1 กรกฎาคม
วันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
ดร.ถวิล อรัญเวศ
รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 4
วันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติชองไทย ตรงกับวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี
ทำไมจึงกำหนดวันที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
เราควรมาทำความรู้จักกันก่อน เพราะลูกเสือถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ในการจัดการศึกษาไทย กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี เป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนใน
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้
ทรงสถาปนากิจการลูกเสือไทยขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454
จึงได้ยึดถือวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี
วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
ซึ่งได้จัดให้มีกิจกรรมการเดินสวนสนามของลูกเสือ
ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ เป็นประจำทุกปี ใน
แต่ละปี จะมีลูกเสือทั้งในส่วนกลางส่วนภูมิภาคและ
ปริมณฑลมาร่วมเดินสวนสนาม
ประมาณ 10,000 คน เพื่อแสดงความเคารพ
และกล่าวทบทวนคำปฏิญาณ
ต่อองค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ
เพื่อประกาศความเป็นลูกเสืออย่างแท้จริง
กำเนิดลูกเสือโลก
พลโท ลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ (Lord Baden Powell)
หรือ B-P ชาวอังกฤษ ถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดลูกเสือโลก
การถือกำเนิดลูกเสือเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษเป็นแห่งแรกในโลก
เมื่อ พ.ศ.2451 โดยพลโท ลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ (Lord Baden Powell)
หรือ B-P
มูลเหตุจูงใจที่ตั้งกองลูกเสือขึ้นมาก็คือ ท่านไปรับราชการทหาร
โดยไปรักษาเมืองมาฟฟิคิง (Mafiking) อันเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษใน
สหภาพแอฟริกาใต้ ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นกับพวกบัวร์ (Boer)
ในการผจญศึกใหญ่คราวนั้น ท่านได้ฝึกเด็กขึ้นหน่วยหนึ่ง
เพื่อช่วยราชการสงคราม เช่น เป็นผู้สื่อข่าว สอดแนม รักษาความสงบเรียบร้อย
ภายใน รับใช้ในการงานต่างๆ เช่น ทำครัวเป็นต้น ปรากฏว่าได้ผลดีมาก
เพราะเด็กที่ได้รับการฝึกเหล่านั้นสามารถปฏิบัติหน้าที่
ที่ใช้รับมอบหมายได้ อย่างเข้มแข็งว่องไว ได้ผลดีไม่แพ้ผู้ใหญ่
และบางอย่างกลับทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่เสียอีก
ท่านลอร์ดบาเดน เพาเวลล์ ( บี.พี. ) เป็นผู้ก่อตั้ง
กิจการลูกเสือครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ
เมื่อปี พ.ศ. 2450 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมคนไว้เป็นทหาร
และฝึกให้คนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม หลังจากนั้นกิจการลูกเสือ
ก็เริ่มแพร่ขยายเข้าไปในประเทศยุโรปที่ไม่มีพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร
กระทั่งแพร่ขยายเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกา
และได้ตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นประเทศที่ 2
เมื่อกิจการลูกเสือแพร่หลายขึ้น ในปี พ.ศ. 2451
ท่านลอร์ด บาเดน เพาเวลล์
จึงได้แต่งหนังสือฝึกอบรมลูกเสือขึ้น
เพื่อใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอน
โดยหนังสือเล่มดังกล่าวมีชื่อว่า
"Scouting For Boys"
และคำว่า "Scout" ซึ่งใช้เรียกแทน
"ลูกเสือ" มีความหมายตามตัวอักษร คือ
S : Sincerity หมายถึง ความจริงใจ มีน้ำใสใจจริงต่อกัน
C : Courtesy หมายถึง ความสุภาพอ่อนโยน เป็นผู้มีมารยาทดี
O : Obedience หมายถึง การเชื่อฟัง อ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ในโอวาท
U : Unity หมายถึง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รู้รักสามัคคี
T : Thrifty หมายถึง ความมัธยัสถ์ ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด
กำเนิดลูกเสือไทย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ทรงมีพระบรมราชองค์การโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา
กองลูกเสือป่าขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2454
เพื่อฝึกอบรมข้าราชการพลเรือน ให้เรียนรู้วิชาการด้านการทหาร
ไว้สำรองยามเกิดศึกสงครามและช่วยบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม
และยังมีไว้ช่วยปราบปรามโจรผู้ร้าย ยามจำเป็น พระองค์ทรงมองเห็นว่า
กองกิจการลูกเสือนั้นจะช่วยให้คนไทยรักชาติ มีมนุษยธรรม มีความเสียสละ
สามัคคีและมีความกตัญญู และได้ยึดเอาวันที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
ทุกปี ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่สามของโลกที่มี
การจัดกองลูกเสือของโลกขึ้น โดยทุกๆปีจะมีการจัด
ให้มีการเดินสวนสนามของลูกเสือ ณ สนามศุภชลาศัย
สนามกีฬาแห่งชาติ เป็นประจำทุกปี แต่ในปี พ.ศ. 2556
จัดที่ลานพระราชวังดุสิต) ในแต่ละปีจะมีลูกเสือทั้งใน
