เมื่อฉันป่วยเป็นเนื้องอกมดลูก (ตอนที่ 1)


เนื้องอกมดลูก เรื่องใกล้ตัวผู้หญิง

                 ปกติฉันเป็นคนแข็งแรง  ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรนัก  แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา    ฉันรู้สึกมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายฉัน เมื่อใช้มือคลำที่บริเวณท้อง ได้เจอก้อนแข็งๆ ฉันรู้สึกกังวลเล็กน้อย  ในใจก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอก  คงเป็นเพราะอ้วน ลงพุง ไขมันเยอะ  เมื่อสังเกตุประจำเดือน ปรากฎว่ามีเลือดประจำเดือนออกมาค่อนข้างเยอะ  เป็นลิ่มเลือดน่าตกใจ  แต่ไม่มีอาการปวดท้อง  และฉันก็ยังวางใจว่าไม่เป็นไรต่อไป  ประกอบกับหลายคนบอกฉันว่าไม่เป็นไรหรอกสงสัยประจำเดือนใกล้จะหมด  ด้วยวัย 47 ปี  ซึ่งมากพอสมควรนั้น  ผนังมดลูกจะหนาขึ้น เมื่อมีประจำเดือนผนังมดลูกจะหลุดลอกออกมาเป็นลิ่มเลือด  ก็เลยมีอาการแบบนี้  

                  วันหนึ่งฉันมีโอกาสคุยกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งถึงอาการเจ็บป่วยของเขาที่ต้องไปผ่าตัดก้อนเนื้อมดลูกที่โรงพยาบาลศิริราช  เขาเล่าอาการให้ฟังอย่างละเอียด  ซึ่งมันเป็นอาการเดียวกับที่ฉันกำลังเป็นอยู่เลย  ฉันเริ่มรู้สึกกังวลอีกแล้ว   หลังจากนั้นได้พูดคุยกับเพื่อนอีกหลาย ๆ คน  บางคนก็เป็นมานานแล้ว  ผ่าตัดเนื้องอกมดลูกออกไปเรียบร้อยแล้ว  บางคนตัดรังไข่ไปก็มี  แล้วแต่อาการของแต่ละคน   ความกลัวเกิดขึ้นกับฉันอย่างช่วยไม่ได้  ฉันตัดสินใจให้เพื่อนที่เคยเป็นเนื้องอกมดลูกแบบเดียวกับฉันคลำก้อนในท้อง  เธอคลำเจอเช่นเดียวกับฉัน และอาสาพาฉันไปพบคุณหมอที่คลินิกสูตินรีเวช  เพื่อยืนยันอีกครั้งว้ามีเนื้องอกในมดลูกจริง ๆ ทันที  เมื่อพบคุณหมอ ก็ได้ถามอาการเล็กน้อย   และใช้มือมาคลำหน้าท้องฉัน  หมอบอกว่าฉันเป็นเนื้องอกมดลูก ขนาดโตพอประมาณ เพราะคลำเจอแล้ว   และแนะนำให้ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลทันที

                  ฉันไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด  แผนกสูตินรีเวช  ในเวลาต่อมา   วันนั้น คนไข้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับเนื้องอกมดลูกเยอะมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของผู้หญิง และคนไข้เยอะก็เป็นเรื่องปกติของระบบบริหารจัดการด้านการบริการสาธารณสุขในต่างจังหวัด  ฉันไม่ได้พบคุณหมอ  ได้พบแต่ผู้ช่วยคนหมอนางหนึ่ง   ซึ่งได้พูดสอบถามอาการของฉันและบอกฉันว่า อาการดังกล่าวน่าจะเป็นเนื้องอกมดลูก. ซึ่งต้องให้คุณหมอตรวจ. แต่วันนี้จะไม่ได้พบคุณหมอเพราะคุณหมอคิวยาววว...  มากกกก....  หากอยากพบคุณหมอเพื่อตรวจว่าเป็นเนื้องอกมดลูกหรือไม่จะต้องนัดตรวจอีกประมาณ 1 เดือน   ซึ่งนานมากเหลือเกินที่จะรอสำหรับฉันในขณะนี้

                 ฉันรอคุณหมอท่านนี้  ไม่ไหวแล้วล่ะ   เพราะฉันรู้ว่าฉันเป็นเนื้องอกมดลูกแน่นอนแล้ว  เพิ่งจะรู้สึกกลัวตายขึ้นมาในทันใด  ฉันได้ติดต่อเพื่อนที่ทำงานอยู่กรุงเทพมหานคร   ว่าฉันจะไปหาหมอแล้วนะ  เธอก็ใจดีเหลือเกินติดต่อคุณหมอสูตินรีแพทย์ที่รู้จักให้ท่านหนึ่งและมีประสบการณ์ในการผ่าตัดเนื้องอกมดลูกมาอย่างโชกโชน  และแนะนำให้ฉันเดินทางไปทำการตัดเจ้าก้อนเนื้อในมดลูกของฉันที่กรุงเทพฯ  ทันที  

               ได้พบหมอวันที่ 4 เมษายน 2560  คุณหมอได้ทำอัลตร้าซาวด์หน้าท้อง  ซึ่งก็ตรวจเจอก้อนเนื้อในมดลูก  ความยาว ประมาณ 10 เซนติเมตร  คุณหมออธิบายถึงแนวทางการรักษาว่า  คนไข้ที่มีบุตรแล้ว  และอายุใกล้ถึงวัยหมดประจำเดือนแล้ว  หากจะใช้วิธีการรักษาแบบผ่าตัดเฉพาะก้อนเนื้อในมดลูกออกไปก็สามารถทำได้  แต่คนไข้อาจมีโอกาสกลับมาเป็นเนื้องอกในมดลูกได้อีก  หรือเป็นบริเวณใกล้เคียงได้เช่นกัน  เช่น. รังไข่ ปีกมดลูก ปากมดลูก และหากจะตัดมดลูก และรังไข่ เพื่อเอาก้อนเนื้อออกไปด้วยพร้อมกันนั้น ก็สามารถทำได้  แต่มีผลข้างเคียงคือ จะต้องเข้าสู่ภาวะที่ไม่มีรังไข่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้  และจะเข้าสู่วัยทองโดยปริยาย  ซึ่งคุณหมอก็อธิบายเสียยาวเหยียดที่เดียว  ก่อนที่จะให้ฉันไปตรวจร่างกาย   อื่น ๆ อีก  ได้แก่  ตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า   เอกซเรย์ปอด   และตรวจเลือดเพื่อดูความเข้มข้นของเลือดว่าปกติดีมั้ย  มีภาวะเสื่ยงอะไรบ้าง  ดูการทำงานของไต   และดูระดับน้ำตาลในเลือด  เป็นต้น   เพื่อเตรียมพร้อมในการรักษาต่อไป

                นัดผ่าตัดก้อนเนื้อมดลูกในวันที่ 29 พฤษภาคม 2560   ที่รอนานเพราะคุณหมอต้องไปต่างประเทศช่วงกลางเดือนเมษายน  หากจะนัดผ่าตัด   ต้นเดือนพฤษภาคม  ก็ต้องดูว่าไม่ตรงกับวันที่มีประจำเดือน  เพราะหากผ่าตัดตอนมีประจำเดือนร่างกายจะเสียเลือดมาก  เลยต้องเป็นวันที่ 29 พฤษภาคม 2560  ซึ่งฉันต้องไปนอนรอที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนผ่าตัดเอาก้อนเนื้อในมดลูกออกไปในวันที่ 28 พฤษภาคม 2560 แต่เมื่อฉันตรวจเลือดหาคว่มเข้มข้นของเลือด ผลปรากฎออกมาว่าฉันซีด เลือดจางมาก  จึงต้องนอนให้เลือดก่อนผ่าตัดในวันรุ่งขึ้นอีก 2 ถุง  เนื่องจากร่างกายต้องแบ่งเลือดเพื่อไปเลี้ยงก้อนเนื้อที่อยู่ในมดลูกเรานั่นเอง  เลือดจึงสูบซีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายส่วนอื่น ๆ  ไม่เพียงพอ จึงเกิดภาวะซีด                                                                                                  ในใจตอนนั้น  กังวลเรื่องการผ่าตัดมดลูกเล็กน้อย  เพราะเป็นคนที่ไม่เคยผ่าตัดใหญ่ขนาดนี้มาก่อน  กลัวการเจ็บ  กลัวห้องผ่าตัด  กลัวต่าง ๆ นานา     มีแต่ลูกชายที่อยู่ใกล้แม่เพียง 1 คน  เท่านั้น   ส่วนคุณพ่อติดงานที่ต้องสะสางให้เสร็จก่อน  แล้วจะตามมาที่โรงพยาบาลในภายหลังวันผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว  แต่ฉันเชื่อว่าลูกเราโตพอที่จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ได้  ในเวลาต่อมาพยาบาลประจำตึกเข้ามาทำความเข้าใจและอธิบายให้ฉันทราบว่า  การปฏิบัติตัวทั้งก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดก้อนเนื้อมดลูกควรทำอย่างไรบ้าง  พร้อมทั้งให้อ่านแผ่นพับและให้ฝึกปฏิบัติ  ฝึกหายใจเข้าออก เพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด  การปฏิบัติไม่ให้เกิดอาการท้องอืดหลังผ่าตัด  โดยการขยับร่างกายและพลิกตัวบนเตียง  ตอนบ่ายวันเดียวกันพยาบาลวิสัญญีได้เข้ามาพบฉันและพูดคุยกันเรื่องการทำให้หลับขณะผ่าตัดก้อนเยื้อมดลูก  ซึ่งมี     2 วิธี  คือ  การบล็อคหลัง   และการดมยาสลบ    และอธิบายถึงข้อดีและข้อเสียของทั้ง 2 วิธี  ว่า....กรณีบล็อคหลัง (ฉีดยาระงับความรู้สึกทางช่องน้ำไขสันหลัง )  จะปวดแผลน้อยกว่าหลังผ่าตัด เนื่องจากระบบประสาทถูกสกัดจากยาชาก่อนที่จะเกิดบาดแผล ทำให้ความปวดหลังผ่าตัดจะน้อยกว่าการวางยาสลบ    ผิดกับการวางยาสลบ  เพราะยาสลบจะไปกดสมองไม่ให้รับรู้ความเจ็บปวด  แต่ระบบประสาทไขสันหลังและระบบประสาททั่วร่างกายยังทำงานอยู่  เมื่อหมดฤทธิ์ยาสลบ ก็จะปวดมาก  จึงแนะนำฉันว่าน่าจะบล็อกหลังดีกว่า ซึ่งฉันก็เคยบล็อกหลังลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง  ตอนคลอดลูกทั้ง 2 คน     แต่อย่างไรก็ตาม  คุณพยาบาลวิสัญญีก็บอกฉันอีกครั้งว่าคุณหมอท่านที่ผ่าตัดเนื้องอกมดลูกให้ฉันนั้น เลือกที่จะวางยาสลบให้คนไข้มากกว่าการบล็อกหลัง  แต่เธอจะบอกคุณหมอให้อีกครั้งในห้องผ่าตัดว่าฉันเลือกวิธีบล็อกหลัง.......

                  

หมายเลขบันทึก: 640538เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2017 23:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2017 23:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

-สวัสดีครับ

-ตามมาอ่านเรื่องราวจากบันทึกนี้

-ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

-รอติดตามอ่านในตอนต่อไปครับ..

-ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงแล้วใช่หรือเปล่าครับ?

-สู้ๆ ครับ..

สวัสดีค่ะ. 

คุณเพชรน้ำหนึ่ง...  

ตอนนี้พึ่งหัดเขียนบันทึกค่ะ เหมือนเด็กหัดเดินค่ะ  ตอนนี้แข็งแรงดีแล้วค่ะ  แต่เริ่มมีอาการของคนทีี่เข้าสู่วััััััััยทองค่ะ มั่งคั่งขึ้นเยอะ

ขอบคุณมากค่ะที่ให้กำลังใจ


น่ากลัวเหมือนกันนะพี่ พยายามตรวจสุขภาพทุกปีค่ะ

เพิ่งตรวจเจอเมื่อวาน ... ขนาด 1.3-3 cm ก็ตัดสินใจแระ ... เข้ากรุงดีกว่า....ได้อ่านของเพื่อนแล้ว ไม่ควรรีรอ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท