-ยามปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้ น้ำในนาเริ่มลดระดับลง ปูปลาเริ่มหาที่อยู่อาศัย หนีลงที่ลุ่มต่ำ แหล่งอาหารแบบพื้นบ้าน ที่หาอยู่หากินได้ตามวิถีแห่งท้องนา ได้ฉายภาพขึ้นมาทับซ้อนภาพเก่าก่อน ตอกย้ำการดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายของครอบครัวชาวนา ดังเช่นครอบครัวของ"ป้าแป้น"ที่วันนี้ผมได้มีโอกาสได้เรียนรู้การทำเมนูอาหารแบบง่ายๆ ที่แฝงไปด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ส่งต่อและสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนของคนที่นี่ครับ...อาหารแบบง่ายๆ ไม่มีการปรุงแต่งอะไรที่มากจนเกินไปนักแบบนี้เอง ที่ช่วยดึงดูดใจของผมให้ไปเก็บภาพและเรื่องราวเอาไว้ พร้อมกัับเก็บมาบันทึกบนสมุดออนไลน์เล่มนี้เอาไว้เพื่อแบ่งปันให้กับกัลยาณมิตรที่เข้ามาติดตามอ่าน เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปปรุงเมนูแบบบ้าน ๆ อะไรนั้น พร้อมแล้วตามผมไปปรุงเมนูเด็ด ที่มีชื่อว่า"น้ำปลาปู"ได้แล้วคร้าบ!!!!
1.ในช่วงสายๆ ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(08/10/60) ตัวผมเองได้มีนัดกับ"ป้าแป้น"ครับ...โดยวันนี้"ป้าแป้น"จะสอนผมทำอาหารพื้นบ้านของคนพรานกระต่าย ซึ่งตัวผมเองก็พึ่งจะมีโอกาสได้ลิ้มลองเมนูนี้ครับ..และเมื่อมีจังหวะดีๆ ที่จะได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตเอาไว้ ดังนัั้นผมจึงไม่รีรอที่จะตามไปเก็บภาพและเรื่องราวของการทำ"น้ำปลาปู"มาบันทึกเอาไว้ครับ...สำหรับ"น้ำปลาปู"ที่ท่านกำลังจะได้เรียนรู้กับผมนั้น "ป้าแป้น"เล่าให้ผมฟังว่าเป็นการถนอมอาหารอีกแบบหนึ่งของผู้คนที่นี่ครับ นอกจากจะได้เก็บเอาไว้กินนานๆ แล้ว สิ่งที่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือการได้อาหารทีีอร่อยอีกเมนูหนึ่งด้วยล่ะครับ สำหรับขั้นตอนในการทำ"น้ำปลาปู"นั้น เราก็จะนำเอา"ปูนา"ตัวโต ๆ ที่มีมากในฤดูนี้มาแกะแยกกระดองกับอกปู ปูนาในยามนี้ขอบอกว่าสุดยอดแห่งอาหารบ้านนาเลยล่ะครับ....
2.หลังจากแกะปูเสร็จแล้ว เราก็นำเอาปูมาโขลกให้ละเอียด และเติมเกลือเม็ดลงไปด้วย โขลกให้ปูละเอียดดีแล้วก็ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการนี้แล้วล่ะครับ....
3.เสร็จแล้วก็นำเอาปูที่โขลกละเอียดแล้วมากรองด้วยกระชอน ในส่วนของขั้นตอนนี้ เพื่อให้ได้เนื้อปูอย่างเต็มที่ ดังนั้นเราจึงต้องนำเอาเนื้อปูที่กรองแล้วมาโขลกอีกรอบหนึ่งด้วยนะครับ ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เพิ่มความเข้มข้นได้อีกมากเลยทีเดียวครับ...
4.เมื่อกรองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไป"ป้าแป้น"ก็จะทำการแกะมันปูออกมาจากกระดองครับ วิธีการนี้เป็นการนำเอา"มันปู"ที่ติดอยู่กับกระดองออกมาเพื่อผสมในน้ำปูที่กรองไว้ เพื่อเพิ่มความหอมและได้ความันจากมันปูนั่นเองครับ...เพียงได้เห็น"มันปู"แบบนี้แล้วก็คิดว่าเมนูนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะครับ...
5.สำหรับเครื่องปรุงที่ลืมไม่ได้นั่นก็คือ"ข้าวคั่ว"กับ"ข้าวสุก"ครับ โดยข้าวคั่วจะช่วยทำให้"น้ำปลาปูเข้มข้นขึ้น"ส่วนข้าวสุก "ป้าแป้น"บอกว่าจะช่วยทำให้"น้ำปลาปู"มีรสเปรี้ยวขึ้นนั่นเองครับ...เพื่อความอร่อยแบบเต็มสูตรงานนี้คนข้างกาย(มดตะนอย)ก็ได้ลงมือโขลกข้าวคั่วให้ละเอียดเตรียมเอาไว้ให้"ป้าแป้น"ปรุงเมนูต่อไปครับ...
6."ป้าแป้น"ลงมือปรุง"น้ำปลาปู"ด้วยความชำนาญครับ โดยนำเอา"มันปู"ที่แกะไว้มาเทรวมลงไป และเติมข้าวคั่วพร้อมกับข้าวสุกลงไป ชิมรสให้ออกเค็มตามชอบ เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นกระบวนการทำ"น้ำปลาปู"แล้วล่ะครับ...
7.หลังจากนั้นก็ได้นำเอา"น้ำปลาปู"เทลงในกระปุกเพื่อทำการหมักเอาไว้สัก 1 คืน ครับ "ป้าแป้น"ได้บอกกับผมว่าหากต้องการให้"น้ำปลาปู"มีรสเปรี้ยวมากก็ทิ้งเอาไว้นานหน่อย หากไม่ต้องการให้เปรี้ยวมากก็ให้หมักเอาไว้ประมาณ 1 คืน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว หลังจากนั้นก็ให้นำเอา"น้ำปลาปู"ไป"หลน"ให้สุก ทิ้งไว้ให้เย็น กรอกใส่ขวดเก็บเอาไว้ในตู้เย็นเก็บไว้กินได้นานเลยล่ะครับ...
8.เมื่อหมัก"น้ำปลาปู"เอาไว้ประมาณ 1 คืน แล้วผมก็ได้นำเอา"น้ำปลาปู"มาหลน โดยเจียวหอมแดงให้หอม ใส่"น้ำปลาปู"ลงไป เคี่ยวให้สุก เพียงเท่านี้ก็ได้"น้ำปลาปู"ที่อร่อย พร้อมกับเก็บผักสดๆ จากสวนมากินกับ"น้ำปลาปู"ได้อย่างอร่อยแบบบ้าน บ้าน เลยล่ะครับ...
9.และนี่ก็คือวิธีการดำรงชีพแบบเรียบง่าย ของครอบครัว"ป้าแป้น"ครับ สำหรับตัวผมเองแล้ว ถือได้ว่า"ป้าแป้น"เป็นครูที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาต่างๆ ให้กับผมมากมายหลายอย่างเลยล่ะครับ และเพื่อเป็นการเก็บเอาภูมิปัญญาดี ดี เหล่านี้เอาไว้ ผมจึงขอเก็บเรื่องราวต่างๆ มาบันทึีกเอาไว้เพื่อส่งต่อไปยังคนรุ่นหลังต่อไปครับ...
สำหรับวันนี้ขอขอบคุณ"ป้าแป้น"และ"ทีมงาน"คนต้นเรื่อง ที่ได้ถ่ายทอดเมนูอร่อยๆ แบบนี้เอาไว้และขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาตามติดภารกิจของการทำ"น้ำปลาปู" มา ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบ!!!!!
สวัสดีครับ
เพชรน้ำหนึ่ง+มดตะนอย
11/10/2560
อยากชิม อ้ะะๆๆๆ
เคยอ่านจากหนังสือตอนเด็ก ๆ "น้ำปู๋"
อันเดียวกันหรือเปล่าครับ ดูน่าอร่อย
น้ำลายสอเลยครับ
น่ากินมาก
ตอนเด็กเคยจับปูได้มากๆ
แต่ไม่เคยทำแบบนี้เลย
เอามาชุบแป้งทอดหมด
เอาไว้เจอจะลองดูนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ
ตื่นมากลางดึก พบบันทึกนี้ รีบรี่เข้าครัว
โอ๊ย !!!! ขนาดไม่เคยกินเมนูนี้ น้ำลายยังสอเลย
เคยกินแต่ขนมจีนน้ำยาปู ขั้นตอนหลังกรองน้ำปูแล้ว เอามาปรุงต่อเป็นน้ำยาขนมจีน หากินไม่ได้ง่าย ๆ แล้วค่ะ .... เปรี้ยวปาก อิ อิ
-สวัสดีครับยายธี
-รอต้อนรับยายเลยครับ...
-ด้วยความระลึกถึงครับ..
-สวัสดีครับคุณอัครพงษ์
-คนละอย่างครับ
-น้ำปู๋ เป็นเมนูของคนพื้นบ้านทางล้านนา
-ส่วน"น้ำปลาปู"เป็นอาหารของคนทางนี้ครับ
-วิธีการทำคล้ายๆ กัน เพียงแต่น้ำปู่ อาจจะต้องเคี่ยวไฟให้ข้นหนืดกว่าน่ะครับ
-เอาไว้มีโอกาสจำนำเสนอเรื่อง"น้ำปู๋"ครับ
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจนะครับ
-สวัสดีครับอาจารย์ต้น
-เมนูนี้อร่อยครับ
-ยิ่งได้ผักสดๆ มาจิ้มด้วยแล้ว...ข้าว 2 จานครับ 55
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมยามกันนะครับ
-สวัสดีครับครูมะเดื่อ
-สุขภาพกาย สุขภาพใจ แข็งแรงดีแล้วครับพี่ครู
-ใช่แล้วครับ เดี๋ยวนี้มีการเลี้ยงปูนา
-แต่ที่นี่ยังมีปูนาในธรรมชาติเยอะครับพี่ครู
-ขอบคุณครับ
-สวัสดีครับครูขจิต
-หากมีโอกาสต้องลองดูนะครับ
-อร่อยดีครับ
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจทีมงานบ้านทุ่งด้วยนะครับ
-สวัสดีครับท่านวอญ่า
-รอต้อนรับท่านอยู่ครับ
-รอ ๆ ๆ ๆคร้าบ 55
-สวัสดีครับพี่หมอธิ
-แซบคักครับ
-ยังมีเมนูน้ำยาปูนาครับ
-รอบันทึก 555
-ขอบคุณครับ