ส่วนกลางและปริมณฑลมาร่วมเดินสวนสนาม ประมาณ 10,000 คน
เพื่อแสดงความเคารพและกล่าวทบทวนคำปฏิญาณ
ต่อองค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ
เพื่อประกาศว่าตนเป็นลูกเสืออย่างแท้จริง
อีก 2 เดือนถัดมา เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเห็นว่ากิจการเสือป่าจริญก้าวหน้ามั่นคงดีแล้ว พระองค์จึงมีพระบรมราชโองการ
จัดตั้งกองลูกเสือขึ้น ในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งถือเป็นประเทศที่ 3 ของโลกที่จัดตั้ง
กองลูกเสือขึ้น ต่อจากประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา
โดยผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเสือไทยคนแรก
คือ "นายชัพพ์ บุนนาค"
จากนั้นนานาชาติในยุโรปจึงจัดตั้งกองลูกเสือของตนขึ้นบ้าง
ทำให้ลูกเสือกลายเป็นองค์การสากล และมีความสัมพันธ์กันทั่วโลก
โดยถือว่าลูกเสือทั่วโลกเป็นพี่น้องกันหมด
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งการลูกเสือไทย
ลูกเสือกองแรกของไทยก่อตั้งขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเรียก เรียกว่า
"ลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ 1" ก่อนที่จะขยายตัวไปจัดตั้งตามโรงเรียน และสถานที่ต่าง ๆ
โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานคติพจน์ เพื่อให้เด็กที่จะเข้า
ประจำการในกองลูกเสือได้ปฏิญาณตนว่า "เสียชีพอย่าเสียสัตย์"
ในสมัยนั้นกิจการลูกเสือไทยเลื่องลือไปยังนานาชาติว่า
"พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงใฝ่พระทัยในกิจการลูกเสือเป็นอย่างยิ่ง"
ถึงกับทำให้กองลูกเสือที่ 8 ของประเทศอังกฤษ ได้มีหนังสือขอพระราชทานนามนามลูกเสือกองนี้ว่า
"กองลูกเสือในพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม" ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานให้ตามความประสงค์ และลูกเสือกองนี้ได้ติดเครื่องหมายช้างเผือกที่แขนเสื้อ
ทั้งสองข้าง และยังปรากฏอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้
หลังจากทรงสถาปนากิจการลูกเสือขึ้นมาแล้ว ได้ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้ตราข้อบังคับลักษณะการปกครองลูกเสือ และตั้งสภากรรมการจัดการลูกเสือ
แห่งชาติขึ้นโดยพระองค์ ทรงดำรงตำแหน่งสภานายก ต่อมาทุกครั้งที่พระองค์เสด็จไป
ยังจังหวัดใดก็ตามก็จะโปรดเกล้าฯ ให้กระทำพิธีเข้าประจำกองลูกเสือประจำจังหวัดนั้น ๆ ให้ด้วย
หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ก็ได้ทรงฟื้นฟู
กิจการลูกเสืออีกครั้ง โดยในปี พ.ศ. 2470 พระองค์โปรดเกล้าฯ
ให้มีการชุมนุมลูกเสือแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรกในบริเวณพระราชอุทยานสราญรมย์
และจัดให้อบรมลูกเสือหลายรุ่น กระทั่งรุ่นสุดท้ายในปี พ.ศ. 2475
ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้น กิจการลูกเสือจึงได้รับการปรับปรุงใหม่
โดยรัฐบาลได้จัดตั้งหน่วยยุวชนทหาร และรับเด็กที่เคยเป็นลูกเสือมาแล้วมาฝึกวิชาทหาร
ส่วนกิจการลูกเสือก็ขยายให้กว้างขวางขึ้น โดยมีการจัดตั้งกองลูกเสือเหล่าเสนา
และลูกเสือเหล่าสมุทรเสนาขึ้น เพื่อฝึกร่วมกับยุวชนทหาร ทำให้กิจการลูกเสือซบเซาลงบ้างในยุคนี้
ใน ปี พ.ศ. 2490 กิจการลูกเสือกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง หลังจากทางราชการ
ได้จัดชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ และ
ส่งเจ้าหน้าที่ในกองลูกเสือไปรับการฝึกอบรมวิชาลูกเสือตามมาตรฐานสากล
และตามแบบนานาประเทศ กระทั่งมีพระราชบัญญัติลูกเสือบังคับใช้
โดยคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติเป็นผู้บริหาร
วัตถุประสงค์ของขบวนการลูกเสือได้รับการปรับปรุงและ
เน้นให้เห็นชัดเจนรัดกุมยิ่งขึ้น มีความว่า
"คณะลูกเสือแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย
สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดี
มีความรับผิดชอบสร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า
เพื่อความสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ"
ความสำคัญของวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
เพื่อเป็นการระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้ทรงก่อตั้งกิจการลูกเสือไทยให้พัฒนารุ่งเรือง มาจวบจนทุกวันนี้
ทางราชการจึงกำหนดให้ทุกวันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี เป็น
"วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ" หรือ "วันลูกเสือ"
โดยในวันนี้บรรดาลูกเสือไทยจะจัดกิจกรรมที่เป็นการระลึกถึง
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน รวมทั้งนำ
พวงมาลาไปถวายบังคมที่พระบรมรูปฯ สถานพระบรมราชานุสรณ์
และจัดให้มีการสวนสนามในโรงเรียน หรือสถานที่
ต่าง ๆ เช่น ณ สนามศุภชลาศัย หรือสนามกีฬาแห่งชาติ
สนามโรงเรียน ซึ่งทุกปี จะมีเหล่าลูกเสือจำนวนกว่าหมื่นคน
มาร่วมเดินสวนสนาม เพื่อแสดงความเคารพ และกล่าวทบทวน
คำปฏิญาณต่อองค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ
เพื่อประกาศความเป็นลูกเสืออย่างแท้จริง
ประเภทของลูกเสือไทย
