(6) เชงเก้นวีซ่า ถึงเวลาลุ้นระทึก...คอยคิวสัมภาษณ์


สัมภาษณ์วีซ่า ชี้ชะตา จะได้ไปยุโรปหรือไม่

รถตู้ออกจากสนามบินภูเก็ตได้ไม่นาน ก็มาติดหงึกอยู่กลางทาง เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น มีแต่คนวนรถกลับมาทั้งนั้น

คนขับรถตู้ของเราอุตสาห์วิ่งต่อไปได้สักพัก ก็ได้รับเสียงตะโกนจากเพื่อนรถตู้คันที่สวนทางมาว่า รถชนกันข้างหน้า ขวางถนน ไม่สามารถไปได้ ให้ย้อนกลับไปอีกทางหนึ่ง

กว่าจะย้อนกลับมาตรงแยกใกล้ๆสนามบิน และไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเป็นถนนสี่เลนเข้าเมืองภูเก็ต ก็เสียเวลาไปประมาณ 30 นาที

เวลาประมาณ 10 โมงเช้า ก็เข้าเขตตัวเมืองภูเก็ต ฝนก็ตก ผู้โดยสารทยอยลงกลางทางบ้างแล้ว เรานั่งภาวนาในใจ ไปถึงเส้นบายพาส ขอให้ฝนซาลงหน่อยเหอะ ไม่งั้น เปียกแน่ๆ

คำภาวนาเป็นจริง ฝนหยุดตอนเราจะลงพอดี ก้าวลงจากรถวิ่งเข้าไปตามป้าย "สถานกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธรัฐเยอรมนี ประจำจังหวัดภูเก็ต" ก็ต้องตกใจกับจำนวนคนที่มารออยู่ก่อนแล้ว เต็มเก้าอี้ทุกตัวเลย เรารีบไปหยิบคิว ได้คิวที่ 10 แต่ขอประทานโทษ วันนี้เปิดรับขอวีซ่าทั้งหมดแค่ 14 คิวเท่านั้นเอง

ออกไปหาขนมและน้ำดื่มที่เซเว่นข้างๆกันมานั่งกินนอกที่ทำการกงสุล เสร็จแล้วเข้าไปนั่งรอด้านใน กลัวถึงคิวตัวเองแล้วจะไม่ทัน ปรากฏว่าแค่ 3 คิวแรกก็ใช้เวลาไปร่วม 2 ชั่วโมง

2 คิวแรก เป็นภรรยาคนไทย มาขอวีซ่าท่องเที่ยวกับสามีชาวเยอรมัน ที่สัมภาษณ์ก็โล่งๆ ยื่นเอกสารตรงนั้น ถามกันตรงนั้น ได้ยินหมดคุยอะไรกันบ้าง เรานั่งฟังแล้วก็ "ท้อใจ" ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้ฟระ

ภรรยาคนไทยเปิดกิจการร้านอาหารที่สมุย เมื่อถูกถามถึงอาชีพ หล่อนแสดงเอกสารเยอะมาก ทั้งใบเสร็จรับ-จ่าย รูปถ่ายร้านอาหารเป็นอัลบั้มๆเลย ฯลฯ เรานั่งฟังแล้วก็เหนื่อยใจ โอ๊ย ถามเยอะขนาดนี้ นี่ถ้ายังไม่ได้จองตั๋ว เราถอดใจไม่ไปแระ

ผ่านไปประมาณ 4-5 คิว ก็ถึงคิวสาวใต้จากนครศรีธรรมราช มีหนังสือเชิญเหมือนเราเลย แต่เธอก็ยื่นเอกสารไม่น้อยหน้ากว่าคนอื่น นางมีสวนยาง สวนปาล์ม รูปถ่ายบ้าน รูปครอบครัว หล่อนเอามาหลายอัลบั้มเลย พร้อมทั้งกางสมุดบัญชีธนาคารอีกหลายเล่ม ใบเสร็จขายยาง ขายปาล์ม โฉนดที่ดิน ฯลฯ 

อีกเคสก่อนหน้าเราประมาณ 2 คิว เป็นสาวใต้ยังวัยสะรุ่นอยู่เลย ได้ยินเขาคุยกันแล้วเลยรู้ว่า นางเคยโดนตม.เยอรมันปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศมาแล้ว คราวนี้มายื่นใหม่ แต่เอกสารการเงินของนางรอบนี้ไม่พร้อม ไม่มีสมุดบัญชีของผู้เชิญที่เป็นฝรั่งมาเป็นเครื่องการันตี ต้องกลับไปเอา Statement ของคนเชิญ เป็น online statement แล้วส่งมาให้กงสุลเพิ่มเติมทางอีเมล์ก็ได้ หรือจะมายื่นใหม่ก็ได้

อีกเคสเป็นโปรแกรมเมอร์สาวไทย รู้จักกับฝรั่งเยอรมันได้ไม่ถึงปี จะพากันไปเที่ยวเยอรมัน สวิส ฯลฯ หลายประเทศเลย โดนเจาะลึกที่มาของรายได้ และการรู้จักกับแฟนฝรั่งว่าเจอกันที่ไหน อย่างไร เราแอบได้ยินว่าเจอกันที่ร้านอาหารหรือสถานบันเทิงนี่แหละ เลยโดยเจ้าหน้าที่ซักถามหนักหน่อยแบบละเอียดยิบ สุดท้ายให้แฟนฝรั่งเขียนจดหมายถึงสถานทูตเยอรมันรับรองรายได้ การเดินทางและการกลับประเทศไทยของแฟนสาว ฯลฯ ด้วย

รายนี้รู้สึกรูปถ่ายไม่พร้อม ต้องไปถ่ายใหม่ แล้วกลับมายื่นเพิ่มหลังพักเที่ยง

เวลาผ่านไปจนถึงบ่ายโมง ก็ถึงคิวของเรา...

ยื่นเอกสารที่เตรียมมาทั้งหนังสือเดินทางเล่มเก่า เล่มใหม่ หนังสือเชิญแบบคนเชิญรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งตัวจริงและสำเนา สำเนาโฉนดที่ดิน (อันนี้จำเป็นเพราะมันแสดงถึงอาชีพของเราที่เป็นชาวสวน) ประกันภัยการเดินทาง... ส่วนตั๋วเครื่องบิน และใบจองโรงแรมไม่ต้อง เพราะเป็นการขอ "วีซ่าเยี่ยมเยือน"

เนื่องจากเลยเวลาเที่ยงมาแล้ว คนสัมภาษณ์ก็หิว คนถูกสัมภาษณ์ก็ท้องร้องและเหนื่อยมาก คำถามที่ถามเราจึงเป็นคำถามปกติทั่วไป ไม่โดนเจาะลึกเหมือนสาวใต้สองคนเมื่อกี้ เช่น ไปกี่วัน คนเชิญเป็นใคร ประกอบอาชีพอะไร รู้จักกันนานแค่ไหน คุยกันบ่อยใหม่ เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราทำอาชีพอะไร รายได้ต่อปีเท่าไหร่ ฯลฯ

พอบอกว่าทำสวนแค่นั้นแหละ โดนถามว่าปลูกไรบ้าง ก็มีทุเรียน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน เธอก็ถามขึ้นมาทันที แล้วทุเรียนใครดูแลไปตั้งครึ่งเดือน (ประมาณว่าเรามีภาระผูกพันที่จะต้องกลับมาเมืองไทยหรือไม่)

นึกว่าจะรอดแล้ว แต่สุดท้ายก็โดนจนได้ ฉโนดที่ดินไม่ได้เอาฉบับจริงมา เพราะติดจำนองอยู่ธนาคาร แถมฉบับถ่ายสำเนาก็ไม่มีหน้าหลัง ที่ระบุว่าติดจำนองอยู่ด้วย เลยโดนขอให้ส่งมาให้ทางอีเมล์เป็นเอกสารเพิ่มเติม

นางเหลือบไปเห็นสมุดธนาคารของเรา ก็ขอดู เราเลยออกตัวว่า มีเงินในบัญชีไม่เยอะนะ นางบอกไม่เป็นไร แล้วเอาไปถ่ายเอกสารแนบเข้าไป

สุดท้ายนางถามว่าจะให้ส่งเอกสารด่วนไปสถานทูตเยอรมันที่กรุงเทพฯวันนี้เลยหรือไม่ จะเสียเงินเพิ่มอีก 500 บาท รวมทั้งหมดประมาณ 4500 บาท เราบอกต้องการเดินทางวันที่ 12 มิถุนายนนี้แล้ว ส่งด่วนไปเลย

คำตอบที่ได้ทำเอาใจแป้วไปเลย "ปกติใช้เวลา 2 สัปดาห์ ไม่รวมวันหยุดนะคะ ทางเราไม่สามารถรับปากได้ว่าจะเสร็จทันหรือไม่ ให้เผื่อวันเดินทางไว้หน่อย และทางเราต้องรอฉโนดที่ดินที่มีหน้าหลังพร้อมทั้งสัญญาจำนองกะธนาคารด้วยค่ะ ทำให้ไม่สามารถส่งด่วนวันนี้ได้นะคะ จะส่งพรุ่งนี้"

เอาแล้วสิ เป็นไงเป็นกัน ให้มันรู้ไป ค่อยลุ้นเอา

การรับเล่มหนังสือเดินทางคืน เราเลือกรับที่สถานทูตเยอรมันที่กรุงเทพฯแทน เพราะถ้าให้ส่งมาที่บ้านทางไปรษณีย์คงจะเสียเวลาอีกเป็นแน่ อีกอย่างเราไปกรุงเทพฯวันที่ 8-9 มิถุนายน ก่อนจะบินไปเยอรมันวันที่ 12 มิย.อยู่แล้ว

สรุปจ่ายตังค์ไป 3,800 กว่าบาท พร้อมค่าปรินท์เอกสาร ค่าถ่ายเอกสารอีก 40 บาท (โดนชาร์จทุกเม็ด) 

อ้อ ลืมบอกไป นางยื่นกระดาษเปล่ากะป่กกามาให้ แล้วให้เขียนจดหมายภาษาอัวกฤษถึงสถานทูตว่าเราเป็นใคร ทำไรที่ไหน จะไปทำไรที่เยอรมัน พักกะใคร ที่ไหน แล้วให้รับรองว่าจะกลับมาชัวร์

งานนี้ ด้นสดภาษาอังกฤษแบบไม่มี auto correcton เหมือนพิมพ์ในคอมพ์ฯ ไป 2-3 นาทีเสร็จ

กว่าจะออกจากสถานกงสุล ก็ปาเข้าไป 14.00 น.แล้ว รีบโทร.หารถ Airport Bus ทันทีเพื่อเข้าสนามบิน แต่ในใจก็คิดว่าคงไม่ทัน เพราะกว่าจะถึงสนามบินเกือบชั่วโมง เครื่องออกพอดี

และแล้วก็เป็นจริงตามนั้น Airport Bus เพิ่งออกไป และผ่านถนนบายพาสไปแล้ว รอบต่อไปออกจากตัวเมืองภูเก็ตเวลา 15.00 น. ถึงบายพาส 15.30 น.

จากเดิมที่คิดว่าขากลับนี่คงจะมีเวลาพอเดินทางเข้าสนามบิน เพราะต้องยื่นขอวีซ่าตอนเช้า เที่ยงออกจากกงสุลไปสนามบิน ทันเวลาขึ้นเครื่องพอดี กลับกลายเป็นว่าขากลับไปขึ้นเครื่องไม่ทันเสียนี่

ยืนรอรถแท้กซี่สักพักหนึ่ง ไม่เห็นมีมาสักคัน เลย google หาเบอร์โทร.บริษัทรถแท้กซี่ภูเก็ต คำตอบจากปลายสายคือ ต้องโทร.จองล่วงหน้า 2 ชั่วโมง และค่ารถเป็นราคาเหมาคือ 600 บาทขึ้นไป

แม่เจ้า ภูเก็ตนี่เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่การคมนาคมขนส่งนี่ มันไม่สะดวกสบาย และราคามหาโหดเอาซะเหลือเกิน

ยืนกรำแดดอยู่สักพักก็มีคนขับมอไซต์รับจ้างสำเนียงพม่ามาจอดข้างๆ และเสนอตัวจะไปส่งสนามบินในราคา 500 บาท...บ้าจิ 500 บาท นั่งรถไปเป็นชั่วโมงๆ เดี๋ยวแดด เดี๋ยวฝน ไกลก็ไกล เหนื่อยตาย

เข้ามาพักร่มที่ปั้ม ปตท. ซื้อน้ำซื้อหนมเซเว่นกินแล้วเข้า Airasia Big Redemption อีกรอบ แม่เจ้า...เจอตั๋วแลกแต้ม 1000 แต้มเที่ยวหกโมงเย็นเหลืออยู่ 1 ที่พอดี...ไม่รอช้า จัดไป ใช้ 1,000 คะแนน + เงิน 214 บาท ได้ตั่วแอร์เอเชียมาไว้ในมือแระ จากนั้นจัดการโทร.หา Airport Bus ว่าเราจะรอรถเข้าสนามบินรอบ 15.00 ตรงปั้มปตท.บายพาส 

รถจะมาถึงเวลาประมาณ 15.30 น. ระหว่างนี้ต้องรีบจัดการเรื่องฉโนดที่ดินหน้าหลัง และหนังสือจำนองที่ดินกะธนาคาร ส่งให้กงสุลทางอีเมล์

โทร.หาลูกเล็กเด็กแดงที่บ้าน ให้ไปติดต่อธนาคาร ขอถ่ายสำเนาฉโนดหน้าหลัง และเอาเอกสารจำนองไปสแกนส่งมาให้เราทางอีเมล์

อ้าว เจออุปสรรคอีกแระ...ร้านอินเตอร์เน็ตแถวบ้าน มีเครื่องถ่ายเอกสารที่สามารถสแกนได้ แต่เจ้าของร้านไม่เคยใช้ ทำไม่เป็นซะอีก ก็เลยต้องวานให้เจ้าของร้านที่มี Smart phone ถ่ายรูปชัดๆ แล้วส่งมาให้เราแบบด่วนจี๋

15.30 น.รถ Airport Bus คันเล็กๆ ก็มาถึงพอดี เจอพี่ผู้หญิงคนเดิมที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำรถตู้ตอนออกจากสนามบินบนรถด้วย เลยคุยกันเหมือนคนรู้จักมักคุ้น

ที่นั่งบนรถจำกัดมาก มีฝรั่งนั่งเต็มหมดแล้ว เราต้องยืนจากบายพาสเข้าสนามบิน 1 ชั่วโมงเต็มๆ ระหว่างนี้ก็โทร.ประสานงานกะทางบ้านเรื่องส่งเอกสารเป็นระยะๆ เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว ง่วงก็ง่วง หมดแรง...

ถึงสนามบินภูเก็ต 16.30 น. ข้อความในอีเมล์ก็เด้งว่าเอกสารมาถึงพอดี จัดการส่งต่อให้สถานกงสุลทันที ประมาณ 15 นาทีให้หลัง ได้รับอีเมล์ตอบว่ากงสุลได้รับเอกสารแล้วจ้า...

หกโมงเย็น เครื่องออกจากภูเก็ตตรงเวลา ได้นั่ง Hot Seat อีกตามเคย ถึงดอนเมืองตอนเกือบสองทุ่ม

...รู้สึกวันนี้ เหมือนผ่านสมรภูมิรบดุเดือดมายังไงก็ไม่รู้...โดยเฉพาะ "การต่อสู้กับเวลา"

นั่งรถ Airport Bus สาย A2 จากดอนเมืองไปลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วต่อสาย 8 แฮ้ปปี้แลนด์-สะพานพุทธ ในตำนาน (แรงส์ เร็ว ทะลุนรก) มาลงตรงตลาดมหานาค เดินเข้าโรงแรมปรินซ์ พาเลส พร้อมกับเล่าเรื่องราวตลอดทั้งวันนี้ให้น้องที่เยอรมันซึ่งติดตามสถานการณ์แบบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเหมือนเราทุกสเต็บตั้งแต่เมื่อคืนฟัง

ความตื่นเต้น ลุ้นระทึก ยังไม่จบแค่นี้ วันที่ 12 นี้รู้กันว่าวีซ่าจะเสร็จทันหรือไม่ ถ้าไม่ทัน จะทำยังไง ต้องเลื่อนตั๋วเครื่องบิน ซึ่งแพงเหมือนกับซื้อใหม่หรือไม่ คอยติดตามตอนต่อไป...


หมายเลขบันทึก: 631767เขียนเมื่อ 28 กรกฎาคม 2017 17:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม 2017 21:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท