ขืนมีเด็กคนไหนทำ มีหวังโดนหาว่าบ้าชัวส์ !

 ผมให้ความสนใจการพัฒนาปัญญาญาณมาครึ่งชีวิต จึงรู้ซึ้งถึงพลังของปัญญาชนิดนี้ดี มันพาชีวิตให้ก้าวกระโดด จนคนรอบข้างเขาทึ่ง มันเป็นอะไรที่รวดเร็วกว่าการที่เราฝึกความคิดมากมาย  มากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ...ส่วนเวลาชีวิตตกต่ำสุดๆ ไม่มีใครช่วยได้ ปัญญาชนิดนี้แหละที่ช่วยเอาไว้ ช่วยกระทั่งลมหายใจสุดท้าย ช่วยรักษาจิตวิญญาณไม่ให้เศร้าหมอง  ส่วนตัวผมฝึกมาเยอะครับ 20 กว่าปีแล้ว ทุกวันนี้ไม่เจอแล้วครับ ไอ้เจ้าความเครียดครับ ไม่รู้มันหายไปไหน หายไปจากชีวิต   และคำว่า จิตตก จึงไม่มีในพจนานุกรมของผม ไม่ว่าจะเผชิญ เหตุการณ์เลวร้ายแค่ไหน

การฝึกฝนปัญญาชนิดนี้ก็ต้องมี สติ / สมาธิ / และความเข้าใจที่ถูกต้อง  3 สิ่งนี้เป็นพื้นฐาน พัฒนาไปเรื่อยๆ ปัญญาญาณจะบังเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ 

.

นับเป็นเรื่องน่าขำมากครับ ที่ฝรั่งเอาศาสตร์พวก NLP หรือ วิชาพวกจิตวิทยาการเปลี่ยนแปลงชีวิต มาสอนคนไทย มาตั้งรกรากสถาบันกันอย่างเอิกเกริก วิชาเหล่านี้เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งขององค์ความรู้ที่ไทยมีกันอยู่แต่เดิมแล้ว (แต่ไทยไม่เห็นค่า) เน้นเลยครับ ว่าเสี้ยวเดียว โดนฝรั่งเอามาสอนจนฮิตเป็นกระแส  ผมเห็นคนไทยเห่อไปเสียตังแพงๆ ก็รู้สึกแย่นะครับ   คนไปเรียนเขาบอกว่าดีๆ ไปเรียนแล้วเปลี่ยนชีวิตได้เลย ก็แน่นอนละครับ ถ้าได้ฝึกปัญญาชนิดนี้เปลี่ยนได้แน่นอน อันนี้ยอมรับแบบไม่เถียงสักคำเลยครับ  ... แต่ว่า...ทำไมต้องเสียตังแพงๆ ล่ะ ในเมื่อของเรามีอยู่แล้ว ตามวัดตามวา ครูบาอาจารย์เก่งสอนกันเยอะไปหมด  ถ้าประเทศที่เขาไม่มีองค์ความรู้แบบนี้ จะเสียตังเรียนแพงก็ว่าไปอย่าง  

และผมยังรู้สึกสลดใจขึ้นไปอีก ที่เห็นคนไทยบางคนไปเป็นสาวกของเขา ชื่นชมราวกับสิ่งน่าบูชา

พูดแบบนี้ คนเป็นสาวกคงไม่พอใจกันอีก แต่ผมถามนะครับ เคยคิดด้วยใจที่เป็นกลางไหมละครับว่า เขามาสอนเราเก็บค่าเรียนสูงๆ นี่เพราะหวังอะไร เขามีเจตนาจะให้เราด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ หรือเขาหวังจะรวยติดอันดับโลก  ไปพิจารณาอย่างลึกซึ้งดูนะครับ... 

ผมไม่ใช่คนที่แอนตี้คนรวย และไม่ได้แอนตี้คนอยากรวย แต่ก่อนจะรวยเรารู้หรือยังว่าเราจะรวยไปเพื่ออะไร รวยเพื่อสั่งสมกิเลส หรือรวยเพื่อจะได้มีแรงไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่นที่เขาด้อยโอกาส ... และลองพิจารณาดูให้ดีครับ ถ้าจะนับถือคน เราจะนับถือคนรวยแบบไหน ?  เพราะผมไม่เคยเห็นสถาบันเหล่านี้ไปช่วยเหลือคนด้อยโอกาสที่ไหน อย่างดีก็มีเปิดคอร์สสอนฟรี  แต่ดูๆ แล้วก็ฟรีเพื่อทำการตลาดเรียกคนมาเรียนเยอะๆ มากกว่าจะให้ด้วยใจจริง 


ผมไปมูลนิธิฉือจี้ ซึ่งเริ่มจากแม่ชีใต้หวันที่ไม่มีเงินเลย แต่ช่วยคน ทั้งคนยากไร้ คนป่วย เด็กด้อยโอกาส จนโด่งดังกลายเป็นมูลนิธิใหญ่โต ช่วยจริงๆ ไม่ใช่ช่วยเอาหน้า ทำมา 50 ปีแล้ว ไม่เห็นแม่ชีจะมาต้องมาหาเงินโดยการเก็บตังใครแพงๆ เลยครับ ให้เอาตามความสมัครใจและตามกำลังที่มี  ช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้น  นี่ดูตัวอย่างเปรียบเทียบแบบนี้จะเข้าใจประจักษ์แจ้ง ถึงคนที่มี ปัญญาญาณที่น่านับถือ กับ คนที่มีปัญญาแบบมีเบื้องหลังหลบซ่อน (Hidden agenda) ที่ดูดีเฉพาะหน้าฉากครับ

เรานับถือคนแบบไหน เราก็จะกลายเป็นคนแบบนั้นแหละครับ !!

กลับมาเรื่องปัญญาญาณดีกว่า สิ่งนี้แหละครับ ที่ทำให้คนเข้าใจชีวิต ฉลาด มีเมตตา มีความสุข จะหาเงินหาทองก็อยู่ในทำนองคลองธรรม ไม่เบียดเบียนโกงใคร ไม่ขายของด้วยราคาที่ไม่สมเหตุสมผล  เอากำไรเกินควร  จะรวยก็รวยด้วยธรรม หรือจะจนก็จนแต่เงินแต่รวยปัญญา

 ผมก็หวังอย่างยิ่งว่า คนไทยจะหันกลับมาเห็นคุณค่าของศาสตร์ที่ทรงพลังนี้ มากว่าปัญญาระดับความคิด (ที่ไม่ประกอบด้วยคุณธรรม)

ส่วนตัวผมเองก็สอนสติ สมาธิ และทัศนคติชีวิตมาหลายปีแล้ว คนที่เห็นคุณค่าน้อยมากครับ แต่เขาเปลี่ยนแปลงชีวิตได้เยอะและเร็วมาก   เรื่องคนไม่เห็นคุณค่านี่ตลกมาก เวลาผมไปสอนที่ไหน หากไม่มีชื่อศาสตร์ฝรั่งป่ะหน้าไปนะ บอกว่ามาสอนธรรมะ มีหวังโดน Eject  ... โถ่ เอาทองมาสอนไม่เอา จะเอาสแตนเลส  ...อันนี้ก็แล้วแต่ครับ เราก็ต้องว่าตามเขา  แต่ลึกๆ ผมก็เข้าใจละ ว่าคนไม่รู้จริงๆ โดนฝรั่งปั่นหัวจนหลงผิดไปหมด

แต่ที่แย่กว่านั้น เวลาผมจะสอนธรรมะแล้วเก็บตัง นี่มีโดนด่าครับ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เก็บแพงอะไรเลย  ...โดนด่าว่า เอาธรรมะมาหากิน อืมมมม ซะงั้น.... แต่ถ้าบอกว่าสอน NLP นี่เก็บตังแพงๆ  อันนี้ไม่เป็นไร เก็บได้  ...เอ้อ เอาซิ .... คนไทยเป็นอะไรไปหมดแล้ว !!

. 

บ่นมามาก เอาเป็นว่า ถ้าเห็นคุณค่าของปัญญาญาณ เริ่มฝึกสติ ฝึกสมาธิ ตั้งแต่วันนี้ครับ ถ้าถามว่าทำยังไง เปิด Youtube มีเยอะแยะครับ โลกสมัยนี้สะดวกมาก ธรรมะออนไลน์เปิดเลือกที่ชอบเลย ฟรีด้วย หรือช่องของผมก็ได้ ทำไว้หลายตอน ดูง่ายๆ ที่นี่ครับ https://www.youtube.com/watch?v=-MLc1Pgn6rs&list=PLFxYmkIvora7QbFuFerHsHia_8tAtItyo

ถ้าเข้าใจ ทำได้ถูกแล้ว ไม่นานเลยครับ ชีวิตเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยปัญญาญาณแบบพื้นๆ นี่แหละ  เรื่องนี้ผมการันตีครับ
อย่าไปโฟกัสให้ค่าสูงส่งกับองค์ความรู้ระดับที่ต่ำกว่าเลย ...

.......

คำสำคัญ (Tags): #ปัญญาญาณ#nlp#รวย
หมายเลขบันทึก: 644207เขียนเมื่อ 26 มกราคม 2018 15:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 มกราคม 2018 15:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

-สวัสดีครับครู

-กำลังอยู่ใน Blog เลยครับ

-อ่านได้อย่างทันท่วงที..

-การที่ได้ฝึกถึงจุดที่ไม่มีคำว่า"จิตตก"อยู่ชีวิตแล้วละก็ถือว่าสุดๆ เลยครับ

-ส่วนตัวผมเองแล้วยังคงต้องฝึกให้มาก บางทีสิ่งที่เรารู้ เราดู เราเห็น เราสัมผัส อาจจะเป็นเพียงสิ่งที่หยาบๆ

-ค่อยๆ ฝึกและเรียนรู้จากครูบาอาจารย์ทุกๆ ท่านที่กรุณาสอนในบันทึกต่างๆ ครับ

-ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ส่งท้ายใน"วันสุข"นี้

-พรุ่งนี้มีแผนปฏิบัติงานของ"เกษตรกรวันหยุด"อีกมากมายทีเดียวครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท