ตลอดสัปดาห์..หรือ ๕ วัน ที่จัดการเรียนการสอน..ผมปรับกิจกรรมบ้างเล็กน้อย..แต่ส่วนใหญ่ก็ยังวนเวียนอยู่กับการอ่านการเขียน และเปลี่ยนกลุ่มนักเรียนบ้าง เพื่อให้ครอบคลุม..และให้นักเรียนมีส่วนร่วม..ทุกชั้น
ในระดับชั้น ป.๑ – ป. ๓..ผมเริ่มจะมั่นใจแล้ว..กับวิธีปฏิบัติของผม คือผมเชื่อว่า..นักเรียนจะเขียนได้ดี ถ้าเขามีแรงจูงใจ หรือมีแรงบันดาลใจที่มากพอ..ดังนั้น..ครูต้องกระตุ้นจิตสำนึก หรือดึงความสนใจของเขาออกมา...
ผมก็เลยให้นักเรียนวาดรูประบายสี..ใช้จินตนาการอย่างอิสระ..จากนั้นก็ให้นักเรียนเขียนเล่าเรื่องบอกความรู้สึกนึกคิด..ลำดับเรื่องราว ขยายภาพเป็นตัวหนังสือถ่ายทอดออกมา บางครั้งผมก็ใช้อุปกรณ์ช่วย..ให้นักเรียนวาดรูปบนแกนกระดาษ เพิ่มสีสันสนุกสนาน..
สมุด ผอ...ที่ผมใช้เป็นข้อมูลติดตามการเรียนรู้ของนักเรียน ก็ยังคงเข้มข้นต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง..นักเรียนยังตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานในสมุด..เด่นชัดที่ลายมือและความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย..สวยงาม
ขณะเดียวกัน..ก็ต้องพัฒนากล้ามเนื้อมือนักเรียนด้วย ผมใช้การรดน้ำพรวนดิน ที่แปลงผักปลอดสารพิษ ผลที่ได้ตามมา คือนักเรียนรู้รักสามัคคี มีความอดทน มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และการทำงานร่วมกันได้ระหว่างเพื่อน พี่ และน้อง..
สัปดาห์ก่อน..เก็บเกี่ยวงาดำ..ทำครั้งแรกแต่ก็ได้ผลผลิตดี ส่วนที่ทำทุกปี คือ การทำนา แต่ปีนี้..ผลผลิตไม่ค่อยดี เพราะทำนาหว่าน..ทำนอกฤดูกาล ..ได้ผลน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ทำต่อเนื่อง ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการเรียนรู้..บูรณาการได้พอสมควร..
เกี่ยวข้าว..ไม่ทันเสร็จ..เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการจัดกิจกรรม..ให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของโรงเรียนที่ว่า”..สำนึกดีตามวิถีไทย..”ผมให้นักเรียนร้องเพลงพื้นบ้าน เป็นเพลงเกี่ยวข้าว..การละเล่นพื้นบ้านของคนไทยภาคกลาง ร้องบรรเลงกันกลางทุ่งนา..ช่วงเวลาแดดร่มลมตก
ป.๕ เป็นคนร้อง..ป.๖..เป็นลูกคู่ ปรบมือให้จังหวะ..ก็ถือว่า..เป็นท้องนาแห่งบ้านหนองผือ ถือเป็นความคุ้มค่าแห่งปี..ที่เหลือ..ผมจะเติมน้ำเข้านา หมักตอซังและเศษหญ้าให้เป็นปุ๋ยต่อไป..
ป.๔..เริ่มพิสูจน์ตัวเองได้แล้ว..ในแปลงผักปลอดสารพิษ..จะพิชิตผักบุ้งจีนให้ได้ ลงทุนลงแรง ๒ แปลงใหญ่..แบ่งงานกันทำตั้งแต่ต้นจนจบ..พรวนดิน ยกร่อง โรยเมล็ด กลบทับด้วยฟาง..ปิดท้ายด้วยรดน้ำให้ชุ่มฉ่ำ ก่อนไปเล่นกีฬา...
เมื่อจะลงสนาม..ไปหาครูพลศึกษา..ผมขอทบทวนกายบริหารมือเปล่า เป็นการอุ่นเครื่อง..โดยใช้เพลงมาร์ชหนองผือ..ตามด้วยเพลง..”ค่านิยม ๑๒ ประการ” ไม่คิดเลยว่า..เพลงที่แต่งขึ้นเพื่อร้องปลุกใจ..และเพลงของภาครัฐ..ที่ต้องการสร้างจิตสำนึก จะกลายเป็นเพลง..เพื่อประกอบกายบริหารของโรงเรียน..
ใกล้ค่ำแล้ว...กรรมการสถานศึกษา..มาติดตามการทำงานของรถไถ..ในพื้นที่งาดำ เนื้อที่ ๒ ไร่..ถามผมว่า..จะปลูกอะไร..? ผมบอกว่าจะปลูก..”ถั่วเขียว” จากนั้นก็จะไถกลบเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับผืนดิน..แล้วค่อยปลูกงาดำ.อย่างเคย..
กรรมการฯเลยแนะนำ..ให้ปลูกถั่วเขียวอย่างจริงจัง..เขาจะช่วยรดน้ำ..เขาบอกด้วยว่า..ถั่วเขียวปลูกง่าย ราคาดี มีประโยชน์ เก็บผลผลิตแล้วค่อยไถกลบก็ได้..
นับว่างานนี้..เป็นอะไรที่ดีเยี่ยม..ได้เรียนรู้กิจกรรม ได้ทำงานกับชุมชน..เปี่ยมล้นสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่าต่อการเรียนการสอน..ยิ่งนัก..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
ขอมอบกำลังใจแก่ท่าน ผอ.นักพัฒนาการศึกษาครับ