- ลูกเสือสำรอง : อายุ 8-11 ปี เทียบชั้นเรียน ป.1-ป.4 มีคติพจน์คือ ทำดีที่สุด (DO YOUR BEST)
- ลูกเสือสามัญ : อายุ 12-13 ปี เทียบชั้นเรียน ป.5-ป.6 มีคติพจน์คือ จงเตรียมพร้อม (BE PREPARED)
- ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ : อายุ 15-17 ปี เทียบชั้นเรียน ม.1-ม.3 มีคติพจน์คือ มองไกล (LOOK WIDE)
- ลูกเสือวิสามัญ : อายุ 17-23 ปี เทียบชั้นเรียน ม.4-ม.6 มีคติพจน์คือ บริการ (SERVICE)
- ลูกเสือชาวบ้าน : อายุ 15-18 ปี มีคติพจน์คือ เสียชีพอย่าเสียสัตย์
- ส่วนผู้หญิงให้เรียกว่า "เนตรนารี" และแบ่งประเภทเหมือนลูกเสือ
คำปฏิญาณของลูกเสือ
"ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า"
- ข้อ 1 ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
- ข้อ 2 ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
- ข้อ 3 ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ
กฎของลูกเสือ มีทั้งหมด 10 ข้อ คือ
ข้อ 1 ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้
ข้อ 2 ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ข้อ 3 ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
ข้อ 4 ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสือทั่วโลก
ข้อ 5 ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย
ข้อ 6 ลูกเสือมีความเตตากรุณาต่อสัตว์
ข้อ 7 ลูกเสือเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดาและผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ
ข้อ 8 ลูกเสือมีใจร่าเริงและไม่ย่อท้อต่อความลำบาก
ข้อ 9 ลูกเสือเป็นผู้มัธยัสถ์
ข้อ 10 ลูกเสือประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ
ราชสดุดีเพลงลูกเสือ
ข้าลูกเสือเชื้อไทยใจเคารพ ขอน้อมนบบาทบงสุ์พระทรงศรี
พระบาทมงกุฎเกล้าฯ จอมเมาลี ทรงปรานีก่อเกื้อลูกเสือมา
ทรงอุตส่าห์อบรมบ่มนิสัย ให้มีใจรักชาติศาสนา
ทรงสั่งสอนสรรพกิจวิทยา เป็นอาภาผ่องพุทธิ์วุฒิไกร
ดังดวงจันทราทิตย์ประสิทธิ์แสง กระจ่างแจ้งแจ่มภพสบสมัย
พระคุณนี้จะสถิตสนิทใน ดวงหทัยทวยราษฎร์ไม่คลาดเอย
พิธีการสวนสนามและกล่าวคำปฏิญาณของลูกเสือ
เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ 1 กรกฎาคม
----------------------------------
การสวนสนามและกล่าวคำปฏิญาณของลูกเสือ
วันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี ถือว่าเป็นวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
พระองค์ได้ทรงสถาปนากิจการลูกเสือไทยขึ้นเป็นครั้งแรก
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ทางคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ
จึงได้ถือเอา วันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันที่ ลูกเสือทุกคนทุกประเภท
จะต้องแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ คือ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน โดยการกล่าวคำปฏิญาณของลูกเสือ
เฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือตัวแทนพระองค์
หรือพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และกระทำพิธีสวนสนาม ซึ่งมีขั้นตอนและพิธีปฏิบัติดังนี้
พิธีการนี้เป็นการจัดในระดับอำเภอหรือที่โรงเรียนซึ่งไม่มีธงคณะลูกเสือแห่งชาติ
หรือธงลูกเสือประจำจังหวัด
การจัดเตรียมสถานที่
1. ในการจัดพิธีภายในจังหวัดให้นำธงลูกเสือประจำจังหวัดอัญเชิญ
โดยกองลูกเสือเกียรติยศมาประจำแท่นที่เตรียมเพื่อรับการเคารพ
2. เครื่องหมายหรือธงที่จะแสดงจุดที่จะให้ลูกเสือแสดงความเคารพ จะมี 3 จุด คือ
ธงที่ 1 ธงเตรียมทำเคารพอยู่ห่างจากผู้รับการเคารพไปทางซ้ายมือของผู้รับการเคารพ 20 ก้าว
ธงที่ 2 ธงเริ่มทำความเคารพอยู่ห่างจากผู้รับการเคารพไปทางซ้ายมือของผู้รับการเคารพ 10 ก้าว
ธงที่ 3 ธงเลิกทำความเคารพอยู่ถัดจากผู้รับการเคารพไปทางขวามือของผู้รับการเคารพ 10 ก้าว
ลูกเสือและผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่จะเข้าร่วมพิธีสวนสนาม
1. ประธานในพิธีแต่งเครื่องแบบลูกเสือตามตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง
กางเกงขาสั้น ซึ่งประธาน สำหรับพิธีใน
จังหวัดจะได้แก่ผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด
หรือรองผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด ประธานในพิธีสำหรับอำเภอ
ได้แก่ผู้อำนวยการลูกเสืออำเภอหรือรองผู้อำนวยการลูกเสืออำเภอ
2. แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมในพิธีแต่งเครื่องแบบลูกเสือกางเกงขาสั้นตามตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง
3. ผู้กำกับกองลูกเสือและรองผู้กำกับกองลูกเสือแต่งเครื่องแบบลูกเสือกางเกงขาสั้นตามประเภทของลูกเสือที่ตนทำหน้าที่เป็นผู้กำกับกองและรองผู้กำกับกอง ถ้าเป็นลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ลูกเสือวิสามัญ จะต้องมีไม้ถือของลูกเสือตามประเภทของลูกเสือ ส่วนลูกเสือสำรองไม่ต้องมีไม้ถือ
4. ลูกเสือแต่งเครื่องแบบลูกเสือตามประเภทของตน ลูกเสือสามัญ มีไม้พลอง นายหมู่มีธงหมู่ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่และลูกเสือวิสามัญ มีไม้ง่าม นายหมู่มีธงหมู่ ลูกเสือสำรองไม่มีไม้พลองหรือไม้ง่าม
5. ลูกเสือผู้ทำหน้าที่ถือป้ายกองลูกเสือ 1 คน แต่งเครื่องแบบตามประเภทที่ตนสังกัด
6. ลูกเสือผู้ทำหน้าที่ ถือธงประจำกองลูกเสือ 1 คน แต่งเครื่องแบบตามประเภทที่ตนสังกัด
7. ลูกเสือ 1 กองจะประกอบด้วยลูกเสือ 6 - 8 หมู่ หมู่ 1ประกอบด้วยลูกเสือ 7 - 8 คน
8. ผู้กำกับกองลูกเสือ 1 คนและรองผู้กำกับกองลูกเสือ 1 คน ต่อลูกเสือ 1 กอง
9. วงดุริยางค์ที่ร่วมในพิธีแต่งเครื่องแบบลูกเสือตามประเภทที่ตนสังกัด
10. ลูกเสือชาวบ้านแต่งชุดปกติสวมผ้าผูกคอลูกเสือชาวบ้านติดเครื่องหมายคณะลูกเสือแห่งชาติ
การเตรียมแถวและรูปขบวนเพื่อทำพิธีสวนสนาม
1. ลูกเสือที่ทำหน้าที่ถือป้ายชื่อกองลูกเสือยืนอยู่ด้านหน้าสุด
2. ลูกเสือที่ทำหน้าที่ถือธงประจำกองลูกเสือยืนห่างจากผู้ถือป้ายกองลูกเสือ 5 ก้าว
3. ผู้กำกับกองลูกเสือ 1 คน ยืนห่างจากผู้ถือธงประจำกองลูกเสือ 5 ก้าว
4. รองผู้กำกับกองลูกเสือ 1 คน ยืนห่างจากผู้กำกับกองลูกเสือ 5 ก้าว
5. ลูกเสือจัดแถวหน้ากระดานหมู่ปิดระยะ นายหมู่อยู่ทางขวามือ ห่างจากรองผู้กำกับฯ 3 ก้าว
6. ระยะห่างระหว่างหมู่ 1 ก้าว
7. ลูกเสือแต่ละกองจะมีผู้กำกับฯ 1 คน และรองผู้กำกับฯ 1 คน ยืนต่อกันไปด้านหลังจากกองที่ 1
8. กองลูกเสือของแต่ละโรงเรียนจะยืนเรียงกันไป ระยะห่างระหว่างกอง 5 ก้าว
9. แถวกองผสม ซึ่งหมายถึงผู้กำกับฯที่มาร่วมพิธีและไม่ได้ประจำกองลูกเสือ จัดแถวหน้ากระดาน เรียง 8
โดยมีผู้บังคับขบวนสวนสนามยืนตรงกลางหน้าสุด เมื่อเริ่มเดินสวนสนาม
10. แท่นรับความเคารพและพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อยู่ตรงหน้าแถวลูกเสือทั้งหมด
การเริ่มพิธีสวนสนามและกล่าวคำปฏิญาณของลูกเสือ
1. กองลูกเสือตั้งแถวตามที่กำหนดไว้ ยืนอยู่ในท่าตามระเบียบพัก
2. กองผสมตั้งแถวอยู่ที่หัวขบวน
3. ผู้บังคับขบวนสวนสนามยืนประจำที่เตรียมพร้อมที่จะกล่าวรายงานต่อประธานในพิธี
4. แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมพิธีตั้งแถวรอรับประธาน
5. เมื่อถึงเวลาประธานในพิธีมาถึงบริเวณพิธี ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง
"ลูกเสือทั้งหมดตรง" เคารพประธานในพิธี (ตรงหน้า-,ทางขวา,ทางซ้าย-ระวัง)
"วันทยาวุธ" ลูกเสือทุกคนทำความเคารพ ผู้ที่มีไม้พลอง ไม้ง่าม ทำวันทยาวุธ
ผู้กำกับลูกเสือทำความเคารพด้วยท่าไม้ถือ แขกผู้มีเกียรติ และผู้ที่ไม่มีไม้ถือ
ให้ทำวันทยาหัตถ์ ลูกเสือสำรองยืนในท่าตรงไม่ต้องทำ วันทยาหัตถ์
วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ผู้ที่ถือธงทำความเคารพด้วยท่าธง
ผู้ถือป้าย ยืนตรงไม่ต้องทำวันทยาหัตถ์ประธานในพิธีและผู้ติดตาม
ที่แต่งเครื่องแบบลูกเสือรับความเคารพ ด้วยการทำวันทยาหัตถ์ จนจบเพลงหมาฤกษ์
6. เมื่อวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์จบ ผู้บังคับขบวนสวนสนาม
วิ่งไปรายงานจำนวนผู้บังคับบัญชา ลูกเสือและจำนวนลูกเสือที่มาร่วมในพิธีและ
เชิญประธานตรวจพลสวนสนามและเดินตามประธานตรวจพล พร้อมผู้ติดตาม
ในขณะนั้นทุกคนทำวันทยาวุธและท่าตรง เมื่อประธานเดินผ่านกองลูกเสือใดให้ผู้ถือธง
ประจำกองลูกเสือทำความเคารพด้วยท่าเคารพธง
จนตรวจครบทุกกองผู้บังคับขบวนสวนสนามส่งประธาน
ประจำที่และกลับประจำที่เดิมสั่ง " เรียบ-อาวุธ " ทุกคนปฏิบัติตาม
7. ตัวแทนลูกเสือกล่าวรายงานกิจการลูกเสือในรอบปี หรือถ้ามีลูกเสือได้รับเครื่องหมายลูกเสือสรรเสริญ
หรือเหรียญสดุดีลูกเสือหรือได้รับเครื่องหมายวูดแบด ก็อาจจะทำพิธีมอบในเวลานี้
8. ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง "ลูกเสือสำรองเตรียมกล่าวปฎิญาณ - ตามข้าพเจ้า -แสดงรหัส" ทุกคนแสดง
รหัสลูกเสือสำรองแสดงรหัสลูกเสือสำรอง ด้วยการทำวันทยาหัตถ์ 2 นิ้ว ลูกเสืออื่น และผู้อยู่ใน
บริเวณพิธีแสดงรหัสลูกเสือ 3 นิ้ว ไม่ต้องกล่าวตาม ลูกเสือสำรองกล่าวตาม
" ข้าสัญญาว่า"
ข้อ 1 ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ข้อ 2 ข้าจะยึดมั่นในกฎของลูกเสือสำรองและบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นทุกวัน
เมื่อกล่าวจบ ผู้บังคับขบวนสนามสั่ง " ลูกเสือสามัญ -ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ๋-ลูกเสือวิสามัญ-ลูกเสือ ชาวบ้าน-กล่าว
คำปฎิญาณตามข้าพเจ้า" ทุกคนยังแสดงหรัสอยู่และกล่าวคำปฎิญาณตาม ส่วนลูก เสือสำรองยืนในท่าตรง
ไม่ต้องกล่าว
" ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า"
ข้อ 1 ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ข้อ 2 ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
ข้อ 3 ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ
เมื่อกล่าวจบ ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง " เอามือลง - ตามระเบียบพัก " ในการแสดงรหัสของลูกเสือที่ถือไม้พลองหรือไม้ง่าม ให้เอาไม้ง่ามหรือไม้พลองพิงไว้ที่ไหล่ซ้ายโคนไม้ อยู่ระหว่างปลายเท้าทั้ง 2 แขนซ้ายงอตั้งฉาก มือขวาแสดงรหัส ผู้ที่ถือธงก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ที่ถือไม้ง่าม หรือไม้พลอง ผู้ที่ถือป้านให้ถือป้ายด้วยมือซ้ายมือขวาแสดงรหัส
ผู้กำกับที่มีไม้ถือก็แสดงรหัสด้วยมือขวา มือซ้ายถือไม้ถือ ลูกเสือหรือผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่ไม่มีไม้ถือ ก็ให้ยืนตรงแสดงรหัสด้วยมือขวา
9. เมื่อกล่าวคำปฏิญาณจบประธานให้โอวาท เมื่อจบแล้ว ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง "ลูกเสือทั้งหมดตรง" "
เตรียมสวนสนาม" หากมีแตรเดี่ยว แตรเดี่ยวก็จะวิ่งมาตรงหน้าประธานและเป่าแตรเตรียมสวนสนาม เมื่อแตรเป่าจบผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง "ขวาหัน" ดุริยางบรรเลงเพลงเดินสวนสนาม เช่น เพลงสยามมานุสติ ผู้บังคับขบวนสวนสนามวิ่งไปยืนหน้ากองผสม สั่ง "กองผสม-หน้าเดิน" เมื่อเดินผ่านประธานแล้วให้วิ่งไปยืนทางด้านข้างประธานในท่าวันทยาวุธ ส่วนกองผสมเดินผ่านไปแล้วเข้าประจำที่เดิม
10. สำหรับกองลูกเสือแต่ละกองเมื่อพร้อมแล้ว รองผู้กำกับฯของแต่ละกองสั่ง "แบกอาวุธ" "หน้าเดิน
11. เมื่อผู้กำกับกองลูกเสือเดินผ่านธงที่ 1 ให้อยู่ในท่าบ่าอาวุธ ผ่านธงที่ 2 ให้ทำความเคารพ ผ่านธงที่ 3
ให้เลิกทำความเคารพ
12. เมื่อรองผู้กำกับกองลูกเสือผ่านธงที่ 1 ให้สั่ง "ระวัง" และอยู่ในท่าบ่าอาวุธ เมื่อผ่านธงที่ 2 ให้สั่ง
"แลขวาทำ" ตัวรองผู้กำกับก็ทำความเคารพ เมื่อผ่านธงที่ 3 ก็ให้เลิกทำความเคารพ
13. กองลูกเสือเมื่อรองผู้กำกับสั่ง "แบกอาวุธ"ก็แบกอาวุธและหน้าเดิน เมื่อได้ยินรองผู้กำกับฯ
สั่ง "ระวัง" ทุกคนก็เตรียมตัวทำความเคารพ เมื่อรองผู้กำกับฯสั่ง "แลขวาทำ " ทุกคนสลัดหน้าไปทางขวายกเว้น นายหมู่ให้หน้ามองตรง แขนแกว่งปกติทุกคน ทั้งนี้ให้เริ่มทำเมื่อได้ยินคำสั่งไม่ต้องรอให้ถึงธงที่ 2 และเมื่อเดินถึงธงที่ 3 ให้เลิกทำเองโดยไม่ต้องรอคำสั่ง
14. สำหรับลูกเสือสำรองซึ่งไม่มีไม้พลองหรือไม้ง่าม เมื่อได้ยินคำสั่ง "ระวัง"ก็เดินปกติ เมื่อได้ยินคำ
สั่ง "แลขวา-ทำ" ก็สลัดหน้าไปทางขวายกเว้นนายหมู่หน้ามองตรงไปข้างหน้า แขนทั้ง 2 ข้าง
แนบลำตัวไม่ต้องทำวันทยาหัตถ์ เมื่อผ่านธงที่ 3 ก็เดินแกว่งแขนปกติไม่ต้องรอคำสั่ง
15. เมื่อลูกเสือทุกกองเดินผ่านประธานครบแล้วก็เดินกลับประจำที่เดิมรอส่งประธาน
16. ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง "ลูกเสือทั้งหมด-ตรง" "เคารพประธาน-ตรงหน้าระวัง "
"วันทยาวุธ" ดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ทุกคนทำความเคารพเหมือนเมื่อตอนที่ประธานมา
17. เมื่อวงดุริยางค์บรรเลงจบ ประธานกลับ ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง
"เรียบ - อาวุธ" "เลิกแถว" เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้น
อาจจะมีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของลูกเสือแต่ละกอง
การทำความเคารพของผู้ถือธงประจำกองลูกเสือ
ขณะอยู่กับที่
ให้ถือธงด้วยมือขวา โคนคันธงจดพื้นและแนบกับลำตัว แขนซ้ายแนบลำตัวอยู่ในท่าตรง เมื่อได้ยินคำสั่งให้ทำความเคารพ ใช้มือซ้ายจับคันธงเหนือมือขวาและยกคันธงขึ้นมาด้วยมือซ้ายมือขวาจับคันธงเหยียด ตรงแนบลำตัว
ยกคันธงขึ้นมาจนแขนซ้ายเสมอบ่าขวา ข้อศอกซ้ายตั้งได้ฉาก ครั้นแล้วทำกึ่งขวาหัน ลดปลายธงลงข้างหน้าช้าๆ จนคันธงขนานกับพื้น มือซ้ายอยู่เสมอแนวบ่าห่างจากตัวพอสมควร มือขวาจับโคนคันธงแขน เหยียดตรงไปทางด้านหลังตามแนวคันธง แล้วค่อยๆยกคันธงขึ้นช้าๆ จนคันธงตั้งตรง ทำกึ่งซ้ายหัน ใช้มือซ้ายจับคันธงลดลงมา จนมือซ้ายชิดมือขวา โค่นคันธงจดพื้น สลัดมือซ้ายกลับอยู่ในท่าตรง ท่าตามระเบียบพักก็ยืนเหมือนกับที่ตรง เพียงหย่อนเข่าซ้ายหรือขวาเล็กน้อย
ขณะเดิน
เมื่อได้ยินคำสั่งให้สวนสนามและแบกอาวุธให้ใช้มือซ้ายจับคันธงเหนือมือขวาแล้วชิดมือขวายกคันธงขึ้นมา ด้วยมือซ้ายมือขวาจับคันธงเหยียดตรงแนบลำตัว ยกคันธงขึ้นมาจนแขนซ้ายเสมอบ่าขวาข้อศอกซ้ายตั้ง ได้ฉากปล่อยมือซ้ายกลับลงที่เดิม งอข้อศอกขวา 90 องศา คันธงอยู่บนบ่าขวา อยู่ในท่าแบกอาวุธ เมื่อเดิน ถึงธงที่ 1 (ธงระวัง) ให้ลด
ธงลง จากบ่ามาแนบลำตัว มือซ้ายจับคันธงข้อศอกงอตั้งฉากขนานกับพื้นแขนขวาเหยียดตรงข้างลำตัว ปลายธงชี้ ตรง เมื่อถึงธงที่ 2 (ธงทำความเคารพ) ให้เหยียดแขนซ้ายตรงไปข้างหน้ากำคันธงไว้ ให้คันธงเอนออกไปข้างหน้า ประมาณ 45 องศา แขนขวาเหยียดตรงแนบข้างลำตัว ตาแลตรงไปข้างหน้า เมื่อถึงธงที่ 3 (ธงเลิกทำความเคารพ) ให้ดึงธงขึ้นมาอยู่ในท่าตรงสลัดแขนซ้ายกลับที่เดิมงอข้อศอกขวาคันธงอยู่บนบ่าขวาอยู่ในท่าแบกอาวุธเดินไปตามปกติ โอกาสที่จะทำความเคารพจะทำเมื่อ มีการบรรเลงเพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงมหาฤกษ์เพลงมหาชัย เพลงสรรเสริญเสือป่า เมื่อธงคณะลูกเสือแห่งชาติ ธงลูกเสือจังหวัดที่เชิญผ่านไป องค์พระ ประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ประธานในพิธีการลูกเสือที่แต่งเครื่องแบบ
การทำความเคารพของผู้ถือป้ายประจำกองลูกเสือ
ขณะอยู่กับที่
ให้ถือป้ายโดยใช้มือขวากำคันป้ายชิดกับแผ่นป้ายมือซ้ายกำต่อจากมือขวา โคนป้ายอยู่ระหว่างปลายเท้าทั้งสอง เมื่อได้ยินคำสั่งให้ทำความเคารพก็ยืนในท่าตรงปกติมืออยู่ที่เดิม เมื่อได้ยินคำสั่งให้แบกอาวุธ ให้ ปล่อยมือขวาลงมือซ้ายยกป้ายไปไว้ที่รองไหล่ขวา มือขวาจับที่โคนคันป้าย แขนซ้ายงอขนานกับพื้น แขนขวา เหยีดตรง แผ่นป้ายอยู่เหนือศีรษะเล็กน้อย
ขณะเดิน
เดินถือป้ายในท่าแบกอาวุธ หน้ามองตรง เมื่อเดินก่อนถึงธงที่ 1 ประมาณ 20 ก้าวให้บิดป้ายไปทางขวา
และเดินไปเรื่อยๆจนผ่านธงที่ 3 ให้บิดป้ายกลับ
การใช้ไม้ถือของผู้บังคับบัญชาลูกเสือ
ขณะทำความเคารพอยู่กับที่
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับกองลูกเสือสามัญ,สามัญรุ่นใหญ่, วิสามัญ
และผู้ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับขบวนสวนสนามเมื่อร่วมพิธีสวนสนามและทบทวนคำปฏิญญาณจะต้องมีไม้ถือ
มีข้อปฏิบัติ คือ
1. ท่าถือปกติ ใช้มือซ้ายถือไม้ถือ โดยเอาหนีบไว้ใต้ซอกรักแร้ แขนซ้ายท่อนบนขนานกับลำตัวและ หนีบไม้ไว้แขนซ้ายท่อนล่างเหยียดตรงไปข้างหน้า มือซ้ายกำโคนไม้ถือ ห่างปลายโคนไม้ถือประมาณ 1 ฝ่ามือหงายฝ่ามือขึ้นให้ไม้ถือขนานกับพื้น
2. ท่าบ่าอาวุธ เอามือขวาจับที่โคนไม้ถือ โดยคว่ำฝ่ามือลง แล้วดึงไม้ถือออกจากซอกรักแร้ ชี้ไม้ถือให้เฉียงประมาณ 45 องศา ปลายชี้ขึ้นฟ้า แขนขวาเหยียดตรง ปล่อยแขนซ้ายลงข้างลำตัว หลังจากนั้นดึงไม้ถือเข้าหาปากห่างจากปากประมาณ 1 ฝ่ามือ แขนขวางอตั้งฉากขนานกับพื้น ไม้ถือชี้ขึ้นตั้งตรงมือขวากำโคนไม้ถือ นิ้วทั้ง 4 เรียงกันด้านนอก นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านใน จากนั้นจับไม้ถือเข้าหาร่องไหล่ขวา แขนขวาเหยียดตรงแนบลำตัว โคนไม้ถืออยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือ ปลายไม้ชี้ขึ้นตรงอยู่ในร่องไหล่ขวา
3. ท่าวันทยาวุธ จะต้องทำต่อจากท่าบ่าอาวุธ ซึ่งในขณะนั้นไม้ถืออยู่ที่ร่องไหล่ขวา ให้ยกไม้ถือขึ้น เสมอปากห่างจากปากประมาณ 1 ฝ่ามือ แขนขวางอขนานกับพื้น จากนั้นให้ฟาดไม้ลงให้ปลายไม้ชี้ที่พื้นดิน เฉียงประมาณ 45 องศา ปลายไม้ห่างจากพื้นดินประมาณ 1 คืบ แขนขวาแนบลำตัว แขนซ้ายแนบลำตัว เหมือนอยู่ในท่าตรง หน้ามองตรง
4. ท่าเรียบอาวุธ ทำต่อจากท่าวันทยาวุธ ยกไม้ถือขึ้นเสมอปากแล้วดึงไม้ถือเข้าหาร่องไหล่ขวา เหมือนท่าบ่าอาวุธ (เป็นจังหวะที่ 1 ซึ่งเมื่อสั่ง "เรียบ-อาวุธ" จะทิ้งจังหวะให้ทำในจังหวะที่ 1 ก่น คือสั่งว่า "เรียบ" แล้วทิ้งช่วงไว้จนทำเสร็จจังหวะที่ 1 แล้วสั่งว่า "อาวุธ" จึงเริ่มทำจังหวะที่ 2) จากนั้นกำโคนไม้ถือ เหยียดแขนขวาขึ้นเฉียงขึ้น 45 องศา ปลายไม้ถือชี้ขึ้นฟ้า หักข้อมือขวาลงให้ปลายไม้ถือชี้เข้าหาซอกรักแร้ ซ้ายงอแขนซ้ายขึ้นรองรับไม้ถือ จับไม้ถือด้วยมือซ้ายเหมือนท่าถือปกติ
การทำความเคารพด้วยไม้ถือจะทำเมื่อได้ยินคำสั่ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 สั่งเมื่อประธานในพิธีมาถึงและวงดุริยางค์บรรเลงเพลง มหาฤกษ์ จนจบเพลง
"เคารพประธานในพิธี-ตรงหน้าระวัง" ก็ดึงไม้ถือจากท่าถือปกติมาเป็นท่าบ่าอาวุธ
"วันทยาวุธ" จับไม้ถือจากท่าบ่าอาวุธเป็นท่าวันทยาวุธ "เรียบ"
จากท่าวันทยาวุธมาเป็นท่าบ่าอาวุธ "อาวุธ" จากท่าบ่าอาวุธกลับมาเป็นท่าถือปกติ
ครั้งที่ 2 เมื่อจะเริ่มสวนสนาม ดุริยางค์บรรเลงเพลงเดิน เช่น เพลงสยามมานุสติ
"แบกอาวุธ" ทำจากท่าถือปกติมาเป็นท่าบ่าอาวุธ
ครั้งที่ 3 สั่งเมื่อส่งประธานในพิธีกลับ ดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์
"เคารพประธานในพิธี-ตรงหน้าระวัง"
ก็ดึงไม้ถือจากท่าถือปกติมาเป็นท่าบ่าอาวุธ
"วันทยาวุธ" จับไม้ถือจากท่าบ่าอาวุธเป็นท่าวันทยาวุธ "เรียบ"
จากท่าวันทยาวุธมาเป็นท่าบ่าอาวุธ "อาวุธ" จากท่าบ่าอาวุธกลับมาเป็นท่าถือปกติ
ขณะเดินสวนสนาม
1. เมื่อเริ่มเดินจะถือไม้ถืออยู่ในท่าบ่าอาวุธ แขนซ้ายแกว่งปกติ แขนขวาแกว่งเล็กน้อย
2. เมื่อเดินถึงธงที่ 1 ยกไม้ถือจากท่าบ่าอาวุธมาเสมอปาก ปลายไม้ชี้ขึ้นฟ้าแขนขวางอขนานกับพื้น แขนซ้ายแกว่งปกติ ผู้กำกับฯทำเองเมื่อเดินถึงธงที่ 1 รองผู้กำกับฯ เมื่อถึงธงที่ 1 ให้ทำพร้อมกับออกคำสั่งว่า "ระวัง"
3. เมื่อเดินถึงธงที่ 2 ก็ฟาดไม้ลงเหมือนท่าวันทยาวุธ แขนซ้ายไม่แกว่ง สลัดหน้าไปทางขวาผู้กำกับฯทำเมื่อถึงธงที่ 2 รองผู้กำกับฯทำพร้อมออกคำสั่งว่า "แลขวา-ทำ" เมื่อเดินถึงธงที่ 2
4. เมื่อเดินถึงธงที่ 3 ก็ดึงไม้กลับจากท่าวันทยาวุธกลับมาเป็นท่าบ่าอาวุธ ผู้กำกับฯและรองผู้กำกับฯทำเมื่อเดินผ่านธงที่ 3 โดยไม่ต้องออกคำสั่ง การทำความเคารพด้วยไม้ถือขณะเดินให้ทำไปพร้อมกับเดินโดยทำและออกคำสั่งเมื่อจังหวะตบเท้าซ้าย
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
๑. ทำบุญใส่บาตร เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านผู้ให้กำเนิดลูกเสือแห่งประเทศไทย
๒. จัดนิทรรศการ เผยแผ่ ประวัติความเป็นมาของลูกเสือและผลงานต่างๆ
๓. ร่วมกิจกรรมต่างๆในวันลูกเสือ เช่น การนำพวงมาลาไปถวายบังคมที่พระบรมรูปฯ สถาน
พระบรมราชานุสรณ์ หรือที่ที่ทางราชการกำหนด
๔. เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ
๕. เดินสวนสนามทบทวนกฎ คำปฏิญญาลูกเสือ เนตรนารี
แนวปฏิบัติวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ 1 กรกฎาคม
ระดับเขตพื้นที่การศึกษา
-----------------------
- กองลูกเสือ เนตรนารี จากสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาตั้งแถวในสนาม
- ประธาน (ผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา) มาถึง และขึ้นยืนบนแท่นเคารพ
ผู้บังคับขบวนสวนสนามสั่ง “ลูกเสือ – ตรง”
“ทำความเคารพผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา”
“ตรงหน้า, ระวัง วันทยา - วุธ” วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จบเพลงมหาฤกษ์
ผู้บังคับขบวนสวน สนามสั่ง “เรียบ – อาวุธ” (ทุกคนยังคงยืนอยู่ในท่าตรง)
- ประธานเดินไปหน้าโต๊ะหมู่ที่ตั้งพระบรมฉายาลักษณ์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ ถวายความเคารพ
(วันทยหัตถ์) ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “ลูกเสือ ,ถวายความเคารพแด่พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ”
“ตรงหน้า , ระวัง” ประธานเปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะ เสร็จแล้ว ถอยหลัง 1 ก้าว ถวายความเคารพ
(วันทยหัตถ์) ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “วันทยา – วุธ” วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงสรรเสริญ
พระบารมี จบเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง
“เรียบ – อาวุธ” “ ตามระเบียบ , พัก”
- ประธานขึ้นยืนบนแท่นเคารพ รองผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษากล่าวรายงานกิจการลูกเสือในรอบปี
- ประธานมอบโล่แก่ผู้มีอุปการคุณ หรือเกียรติบัตรแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือดีเด่น หรือเข็มลูกเสือบำเพ็ญประโยชน์แก่ลูกเสือ
- ผู้ตรวจการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา นำลูกเสือทบทวนคำปฏิญาณ
“ลูกเสือเตรียมกล่าวคำปฏิญาณ , ตรง”
“ลูกเสือสำรอง กล่าวคำปฏิญาณตามข้าพเจ้า” (ทุกคนแสดงรหัส ลูกเสือสำรองทำวันทยหัตถ์
ขณะทบทวนคำปฏิญาณให้ประธานหันหน้าไปยังโต๊ะหมู่ที่ตั้งพระบรมฉายาลักษณ์และแสดงรหัส)
“ข้าสัญญาว่า /
ข้อ 1 / ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ / ศาสนา / พระมหากษัตริย์ /
ข้อ 2 / ข้าจะยึดมั่นในกฎของลูกเสือสำรอง / และบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น
ทุกวัน” / (ทุกคนลดมือลง อยู่ในท่าตรง)
“ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ลูกเสือวิสามัญ (ถ้ามี) และเนตรนารี
(ถ้ามี) กล่าวคำปฏิญาณตามข้าพเจ้า” (ทุกคนแสดงรหัส ลูกเสือสำรอง ทำวันทยหัตถ์)
“ด้วยเกียรติของข้า / ข้าสัญญาว่า /
ข้อ 1 / ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ / ศาสนา / พระมหากษัตริย์ /
ข้อ 2 / ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ /
ข้อ 3 / ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ” /
(ทุกคนลดมือลง อยู่ในท่าตรง)
- ประธานให้โอวาท จบคำให้โอวาท ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง
“ตรงหน้า, ระวัง วันทยา – วุธ”
วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จบเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เรียบ – อาวุธ”
(ทุกคนในสนามยังคงยืนอยู่ในท่าตรง)
- แตรเดี่ยวเป่าให้สัญญาณเตรียมสวนสนาม 2 ครั้ง ผู้บังคับขบวนสวนสนาม
สั่ง “ลูกเสือเตรียมสวนสนาม” “แบก – อาวุธ”
- แตรเดี่ยวเป่าให้สัญญาณหน้าเดิน 2 ครั้ง ผู้บังคับขบวนสวนสนาม
สั่ง “เลี้ยวขวา, หน้า – เดิน”
- ขบวนลูกเสือ – เนตรนารี เดินสวนสนาม เมื่อถึงธงที่ 1 สีเหลือง (ธงเตรียมทำความเคารพ)
รองผู้กำกับลูกเสือ สั่ง “ระวัง” (การสั่งให้ตกเท้าขวา) ก่อนถึงธงที่ 2 สีแดง (ธงทำความเคารพ) 2 ก้าว
รองผู้กำกับลูกเสือ สั่ง “แลขวา – ทำ” (การสั่งให้ตกเท้าขวาเสมอ)
เมื่อตับใดผ่านธงที่ 3 สีเขียว
(ธงเลิกทำความเคารพ) ให้เลิกทำความเคารพ
- ขบวนลูกเสือ-เนตรนารี เดินกลับเข้าสู่ที่ตั้งในสนาม และอยู่ในท่าพักตามระเบียบ
1. ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่งลูกเสือทำความเคารพประธานในพิธี
“ตรงหน้า, ระวัง วันทยา – วุธ”
วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์
- จบเพลงมหาฤกษ์ ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “เรียบ – อาวุธ”
- ประธานเดินทางกลับ
- ผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง “แยก”
----------------------------
การทำความเคารพของผู้ถือป้าย
๑. เวลาอยู่กับที่ถือป้ายทั้งสองมือ คือมือขวากำคันป้ายชิดแผ่นป้าย มือซ้ายกำต่อลงมาชิดมือขวาโคนคันป้ายจรดพื้นตรงหน้ากึ่งกลางระหว่างปลายเท้าทั้งสอง เวลาทำความเคารพขณะอยู่กับที่ผู้ถือป้ายทำท่าตรงเท่านั้น
๒. เวลาเคลื่อนที่ ให้ถือป้าย โดยมือขวาจับคันป้าย ในลักษณะคว่ำมือ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจับที่สำหรับจับ (ถ้ามี) ถ้าไม่มีที่สำหรับจับ ก็ให้โคนคันป้ายวางอยู่บนอุ้งมือขวา โดยหันฝ่ามือเข้าหาตัว แขนขวาเหยียดตรงแนบลำตัว มือซ้ายจับคันป้ายในแนวเสมอไหล่ขวา และตั้งได้ฉากกับลำตัว หันหน้าป้ายไปข้างหน้า
๓. การทำความเคารพในขณะเดินสวนสนาม ให้ถือป้ายตามปกติ ตามองตรงไปข้างหน้าขนานกับพื้น (ไม่ต้องสะบัดหน้าไปยังประธานในพิธี) แต่ให้หันหน้าป้ายเข้าหาประธานในพิธีก่อนที่จะถึงธงที่ ๑ ประมาณ ๒๐ ก้าวและหันป้ายกลับที่เดิม เมื่อผ่านพ้นธงที่ ๓ แล้ว
การทำความเคารพของผู้ถือธงประจำกองลูกเสือ
๑. เวลาอยู่กับที่ให้ผู้ถือธงอยู่อยู่ในท่าตรงและหย่อนเข่าขวา ถือธงด้วยมือขวา โคนคันธงจรดกับพื้นประมาณโคนนิ้วก้อยเท้าขวา คันธงแนบกับลำตัวอยู่ร่องไหล่ขวา เวลาทำความเคารพ ให้ผู้ถือธงทำความเคารพด้วยท่าธงติดต่อกันไป โดยอาศัยคำสั่งว่า “ตรงหน้า,ระวัง” ดังนี้
๑.๑ ให้ผู้ถือธงใช้มือซ้ายไปจับคันธงชิดมือขวาและเหนือมือขวา แล้วใช้มือซ้ายยกคันธงขึ้นมาใน
แนวตรงเสมอไหล่ขวา ข้อศอกซ้ายตั้งเป็นมุมฉากกับลำตัว มือขวายังคงเหยียดตรง และจับคันธงไว้ แล้วทำกึ่งขวาหัน
เมื่อได้ยินคำว่า “วันทยา – วุธ” (วงดุริยางค์ลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์)
๑.๒ ค่อยๆลดปลายคันธงลงไปทางไหล่ซ้ายอย่างช้าๆ ตามจังหวะของเพลง พร้อมกับเลื่อนมือซ้ายที่กำคันธงอยู่ทางแนวไหล่ขวา มาทางด้านไหล่ซ้าย โดยการลดข้อศอกซ้ายลงแนบลำตัว จนคันธงอยู่ในแนวขนานกับพื้น มือซ้ายอยู่เสมอแนวไหล่ซ้ายห่างจากตัวเล็กน้อย มือขวาจับคันธงยกขึ้นจนแขนขวาเหยียดตรงไปทางขวามือตามคันธง และให้คันธงวางอยู่บนร่องระหว่างนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ของมือขวา (เมื่อเพลงบรรเลงไปได้ครึ่งเพลง)
๑.๓ ครั้นแล้วให้ยกปลายคันธงกลับขึ้นช้าๆให้ได้จังหวะเช่นเดียวกับขาลงโดยใช้มือขวา
กดโคนคันธงลงจนคันธงตั้งตรง และแขนขวาแนบลำตัว ข้อศอกซ้ายตั้งเป็นมุมฉากกับลำตัว เมื่อเพลงบรรเลงจบลง
๑.๔ เมื่อได้ยินคำสั่ง “เรียบ” ให้ทำกึ่งซ้ายหันกลับ และเมื่อได้ยินคำสั่ง “อาวุธ” ให้ลดคันธงลงจรดพื้นข้างนิ้วก้อยเท้าขวา นำมือซ้ายกลับลงข้างลำตัวและยืนอยู่ในท่าตรง
๒. เวลาเคลื่อนที่ ให้แบกธงด้วยบ่าขวา ยกธงขึ้นด้วยมือขวาและใช้มือซ้ายช่วย นำคันธงขึ้นพาดบนบ่าขวา ต้นคันธงเฉลียงลงเบื้องล่าง ข้อศอกขวาทำมุม ๙๐ องศากับลำตัวแล้วลดมือซ้ายกลับมาอยู่ที่เดิม
๓. การทำความเคารพในขณะเดินสวนสนามให้ปฏิบัติ ดังนี้
- เมื่อถึงธงที่ ๑ สีเหลือง (ธงระวัง) ให้ลดธงลงจากท่าแบกมาแนบลำตัว โดยการเหยียด
แขนขวาให้ตึง คันธงตั้งตรง มือขวากำคันธง ยกมือซ้ายมาจับคันธงในแนวไหล่ซ้าย ยก
ข้อศอกซ้ายให้ตั้งได้ฉากกับลำตัว
- เมื่อถึงธงที่ ๒ สีแดง (ธงทำความเคารพ) ให้เหยียดแขนซ้ายตรงออกไปข้างหน้า
มือซ้ายกำคันธงไว้ ให้คันธงเอนไปข้างหน้าประมาณ ๔๕ องสา มือขวาแนบลำตัว ตาแลตรงไปข้างหน้า ขนานกับพื้น
- เมื่อผ่านธงที่ ๓ สีเขียว (ธงเลิกทำความเคารพ) ให้ยกธงขึ้นมาอยู่ในท่าแบกธงตามเดิม และลดมือซ้ายลงแกว่งแขนตามปกติ
๔. การทำความเคารพของลูกเสือในขณะเดินสวนสนาม
ด้านหน้าปะรำพิธี จะมีธงเป็นเครื่องหมายอยู่ ๓ ธง ธงที่ ๑ สีเหลือง คือธงเตรียมเคารพ ธงที่ ๒ สีแดง คือธงเคารพ และ
ธงที่ ๓ สีเขียว คือธงเลิกทำความเคารพ
๑. ก่อนถึงธงที่ ๑ ลูกเสือในแถวเมื่อได้ยินรองผู้กำกับสั่ง “ระวัง” ให้ลูกเสือทุกคนตบเท้าอย่างเข้มแข็ง ก่อนถึงธงที่๒ เมื่อได้ยินรองผู้กำกับสั่ง “แลขวา – ทำ” ให้ลูกเสือทุกคนสะบัดหน้าไปทางขวา ยกเว้นคนที่ขวาสุดของแถวไม่ต้องสะบัดหน้า คงมองตรงไปข้างหน้าขนานกับพื้น ลูกเสือที่มีไม้พลองหรือไม้ง่าม เวลาสะบัดหน้าต้องแกว่งแขนด้วย ส่วนลูกเสือที่ไม่มีไม้พลองหรือไม้ง่าม เวลาสะบัดหน้าแขนทั้ง ๒ ข้างไม่แกว่ง
หมายเหตุ ลูกเสือเมื่อได้ยินคำสั่ง “แลขวา – ทำ” ลูกเสือทุกคนต้องทำ(ยกเว้นคนขวาสุด)ถึงแม้จะยังไม่ถึงธงที่ ๒ ก็ตาม เมื่อถึงธงที่ ๓ ตับใดผ่านก่อนก็ให้สะบัดหน้ากลับโดยพร้อมเพรียงกัน
๒. ผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่ไม่มีไม้ถือ เมื่อถึงธงที่ ๒ ให้ทำวันทยหัตถ์พร้อมกับสะบัดหน้าไปทางขวา แขนไม่แกว่ง จนผ่านธงที่ ๓ จึงสะบัดหน้ากลับ และเดินแกว่งแขนตามปกติ
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่มีไม้ถือ ให้เดินท่าบ่าอาวุธ เมื่อถึงธงที่ ๑ ให้ยกไม้ถือขึ้นมาเสมอปาก ห่างจากปากประมาณ ๑ ฝ่ามือ แขนซ้ายยังคงแกว่งอยู่ เมื่อถึงธงที่ ๒ ให้ทำท่าวันทยาวุธ พร้อมกับสะบัดหน้าไปยังประธานในพิธี แขนซ้ายไม่แกว่ง เมื่อผ่านธงที่ ๓ ให้สะบัดหน้ากลับ ยกไม้ขึ้นเสมอปาก แล้วลดลงในท่าบ่าอาวุธ และเดินแกว่งแขนตามปกติ
๓. รองผู้กำกับลูกเสือ เมื่อถึงธงที่ ๑ ให้สั่ง “ระวัง”(พร้อมกับยกไม้ถือขึ้นมาเสมอปาก) ให้แถวลูกเสือเดินเข้าระเบียบอย่างดีที่สุด และเมื่อใกล้ถึงธงที่ ๒ (ประมาณ ๒ ก้าว) ให้รองผู้กำกับสั่ง “แลขวา - ทำ” (การสั่งให้ตกเท้าขวาเสมอ) ขณะเดียวกันให้ผู้สั่งทำความเคารพด้วยไม้ถือพร้อมกับคำว่า “ทำ” (ตัวเองทำวันทยาวุธ พร้อมกับสะบัดหน้าไปทางขวา แขนซ้ายไม่แกว่ง) จนผ่านธงที่ ๓ จึงสะบัดหน้ากลับเลิกทำความเคารพ แล้วเดินแกว่งแขนตามปกติ
(ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
ว่าที่ ร้อยโทณัฏฐ์ ยุวยุทธ
ประธานฝ่ายสวนสนามวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ)
หมายเหตุ แต่งเครื่องแบบลูกเสือชุดฝึก ใช้ผ้าผูกคอตามสังกัด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.tlcthai.com/education/history-of-thailand/4491.html
https://hilight.kapook.com/view/38711
http://www.w-nikro.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=513614&Ntype=4
ไม่มีความเห็น