ครบเวลา1ปีเกือบพอดีที่มาทำงานในสถาบันแห่งใหม่ก็ได้รับคำสั่ง ให้ไปอบรม ก้าวแรกสู่อาจารย์มืออาชีพ ด้วยความที่ทำงานในสถาบันอุดมศึกษามาตลอด16ปี แถมด้วยดีกรี กศ.บ.เกียรตินิยมอันดับ1 จึงมีจิตใจอวดดื้อ ว่าผ่านการอบรมมาแล้วไม่น้อย อีกทั้งงานวิทยากรที่ถูกเชิญไปบรรยายทั่วราชอาณาจักร ก็ยิ่งคิดว่าแน่ว่าเก่ง
เพียงวันเดียวของการอบรม ผมก็รู้ว่าศาสตร์และศิลป์ของการเรียนการสอนในศตวรรษที่21เคลื่อนตัวไปอย่างมาก รูปแบบการเรียนการสอนเดิมๆ ไม่รองรับความก้าวหน้าและพฤติกรรมการเรียนรู้ของมนุษย์ ยุคปัจจุบัน ผมติดใจคำว่าactive learning จนนำมาคิดต่อ ว่าแท้จริงธรรมชาติการเรียนรู้ของมนุษย์เราตั้งแต่เกิดจนแปลงสภาพมันเป็นแอคทีฟ การเรียนรู้แบบpassive อาจเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ในยุคที่ความรู้แยกออกจากชีวิต อย่างน้อยๆ ก็ยุคที่เราเชิดชูความเป็นศาสตร์ แล้วเบียดขับความรู้ชนิดอื่นๆออกไป เมื่อความรู้ไกลตัว คนก็ไม่แอคทีฟรอคนรู้ดีมาป้อนให้ เมื่อความรู้อยู่ไกลบ้านคนก็ทอดทิ้งถิ่นฐานและไปสร้างความเจริญก้าวหน้าในความรู้ที่แยกห่างจากตัวตน
อีกคำคือ engagement learning เขาแปลกันว่าการสร้างความผูกพันต่อการเรียนรู้มั่งหล่ะ แต่ผมรู้สึกกับคำว่าengagement มันคือการทุ่มเทอุทิศตนเพื่ออะไรสักอย่าง การที่เราจะอุทิศตนเพื่ออะไรสักอย่างเราต้องเริ่มจากใจรัก ทุ่มเท จดจ่อ ซึ่งดูจะสอดคล้องกับอิทธิบาท 4อันเป็นคำสอนในศาสนาตะวันออกอย่างยิ่ง ต่อคำถามว่าจะทำอย่างไรให้ผู้เรียนมี engagement learning ผมว่าเราคงต้องทำให้เขามีฉันทะ หรือความรักที่จะเรียนรู้ในสิ่งนั้น อันนี้สอนกันไม่ได้ศิลปะใครศิลปะท่าน ผมก็หวังแค่ตัวเองจะไม่ไปทำลายความรักที่นิสิตมีต่อสาขาวิชาที่เขาเรียนก็พอแล้ว
สุดท้ายผมต้องขอบคุณทีมงานผู้จัดอบรม และต้นสังกัดที่หมายหัวให้ผมมาอบรมถึงสองครั้งสองครา ผมกลับบ้านด้วยความสุขเพราะตอนเดินทางมาอบรมใจผมมันอัดอั้นด้วยน้ำที่ล้นแก้ว แต่พอผมยอมเทน้ำออกครึ่งนึง ผมรู้สึกว่าภาชนะใจผม ขยายออกพร้อมรับอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
ไม่มีความเห็น