ชีวิตที่พอเพียง : 2950b. ความแออัดกับชีวิตช้าๆ
บทความเรื่อง Does Living in Crowdwd Places Drive People Crazy? ในนิตยสาร Scientific American Mind ชี้ให้เห็นผลทางจิตวิทยาของการอยู่ในที่มีคนมากหรือแออัด โดยความรู้นี้รู้มานานแล้ว จากการทดลอง ในหนู เขาพบว่าหากเลี้ยงหนูในกรงโดยปล่อยให้แพร่พันธุ์โดยไม่แยกออกไปจากกรง ความหนาแน่นรุนแรง ของประชากรหนูในกรง สร้างพฤติกรรมโหดร้ายต่อกันอย่างไม่น่าเชื่อ คือกินกันเอง มีทารกตายมาก และมีหนูที่ไม่คบใคร เป็นต้น
ผลการวิจัยในหนู ทำให้กังวลกันว่า เมื่อคนเพิ่มจำนวนมากเข้า และต้องอยู่กันอย่างแออัด จะเกิดปัญหาด้านพฤติกรรม แต่ผลการวิจัยเบื้องต้นบอกว่า ความกังวลดังกล่าวไม่มีหลักฐานสนับสนุน นั่นคือเรื่องราวเมื่อครึ่งศตวรรษมาแล้ว
มีการฟื้นการวิจัยผลของความแออัดขึ้นใหม่ โดยใช้ทฤษฎี life history theory ที่กล่าวว่าสัตว์ จัดแบ่งเวลาเพื่อการเติบโต การสืบพันธุ์ และการเลี้ยงลูก ต่างกันตามสภาพแวดล้อม
ตอนแรกเชื่อกันว่า หากสัตว์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความหนาแน่นของสัตว์ชนิดนั้นต่ำ สัตว์จะใช้ยุทธศาสตร์ fast life history คือรีบสืบพันธุ์มีลูกมากๆ โดยไม่ลงแรงมาก ไม่สนใจคุณภาพของลูก คำอธิบายคือ เพราะมีทรัพยากรหรืออาหารมากอย่างไม่จำกัด ไม่ต้องแย่งกัน
แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป มีสัตว์ชนิดนั้นอยู่หนาแน่น ต้องแข่งขันกัน สัตว์แต่ละตัวต้อง ใช้เวลาฝึกฝนความเข้มแข็งของตนเองเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขัน ส่งผลให้เริ่มสืบพันธุ์ช้าลง และเมื่อมีลูกก็ไม่เน้นจำนวน แต่เน้นคุณภาพ เรียกยุทธศาสตร์นี้ว่า slow life history strategy
จึงเกิดคำถามว่า ทฤษฎีนี้เป็นจริงในมนุษย์หรือไม่ วิธีตอบคำถามน่าสนใจมาก วิธีแรกเป็นการเก็บข้อมูลความหนาแน่นของประชากรของประเทศ และของรัฐ ในสหรัฐอเมริกา นำมาเปรียบเทียบกันตาม life history theory และพบว่าความเป็นจริงสอดคล้องกับทฤษฎี
วิธีที่สอง มุ่งดูผลระยะสั้น โดยทดลองให้นักศึกษาระดับปริญญาตรี และคนที่ทำงานแล้ว แต่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว อ่านบทความเรื่องประชากรหนาแน่น แล้วให้ตอบแบบสอบถามเรื่องแผนชีวิต พบว่านักศึกษามีแผนมีแฟนเป็นตัวตนมากกว่ามีกิ๊กจำนวนมาก ส่วนคนทำงานแล้วก็หวังมีครอบครัว เลี้ยงลูกที่ได้รับการศึกษาดี
สรุปว่า มนุษย์ในยุคปัจจุบันที่ประชากรหนาแน่นขึ้นๆ ดำเนินชีวิตตามทฤษฎี slow life history คือมีลูกช้าลง และมุ่งให้ได้ลูกที่มีคุณภาพสูง
วิจารณ์ พานิช
๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ไม่มีความเห็น