ผมรู้จักและศรัทธา นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ..วิทยากรของวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุข..และเป็นบรรณาธิการอาวุโสวารสาร”หมอชาวบ้าน”
รู้จักท่าน..เมื่อต้นปี ๒๕๕๙..พบท่านในเพจ..”สร้างคนสร้างชาติ”(MNC) ในเฟสบุ๊ค..จากนั้นก็ติดตามบทความและแนวคิดของท่านเรื่อยมา..
ชอบที่ท่าน..เขียนข้อคิด..แนวพุทธศาสตร์ ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น..โดยเฉพาะ ศีล สมาธิ ปัญญา ตลอตจน..การมีสติ..ระลึกรู้..ที่เหมาะจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน..
เรื่องที่เกี่ยวกับ..สมอง..ท่านก็ออกแบบแผนภูมิความคิดได้อย่างเห็นภาพชัด..ส่วนแนวคิดในการพัฒนาตน..พัฒนางาน..ก็ไม่ต้องยึดติดตำรา..เรียบง่ายแต่ปฏิบัติได้จริง
ในเรื่องของ..ศาสตร์พระราชา..และ”พอเพียง” ที่หลายคนเข้าไม่ถึง..ถ้าได้อ่านเรื่องที่ท่านเขียน ฟังในสิ่งที่ท่านพูด..ผมเชื่อว่าหลายคนจะลงมือปฏิบัติได้ทันที..
เย็นวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐..นพ.สุรเกียรติ..ท่านเป็นวิทยากรอยู่ที่..27 รีสอร์ท อำเภออู่ทอง..ท่านโทรมา..จะขอเข้าเยี่ยมชมโรงเรียน ในช่วงสิบโมงของวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ..ผมตอบรับด้วยความยินดี..ยินดีและรู้สึกเป็นมงคลชีวิต ตั้งแต่รับโทรศัพท์แล้ว..
ยิ่งจะได้พบตัวจริงเสียงจริงด้วย..ก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจ..ไม่ต้องทำอะไรแล้ว นอกจากรอ..ช่วงเวลาที่สำคัญ..จะได้พบคนเก่ง คนดี..ในวงการแพทย์..และเป็นนักคิดนักเขียนด้วย..
นพ.สุรเกียรติ พร้อมคณะวิทยากร..ถึงโรงเรียนตามเวลาที่นัดหมาย..ผมต้อนรับแบบเรียบง่ายที่สุด..ที่โต๊ะหน้าห้องพักครู ทานอาหารว่าง..แล้วก็นั่งคุยแลกเปลี่ยนกันไป..
ผมรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า และเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว นพ.สุรเกียรติและคณะวิทยากรที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล .ท่านให้เกียรติโรงเรียนขนาดเล็กและ.เป็นกันเองกับผม..จึงทำให้การพูดคุยเป็นไปอย่าง..ตรงไปตรงมา..
ส่วนใหญ่..จะคุยกันถึงเรื่องชีวิตและงานโรงเรียน ทำอะไรไปแล้วบ้าง..มีอะไรที่จะต้องทำต่อไป..ทำไปเพื่ออะไร..ใครอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ...
ผมบอกท่านไปว่า..ผมไม่ใช่คนเก่งนะ..เพียงแต่ชอบศึกษาเรียนรู้ เรียนรู้กับเด็ก กับชุมชนผู้ปกครอง..อยากทำอะไรนอกกรอบแบบที่ออกนอกตำรา..โดยไปถามผู้รู้ แล้วนำมาปฎิบัติ....
ที่มาเป็นผู้บริหารโรงเรียน..ก็เพราะคิดแล้วได้ทำ..ถ้าเป็นนักวิชาการ มันก็จะมีแต่งานกระดาษ..มรรคผลจะน้อย ..ตอนแรกที่เข้ามาบริหารโรงเรียนเล็ก มีปัญหาทุกเรื่อง ก็นึกถึง “คำสอนของพ่อ” ให้ทำงานในท่ามกลางอุปสรรคและความขาดแคลนให้ได้ จุดนี้เอง..ที่เป็นแรงบันดาลใจ..ให้ก้าวเดิน..
เริ่มจาก..ทำเรื่องเล็กๆก่อน..เพราะคนน้อย เงินก็น้อย..และยังต้องสอนหนังสือและเป็นภารโรงด้วย ต่อมา..ก็ทำเรื่องเล็กอยู่ตลอด..ไม่เคยมีเรื่องใหญ่สักเรื่อง..ทุกอย่างเลยดูง่าย
เมื่อทำกิจกรรมโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน..เรื่องเล็กทั้งหลาย กลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ทรงคุณค่า..หมายความว่า..เป็นแหล่งเรียนรู้และสิ่งแวดล้อม ที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนขนาดเล็ก..
ผมบอกท่านและคณะว่า..โรงเรียนไม่ได้เป็นต้นแบบ ไม่ใช่โรงเรียนดีเด่น ไม่ได้เป็นโรงเรียนดีศรีตำบล หรือศูนย์การเรียนรู้อะไรทั้งสิ้น..
อาจจะเคย..ได้รางวัลมามากมาย..แต่ก็ไม่ได้หยิบยกมากล่าวอ้าง ไม่ได้นำเกียรติบัตรมาโชว์..เพราะนั่นไม่ใช่สัจธรรม..อยากรู้เชิงประจักษ์ ต้องเดินดูและถามเด็ก...
ทุกวันนี้..เป็นผู้บริหาร..ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายด้านการศึกษาของรัฐ..แต่ก็ใช่ว่าไม่ทำงาน พยายามบูรณาการสานนโยบายฯให้ง่าย เพื่อนำพาบุคลากร ให้ทำงานคล่องตัวและมีความสุข หรือทุกข์ให้น้อยที่สุด..
โดยทำ ๒ เรื่องหลักๆ ในโรงเรียน..คือ ทำให้เด็กอ่านคล่องเขียนคล่อง ลายมือสวย อันนี้คือ เครื่องมือสำคัญแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต..
และสอนวิชา”ทักษะชีวิต” แบบเศรษฐกิจพอเพียง ให้นักเรียน..เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อนำไปสู่งานอาชีพและเสริมสร้างคุณลักษณะที่พึงประสงค์..ที่ผ่านกระบวนการทำงานที่เป็นวิถีชุมชน..หมายรวมถึง ดนตรี กีฬา และเพลงพื้นบ้านด้วย..
ท้ายที่สุด..ผมนำ นพ.สุรเกียรติและคณะเที่ยวชมฟาร์มเล็กๆ ที่อยู่ในทุกมุมของโรงเรียน..ไม่ลืมที่จะมอบ “เห็ดนางฟ้า”เป็นของฝากแก่ท่านด้วย..
ครับ..เป็นช่วงเวลาที่ผมคงลืมไม่ลง..ที่นักปราชญ์..แห่งวงการแพทย์มาเยี่ยมเยือน เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจผมว่า..ผมจะเป็นอื่นไม่ได้ หรือจะท้อก็ได้..แต่อย่าถอย..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ดีมากเลยครับ ผมอ่านข้อเขียนคุณหมอประเวศ วะสีจากหมอชาวบ้าน ตอนนั้นคุณหมอสุรเกียรติ ยังเป็นผู้ช่วยตอนนี้ท่านมาเป็นบรรราธิการแล้ว
ชอบใจแนวคิดมาก
อ่านแล้วมีความสุข
ขอบคุณครับ
ขอบคุณบทความดีๆ ที่สร้างกำลังใจค่ะ ผอ. วันนี้ได้มาอบรมหัวข้อศาสตร์พระราชา ดีใจมากๆ ค่ะ