จิตภาวนากับการบำบัดโรค : กรณี หลวงพ่อพระครูโสภณคุณาทร


   วันจันทร์ที่ผ่านมา (๑๕/๑/๖๑) ผมได้มีโอกาสไปนมัสการพระครูโสภณคุณาทร ที่วัดคลองเปล อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยติดตามผู้อำนวยการไป วัดแห่งนี้ผมเคยมาช่วนงานอบรมสามเณรภาคฤดูร้อน ๒ ครั้งๆละ เกือบ ๑ เดือนของฤดูร้อนในเดือนเมษายน ปี ๒๕๓๙-๒๕๔๐ ปกติของผมคือไม่ได้เอาใจใส่กับการทำความคุ้นเคยกับพระผู้ใหญ่ ดังนั้น ท่านจึงจำผมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การจำผมไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมเอง เพราะจะได้ทำตัวเป็นผู้ใหม่เสมอ 

   การเข้ามาอีกครั้งหนึ่งนี้ เห็นความเปลี่ยนแปลงไปเยอะ โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างและอื่นๆ ที่ท่านเคยพูดไว้เมื่อหลายปีก่อน ผมเกิดความตระหนักรู้ว่า "เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความฝัน" ผมเห็นว่า ท่านได้ทำสิ่งต่างๆได้สำเร็จตามที่ท่านประสงค์ทั้งเวดีย์ขนาดใหญ่ มูลนิธิการศึกษา ฯลฯ เกิดความตระหนักรู้อีกว่า "สิ่งเล็กๆ ก่อตัวมาจากสิ่งใหญ่ๆ สิ่งใหญ่ๆ สำหรับคนเล็กๆ อาจต้องค่อยๆสะสมตามกำลังเพื่อให้สิ่งเล็กๆกลายเป็นสิ่งใหญ่ๆ" ผมมักจะขัดใจเสมอกับการเห็นสิ่งก่อสร้างภายในวัดที่ผมตั้งเกณฑ์ไว้ว่า "วัดต้องรื่นรมด้วยต้นไม้ พื้นดินสะอาดตา" แต่นั่น ผมเป็นคนตั้งเกณฑ์ไว้ ไม่ใช่คนที่ไม่ใช่ผมตั้งเกณฑ์ไว้ "ควรหรือไม่ที่จะเอาเกณฑ์ของเราไปใส่เกณฑ์คนอื่น" ดูแล้ว เห็นจะไม่ควร ได้แต่เตือนตัวเองเสมอๆว่า "อยากจัดการวัดให้เป็นอย่างไรก็ไปบวชสิ" กล่าวสอนตัวเองไปก็ขำๆ 

  ความขัดใจสลายไป เมื่อพบว่า สิ่งที่พระได้สร้างไว้กับวัดนั้นมีที่ไปที่มาอย่างไร และนำไปใช้ประโยชน์สาธารณะอย่างไร อย่างท่านสร้างศาลาปฏิบัติธรรมไว้ ก็เพื่อการปฏิบัติธรรมสำหรับผู้สนใจ ท่านสร้างเจดีย์ไว้เพื่อ...ท่านสร้างห้องน้ำรูปทรงน้ำเต้าไว้เพือ... อันหนึ่งที่รับรู้คือ เงินค่าน้ำยางที่ท่านได้รับในแต่ละเดือนไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนซะแล้ว อนึ่ง น้ำยางมาจากสวนยางที่พ่อแม่แบ่งไว้ให้ โดยน้องๆแบ่งเงินค่าน้ำยางให้ท่านโดยไม่ต้องไปตัดยาง ผมได้รับรู้อย่างนี้ถึงกับตระหนักว่า ราคาน้ำยางที่ลดลง มีผลต่อวัดด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าทำไว้เพื่อตัวเองก็คงใช้ได้ไม่เกินร้อยปี และไม่จำเป็นต้องใหญ่โตและหลากหลายเลย 

  หลังจากกราบนมัสการท่าน ท่านเล่าให้ฟังว่า เวลานี้เป็นมะเร็งในต่อมลูกหมาก ไปหาหมอหลายครั้ง ครั้งล่าสุดมี ๒ ทางให้เลือกคือ ๑) ไปงานสลายธาตุ (ฌาปนกิจ) หลวงพ่อปัญญานันทะ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ หรือว่า เข้ารับการผ่าตัด หมอบอกว่า หากไม่รีบผ่าตัดจะลุกลาม ท่านตัดสินใจผ่านตัด ทุกอย่างพร้อม แต่หมอก็บอกว่า ๕๐ๆ นะ กรณีดมยา ท่านคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายบอกหมอว่า ไม่ผ่าตัดแล้ว และเดินทางออกจากโรงพยาบาลไปงานสลายธาตุหลวงพ่อปัญญานันทะ ที่จังหวัดนนทบุรี กลับจากนั้น ปรับเปลี่ยนอาหารการกินทั้งหมด มุ่งหน้าเดินจงกรม นั่งสมาธิบนศาลาปฏิบัติธรรม โดยงดการพบปะจากใครๆทั้งสิ้น "ถ้ากูตาย มึงก็ต้องตาย" คือความคิดที่อยู่ในใจของท่านกับการที่ท่านต้องอยู่ให้ได้กับมะเร็ง "ดังนั้น มึงคิดดูเอาเอง เจ้ามะเร็งเอ๋ย" ต่อมาท่านไปให้หมอตรวจ พบว่า ขนาดของมะเร็งลดลง ท่านเชื่อว่า การที่มะเร็งไม่ขยายตัวเกิดจากการปฏิบัติธรรมของท่าน ปัจจุบันนี้ ท่านเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับผู้ป่วยมะเร็งของโรงพยาบาล ท่านสงสารคนที่เป็นมะเร็งแล้วจิตใจทุกข์ แสดงออกทางสีหน้าว่าเครียด เศร้า กลัว หน้าตาหมองคล้ำ แตกต่างจากท่านที่หน้าตาสดชื่น ดูไม่รู้ว่าเป็นโรคมะเร็งที่ใครๆกลัวกัน

  มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมจำได้จากการเล่าสู่กันฟัง ท่านบอกว่า มีอยู่ครั้งนึ่ง ท่านไปปฏิบัติศาสนกิจ แล้วรถเกิดอุบัติเหตุ ท่านแขนหัก ทันทีที่รู้ว่าตัวเองแขนหัก ภาพที่ท่านเคยหักขานก หากปีกไก่ ก็มาปรากฎต่อหน้าท่าน ทำให้ท่านตระหนักว่า "โอ้ จิตมันเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ตลอด ทั้งที่เราคิดว่าเราลืมไปแล้ว" เรื่องนี้ผมนึกถึงเรื่องเล่าที่หลวงพ่อจรัญเล่าและบันทึกไว้ในหนังสือ เมื่อตอนที่ท่านประสบอุบัติเหตุเหมือนกัน ทำให้ผมนึกไปถึงข้อความประมาณว่า "ความชั่วแม้เพียงนิดก็น่ากลัว" ซึ่งเป็นคำสอนในพุทธศาสนา แต่จำตัวบทเต็มๆ ไม่ได้

  ก่อนกลับจากวัด เราขอเก็บภาพที่ระลึกไว้ เบื้องหนังภาพของเราคือ โลงศพที่ท่านได้เตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับร่างกายที่เหมือนท่อนไม้เก่าไร้ความรู้สึกของท่านที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า โลงศพนี้ทำให้นึกเนื้อหาที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ได้สอนไว้ ซึ่งมีคนใจดีนำมาลงในยูทูบให้คนไกลอย่างผมได้ฟัง กรณี พระพุทธเจ้าถามพระอานนท์ว่า ระลึกถึงความตายมากน้อยแค่ไหนต่อวัน พระอานนท์ตอบว่า พันหน พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรานึกถึงทุกขณะจิต โลงศพที่ท่านพระครูฯตั้งไว้นี้ ผมเป็นคนหนึ่งที่เห็นโลงแล้วนึกถึงความตาย ดังนั้น ไม่ใช่เฉพาะท่านเท่านั้นที่นึกถึงความตาย แต่คนที่มาเยี่ยมเยียนท่านด้วยได้นึกถึงความตาย

เอเมน

 หมายเหตุ ผู้บันทึกไม่ใช่นักบุญ ไม่ค่อยได้ทำบุญ ไม่ค่อยได้เข้าวัด เข้าวัดก็มักไม่ได้คุยกับพระ มักเดินเล่น ดูโน้น นี้ นั้น ตามประสา ไม่ใช่นักปฏิบัติธรรม และเมื่อมีใครชวนก็มักจะเกิดความคิดไม่ชอบปฏิบัติธรรม เรื่องที่เขียนบันทึก เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยที่เชื่อในการปฏิบัติธรรมว่าสามารถสะกัดกั้นการลุกลามของโรคบางชนิดได้

หมายเลขบันทึก: 644000เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2018 10:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2018 10:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท