GotoKnow

อย่าทำแบบนี้เลย..เสียมากกว่าได้ประโยชน์

seangja
เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2549 23:26 น. ()
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2555 16:33 น. ()

ได้รับข่าวจากเพื่อนเล่าให้ฟังถึงแนวคิดในการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่ยังอยู่ในระยะปฏิเสธผลการตรวจ..ก็จะไปตรวจซ้ำตามที่ต่างๆหลายแห่ง..ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะร่วมมือประสานงานกับหน่วยประกันสุขภาพมีมุมมองว่าการตรวจซ้ำๆเช่นนี้ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองทรัพยากรในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ(ทั้งเงินและเวลา)ก็เลยมีแนวคิดที่จะออนไลน์ข้อมูลและตรวจเช็คได้ว่าผู้มาขอตรวจรายนี้ได้เคยตรวจพบว่าติดเชื้อเอชไอวีแล้วหรือยัง...ถ้าตรวจและพบแล้วว่าติดเชื้อก็จะได้ทำการปฏิเสธไม่ต้องทำการตรวจซ้ำให้ใหม่

ฟังแล้วปวดใจและหงุดหงิดมากกับแนวทางการแก้ปัญหาแบบนี้เพราะถ้ามีการออนไลน์ดูว่ามีรายชื่อใครบ้างที่ตรวจเจอว่าติดเชื้อเอชไอวี..สิ่งที่ผู้ให้การปรึกษาเคยให้ข้อมูลหรือสร้างความไว้วางใจในการเก็บรักษาความลับแก่ผู้ใช้บริการก็คงล่มสลายไป..ปกติกว่าจะเชิญชวนบอกกล่าวให้ผู้ที่พฤติกรรมเสี่ยงหรือสงสัยว่าจะติดเชื้อเอชไอวีตัดสินใจตรวจเลือดได้ก็ต้องใช้ทั้งเวลา ความอดทน และการสร้างความไว้วางใจ..ต่อไปหากเกิดมีการฟ้องร้องฐานนำข้อมูลส่วนบุคคลมาเปิดเผยควรจะฟ้องใครหรือหน่วยงานไหนเป็นอันดับแรกดี..

แม้จะมีผู้ติดเชื้อบางส่วนเป็นนักช็อปปิ้งแอบไปตรวจเลือดซ้ำตามที่รพ.หลายๆแห่งแต่เป็นส่วนน้อยมาก..แทนการแจ้งชื่อว่าใครตอนนี้ติดเอชไอวีแล้วจะได้ไม่ต้องให้ตรวจซ้ำ..อยากให้หาเหตุผลหรือข้อมูลว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผู้ป่วยตระเวนไปยังรพ.อื่นๆแทนที่จะอยู่หรือใช้บริการในท้องถิ่น..เพราะเขาต้องการความมั่นใจในการตรวจใช่หรือไม่ซึ่งถ้ารพ.ทุกที่พัฒนามาตรฐานการตรวจวินิจฉัยและการบำบัดรักษาที่เหมือนกันและมีมาตรการในการดูแลและไม่ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกว่าเขากำลังถูกเปิดเผยความลับ..เขามีความสะดวกและสบายใจที่ได้มารับบริการ..สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เป็นสิ่งเราควรใส่ใจและเป็นคำตอบที่เรามักได้ยินจากผู้ใช้บริการจากต่างถิ่นไกลๆพูดถึงเสมอเมื่อเราถามถึงเหตุผลว่าเพราะอะไรคุณจึงเดินทางมาไกลๆเพื่อมารับการรักษาที่นี่..

สิ่งที่นึกถึงนอกจากมูลค่าที่วัดได้,เป็นประโยชน์ทางหลักการเงินแล้ว เช่น เงิน ค่าใช้จ่ายแล้ว ในกรณีของเอชไอวีนั้น มูลค่าที่ไม่ได้เป็นตัวเงินแต่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง เช่น ผลกระทบต่อบุคคลทางด้านสังคม ก็อยากให้คำนึงถึงด้วยค่ะ



ความเห็น

  • เห็นด้วยค่ะ ที่จะยังคงการเป็นความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลเหมือนเดิม แม้จะปรับเปลี่ยนให้สามารถทราบในวงเฉพาะกลุ่มแบบนี้ก็ตาม เพราะในบรรยากาศของสังคมไทย ที่ยังยอมรับผู้ป่วยเอดส์ได้ไม่สนิทใจ จะเป็นผลกระทบต่อผู้ป่วยได้

  • ถ้าใช้วิธีนี้จริง ๆ คงมีคนไม่กล้าไปตรวจเลือดเหมือนกันนะคะ....น่าจะหาวิธีที่รัดกุมและแก้ไขต้นตอของปัญหาได้ดีกว่านี้นะคะ
Mitochondria
เขียนเมื่อ
  • แนวคิดการ online ข้อมูล HIV นี้ น่าจะผิดต่อจริยธรรมและสิทธิผู้ป่วยครับ
  • แม้ผู้ป่วยจะตรวจในโรงพยาบาลของรัฐ หรือเครือข่ายไม่ได้ แต่ก็ไปตรวจที่อื่นได้มากมาย การ online ไม่ได้มีประโยชน์ครับ
  • ข่าวที่ผ่านมา ทำให้เราทราบว่าแม้ผลการตรวจจะเป็นเลือดบวก แต่แพทย์ก็ไม่ได้ยืนยัน 100 % และอาจมีความผิดพลาดทางด้านการตรวจได้อีกบ้างเล็กน้อย การที่ผู้ป่วยต้องการตรวจหลายๆที่เพื่อตอกย้ำให้มั่นใจ ก็น่าจะเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของเขาครับ
  • ลองคิดเล่นๆ ดูสักรายนะครับ ว่าถ้ามีผู้ป่วยรายใดรายหนึ่ง เกิดผลบวกปลอมจากการตรวจโรคนี้ แล้วผล online ไปหมด ทำให้เขาไปตรวจที่อื่นไม่ได้ ชีวิตเขาทั้งชีวิตต้องจบสิ้นลง ใครควรรับผิดชอบครับ ผู้ป่วยควรมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจทำ หรือไม่ทำการใดๆ เกี่ยวกับตัวเขาครับ คนรอบข้างควรเป็นเพียงผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเท่านั้นครับ
seangja
เขียนเมื่อ

ขอขอบคุณทั้งคุณปวีณาและคุณmitochondiaที่ได้ร่วมกันลปรร...ได้ยินข่าวนี้แล้วไม่สบายใจมากๆและที่สำคัญมีผลมากกับการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเอชไอวีทั้งระบบเลยทีเดียว

-ทราบมาเหมือนกันค่ะว่าในการตรวจควรจะต้องมีการควบคุมคุณภาพในการตรวจและการสร้างระบบมาตรฐานการตรวจซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้การตรวจวินิจฉัยและการส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาดีขึ้น...

-เท่าที่ทราบมาตอนนี้พี่ที่อยู่ในสอวพ.ก็กำลังคุยและทำความเข้าใจอยู่ค่ะ..มีข่าวคืบหน้าอย่างไรจะเก็บมาเล่าให้ฟัง...


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย