" พ่อ" คือครูคนแรกที่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง สอนทักษะชีวิต ทักษะการเป็นเกตรกร ทำให้ผมได้เรียนรู้ จดจำและนำมาปฏิบัติแม้บางเรื่องอาจไม่สำเร็จเหมือนที่พ่อเคยพาทำ แต่ก็ทำให้ผมภาคภูมิใจและอดทนที่จะทำให้สำเร็จ
ตั้งแต่จำความได้สิ่งที่มองเห็นคือ สภาพแวดล้อมที่เป็นชนบทห่างไกลความเจริญทั้งแสงสีแสงไฟฟ้า อาศัยแสงจันทร์ แสงตะเกียงในยามค่ำคืน แสงอาทิตย์เวลากลางวัน สภาพถนนเป็นทางเกวียนเต็มไปด้วยรอยเท้า วัว ควายและรอยเท้าชาวบ้าน ที่เดินทางผ่านไปมาระหว่างบ้านกับท้องทุ่งนาและป่าใหญ่
รถยนต์ รถเครื่องเป็นของหายาก อย่างดีก็เป็นจักรยานตราจระเข้ แต่สำหรับผม สิ่งที่ว่ามามันห่างไกลเกินเอื้อมถึง อย่างดีที่สุดคือนั่งบนหลังเจ้าทุยตัวดำบึกบึน พอให้มันได้นำพาผมไปถึงจดหมายปลายนา และที่แห่งนี้คือห้องเรียนของผม พ่อผม แม่ผมและพี่น้องของผม ที่ร่วมกันลงทะเบียนเรียนวิชาเกษตรกร วิชาชาวนา ทั้งการไถ คราด ปักดำ ดูแล เก็บเกี่ยว และยังมีวิชาอื่นๆอีกมากมาย เช่นกักน้ำ ดักปลา กบ เขียด กุ้ง หอย นก หนู ปู อึ่ง ....
ไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่งผมจะก้าวมาได้ไกลถึงเพียงนี้ ผมค่อยๆเติบโตมาพร้อมๆกับความเจริญของบ้านเมือง และดูเหมือนว่าทุกวันนี้บ้านเมืองนั้นเจริญก้าวหน้าไปมากกว่าผมเสียอีก เทคโนโลยีต่างๆผุดขึ้นมามากยิ่งกว่าดอกเห็ดในป่าในโคกที่เราเคยไปเที่ยวเสาะหาเสียด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่ไม่เคยสูญหายไปจากผมคือวิชาเกษตรกร วิชาชาวนาของลูกชาวนา ที่วันนี้มีบทบาทที่รับมาคือข้าราชการ
หยุดยาวหลายวันช่วงเข้าพรรษานี้ พาสมาชิกในครอบครัวมาหรรษา ในแปลงนาที่กว้างใหญ่ มาเรียนรู้ รสชาติของชาวนาอีกหน กับปีที่ฟ้าฝนแสนเดาใจอยากเย็น ฝนดีดีจนชาวนาจะไม่มีโอกาสได้ปักดำหว่านไถ แต่ถึงอย่างไรลูกชาวนาก็สู้ไม่มีถอยอยู่แล้ว
สองพี่น้องชายหญิง ดูสนุกตื่นเต้น ที่ได้เล่นโคลนตม ปักกล้าข้าวลงดินลงแปลงนา ถึงจะยังไม่ถนัดแต่คงสนุกได้ประสบการณ์ แต่ดูเหมือนหัวเรือใหญ่ฝ่ายหญิงจะเป็นม้าตีนต้น สนุกได้เพียงหมดกล้า ๓-๔ มัด แลทำทีท่า หน้าแดงปนดำ ปาดเหงื่อเล็กน้อยแต่ก็ทนสู้จนกล้ามัดสุดท้าย สุดยอดจริง ตะวันใกล้ลับขอบฟ้า ได้เวลาเลิกเรียนจากวิชาชาวนา ล้างแข้งล้างขา จูงมือกันเดินขึ้นกระท่อมน้อย เตรียมหุงหาอาหารสำหรับมื้อเย็น ก่อนพักผ่อนเตรียมเรียนต่อในวันรุ่งขึ้น....
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ผักหวานป่า
อยากไปช่วยดำนา บ้างจัง...