ผมอยากเริ่มวันนี้ด้วยคำถาม ประสบการณ์ คืออะไร ?
คำตอบคือ
... มันคือการลองผิดลองถูก
ประสบการณ์มีประโยชน์อะไร ประสบการณ์ทำให้เราเร็วขึ้น เพราะลองผิดลองถูกมาแล้ว ทำให้เราตัดสินใจ ดำรงชีวิตได้ง่ายๆขึ้น จินตนาการว่าถ้าคุณเห็นน้ำดื่มบนโต๊ะ แล้วคุณต้องค้นหาว่าไอ้ที่อยู่ตรงหน้านี่คืออะไร ทุกครั้ง ชีวิตคงดำรงอยู่ได้ยาก
ประสบการณ์ทำให้เราตอบโต้ต่อสิ่งเร้าอย่างมีทิศทาง
หิว เห็นน้ำ ถ้ามันเป็นน้ำขวดในร้านที่เขาขาย...กินได้แน่นอน ..หยิบกินชีวิตก็สบาย ไม่ยุ่งยาก
ประสบการณ์ที่ผ่านการพิสูจน์มาในชีวิตทำให้เกิดความคิด และการกระทำแบบไม่ต้องคิด หรือความคิดอัตโนมัติ ...มีลักษณะของการทำนาย
มาถึงแมงสาบ...
นึกถึงแมงสาบแล้วคุณเห็นอะไร...เหม็น สกปรก เชื้อโรค แมงโรคจิต ชอบจ้องหน้าแล้วบินสวนมา บางคนบอกเห็นแล้วต้องตี
คราวนี้แหละครับ มาเข้าเรื่องกัน
นี่คือประสบการณ์ของทั้งชีวิตของผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผมในฐานะผู้เรียน หรือลูกศิษย์นับพันคน
ผมเลยขอโอาสว่า ให้ผมพูดได้ไหม ....ขออนุญาตให้ผมพูด ...ทุกคนอนุญาต
ที่สุดผมก็เล่าให้ฟังว่า มีคนสังเกตเห็นแมงสาบมีการเดินที่เสถียรมากๆ ไม่ล้มง่าย... 90% จะเห็นด้วยกับที่ผมพูด
แล้วนักวิทยาศาสตร์คนนั้นเลยเอาแนวคิดของระบบการเดินของแมลงสาบไปออกแบบระบบการเดินของหุ่นยนต์กู้ภัย ที่จะไม่ล้มง่ายๆ เวลาเคลื่อนที่ไปในพื้นที่ลำบาก
นี่ไงครับประสบการณ์คุณเปลี่ยนไหม ความเชื่อเปลี่ยนไหม ...หลายคนตื่นเต้นกับข้อมูลนี้ ...
นักวิทยาศาสตร์คนนั้น เมื่อเปิดรับข้อมูลใหม่ ข้อมูลใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ไปผสมผสานกับประสบการณ์เก่า ก็จะเกิดการทบทวนกัน กลายไปวิสัยทัศน์ใหม่ และการกระทำใหม่ๆ
นั่นหมายถึงว่าถ้าคนเราเปิดรับประสบการณ์ใหม่ จะเกิด Innovation ใหม่ๆ จริงใหมครับ ...
มีลูกศิษย์ผู้หญิงท่านหนึ่งถึงกับบอกว่า “รักแมงสาบเลยอาจารย์”
นี่แหละครับเราเรียกว่าภาวะของ Theory U ...ภาวะที่คนเราเปิดโอกาสให้เรารับประสบการณ์ใหม่ ที่จะทำให้เราเกิดการทบทวน และสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับตัวเราเอง
วิธีการจะทำให้เกิด Theory U ก็คือการที่เราต้องเปิดโอกาสให้เรารับรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเราต้องเอาประสบการณ์เดิมไปห้อยแขวนไว้ก่อน ฝรั่งเรียก Delay of Judgement คือเราต้องระวังความคิดอัตโนมัติของเรา เวลาเราอยู่ในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งไม่ว่าจะนั่งฟังใคร หรือมองอะไร เรามักจะดึงประสบการณ์เดิมมาประมวลผล เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็คิด ทำไปแบบอัตโนมัติ
มาดูภาคปฏิบัติดีกว่า ลองดูกรณีศึกษาที่ผมไปทำจริงนะครับ อาทิตย์ก่อน ผมมีโอกาสไปทำ Theory U ให้เทศบาลนครขอนแก่น เราจัด Theory U กัน เพื่อดึงประสบการณ์คนทำงานออกมาสร้างสรรค์องค์กรครับ
วิธีการจัดมีง่ายๆ เอา Basic นะครับ ...
จับคู่กัน เอาคนต่างวัย ต่างแผนก ต่างเพศ
ให้คนหนึ่งพูดอีกคนหนึ่งฟัง เน้นให้ฟังอย่างเดียว พูดอย่างเดียวคนละครึ่งชั่วโมง
ให้เล่าเรื่องความสำเร็จในงาน... เพราะวัตถุประสงค์คือเราอยากพัฒนางาน ...
ผมบอกให้ทุกท่านเราเรื่องผลงานที่ภูมิใจ สักหลายๆเรื่อง (ส่วนใหญ่ครึ่งชั่วโมง ประมาณ 3-4 เรื่อง) อาจผสมเรื่องส่วนตัวสักเรื่องก็ได้
พอเล่าจบผมก็จะตั้งคำถามถาม ง่ายๆ คือ
มีสองท่านที่ผมอยากเล่าเพราะประทับใจมาก
หลังฟังไปครึ่งชั่วโมง รุ่นพี่ฟังรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่ามากๆ เล่าว่า
ก็คิดว่าเป็นเด็กจบใหม่ ไม่มีอะไรมากยังไม่มีประสบการณ์
2. ที่ฟังนี่ปิ๊งอะไร
น้องคนนี้ทำงานด้านโภชนการ เพิ่งเข้ามาใหม่ แต่เคยมีประสบการณ์ทำงานที่เขตราษบูรณะ กท ก่อนย้ายมาขอนแก่น ... เขาเล่าว่าที่เขตแบ่งความรับผิดชอบงานออกเป็นบล๊อกๆ บล๊อกละ 2 ตารางกิโลเมตร ทำให้เวลาเกิดปัญหาเช่น เกิดปัญหาเรื่องโรคระบาด...เขาจะรู้เลยว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่แค่ปัญหาตรงนั้น แต่มันเชื่อมโยงไปกับเรื่องอื่นๆ เช่นปัญหาขยะ และอีกหลายเรื่อง ทำให้ไม่มองอะไรแยกส่วน สามารถทำงานได้จบ เป็นระบบ
3. เรื่องที่ปิ๊งทำให้เรามองเห็นอะไรในตัวเอง
จริงๆ เป็นเรื่องที่อยากทำ เพราะปัจจุบันหน่วยงานดูแลพื้นที่กว่า 47 ตร.กิโลเมตร ทำให้ไม่เห็นความเชื่อมโยงอย่างที่น้องเคยทำที่เขตราษฎรบูรณะ ... เรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจ เพราะก็พึ่งรู้ว่ามีตัวอย่างมีคนทำได้
4. ทิศทางใหม่ของเราคืออะไร
จะเอาเรื่องนี้ไปเสนอผู้บริหาร
5. เราจะสร้างสรรค์อะไร (Action)
จะลองใช้ราษฎรบูรณะ Model ที่ขอนแก่น
โดยจะพากันไปดูงานก่อน
6. ผลดีที่คาดว่าจะเกิดคืออะไร
จะทำให้มองปัญหาได้เชื่อมโยง แก้ปัญหาเรื่องสุขอนามัยได้ตรงประเด็นมากขึ้น
นี่ครับ Theory U
คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีที่มนุษย์คนหนึ่งห้อยแขวนประสบการณ์เดิม ผ่านกระบวนการฟัง แบบไม่แย้ง หยุดความคิดอัตโนมัติตัวเองลงได้
มาอีก case
ความคิดอัตโนมัติ หรือความเชื่อเดิมของผู้บริหารกับพนักงานใหม่ๆ เป็นเพียงเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ พอผ่านกระบวนการห้อยแขวน ฟังแบบไม่ถามเลยครึ่งชั่วโมง ท่านพบเลยว่าเด็กคนนี้เคยจับทุจริตได้ทั้งๆที่ทำงานไม่กี่เดือน ตอนหลังผมถามว่าทำอะไรว่า เธอบอกเธอเคยอยู่บริษัททำบัญชีมาก่อน ...อ้อ ถึงว่าเก่งเรื่องการตรวจสอบ
ผู้บริหารท่านนั้นเลยเห็นความเชื่อเดิมของตัวเองเลยว่า จริงๆ เชื่อมาตลอดว่าเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ยังไม่มอบงานอะไรท้าทายให้ ...ตอนนี้คิดใหม่แล้วครับ ว่าพนักงานใหม่อาจมีประสบการณ์บางเรื่องที่สามารถนำมาคิดการใหญ่ได้
จริงๆนี่เจอสอง Case เลย น่าทึ่งไหมครับ
ผู้บริหารเจอพนักงานใหม่ ความคิดอัตโนมัติคือ ...พนักงานใหม่ๆ ไม่มีอะไรดี จะว่าไปพอๆกับที่ทุกคนเห็นแมงสาบ
พอผ่าน Theory U เกิดแนวคิด และการกระทำใหม่ๆ ทันที
ที่สำคัญ เคยเห็นเรื่องผู้ใหญ่สอนเด็กไหม ...เด็กฟังและทำตามไหม...ยากมากๆ
ไม่ต้องพูดถึงว่าเด็กจะไปสอนผู้ใหญ่ แทบเป็นไปไม่ได้
พอจัด Theory U จะเห็นปรากฎการณ์ใหม่นั้นคือ เด็กเรียนจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เรียนจากเด็ก เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มใจ ไม่ต้องผลักใส ไม่ต้องบังคับ
นี่จัดแบบ Basic นะครับ ถ้าไกลกว่านี้ทำเป็นกลุ่ม 4-5 คนหรือทีเดียว 30-40 คนได้ อันนั้นเอาไว้ว่ากันครั้งต่อๆ ไปครับ
และนี่ครับ Theory U
ลดความคิดอัตโนมัติลง แล้วคุณจะเห็นโลกใบใหม่
คุณล่ะ...คิดอย่างไร
วันนี้พอเท่านี้นะครับ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ
Credit ภาพ: ขุนพล https://www.facebook.com/lul9i...
ไม่มีความเห็น