ค่ายคืนธรรมชาติสู่ผืนป่า คืนปัญญาสู่สังคม



มหาวิทยาลัยสอนให้ฉันคิด

มหาวิทยาลัยให้ชีวิตและเหตุผล

มหาวิทยาลัยสอนให้เห็นตัวตน

มหาวิทยาลัยสอนคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์


เมื่อวันที่ 19-21 พฤษภาคม 2560 กระผมและทีมงานพรรคชาวดินได้สร้างสรรค์กิจกรรมโครงการคืนธรรมชาติสู่ผืนป่า คืนปัญญาสู่สังคม โดยการขับเคลื่อนของกลุ่มคนเล็กๆที่มีใจในการทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมโดยมีการประชุมวางแผน สำรวจค่าย ติดต่อประสานงานกับปลายทางที่จะไปจัดกิจกรรมอย่างเสร็จสรรพ แต่กิจกรรมครั้งนี้นับว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่มีทีมเตรียมค่าย แต่มีทางวัดป่าโคกกลาง ได้เตรียมอำนวยความสะดวกอย่างดี เมื่อเวลา 05.00 น.ได้นัดรวมกลุ่มกลับสมาชิกค่ายจำนวน 42 คน แต่ก็ต้องรอเพื่อนสมาชิกบางส่วนจนรถออกเวลา 06.30 น. ก่อนขึ้นรถก็แจกขนม และนม น้ำดื่มเพื่อทานระหว่างทาง

มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูผายลเวลาประมาณ 10 โมงเช้า ได้พาเพื่อนร่วมค่ายเดินชมทัศนียภาพของอุทยานแห่งชาติภูผายล ซึ่งมีน้ำตกถึงสามชั้นบริเวณเขตพื้นที่ศึกษาห้วยหวด และมีต้นมากหายากนาๆชนิดหลังจากเยี่ยมชมอุทยานแล้วก็ได้มายังพื้นที่ทำกิจกรรมวัดป่าโคกกลาง ต.จันทร์เพ็ญ อ.เต่างอย จ.สกลนคร บรรยากาศเต็มไปด้วยชาวบ้าน เด็กวัด เจ้าหน้าที่อุทยานมารอรับ และร่วมรับประทานอาหารที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ หลังจากที่เดินป่าได้เหงื่อมาเหนื่อยๆก็ได้ทานอาหารกลางวันแสนอร่อย ตอนบ่ายวันนี้ได้รับเมตตาจากพระอาจารย์มาให้ปฎิสันถารธรรมกับนิสิต และหัวหน้าหน่วยอุทยานได้มากล่าวตอนรับ พร้อมผู้นำชุมชนของหมู่บ้านโคกกลาง พิธีการเสร็จเราก็เริ่มลุยงานสร้างแนวป้องกันไฟป่า โดยแงสมาชิกค่ายรับผิดชอบอุปกรณ์ ได้แก่ มีด เพื่อใช้ถากถ่างฟันกิ่งไม้ จอบเพื่อถากยาตามแนวต้นเบี้ยมะขาม คลาดมือเสือใช้เก็บเศษวัชพืชต่างๆ ไม้กวาดใช้กวาดใบไม้ โดยมีเครื่องตัดหญ้านำหน้าเพื่อทำแนวเส้นกันไฟ ทุกคนต่างช่วยกันอย่างขะมักเขม้น สนุกสนาน และเหนื่อยมากๆเพราะต้องเดินขึ้นเขาระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร แต่พอตะวันบ่ายคล้อยก็เลยตกลงกันว่าจะทำให้ได้ครึ่งหนึ่งของเขาลูกนี้ และลงไปอาบน้ำพักผ่อนชำระร่างกาย กิจกรรมวันแรกนับได้ว่าเราทำได้เยอะมาก พอตกเย็นก็มีการร่วมรับประธานอาหารกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการพิจารณาอาหาร ทานเสร็จมานั่งล้อมวงถอดบทเรียน และเสนออุปสรรคในการทำงานพร้อมหาทางออกร่วมกัน และพูดถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆทั้งแมลง ความเหนื่อยเมื่อยล้า แต่ก็มีพนักงานเสริฟน้ำเย็นๆ และร้องเพลงนักกิจกรรม มาร์ชชาวดิน กลับมาหาความรัก แยกย้ายเข้าที่พักโดยผู้ชายนอนที่กุฎิไม้หลังเก่า ผู้หญิงนอนที่ศาลาโรงครัว เช้าวันใหม่เจ็ดโมงเช้าเรานัดร่วมตัว และมีกล่องความรู้สึกให้เขียนใส่ เวลาทานข้าวของแต่ล่ะมื้อก็จะอ่านให้ลูกค่ายฟัง ทั้งเรื่องตลก ขำขัน ความรู้สึก บอกรัก แอบชอบ แซวคนในค่าย หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จได้ลงงานแนวป้องกันไฟป่าต่อ ทำเรื่อยๆอีกครึ่งทาง เป็นเพราะความสามัคคีและไม่เครียดหรืออย่างไร ทำให้แนวป้องกันไฟป่าเสร็จก่อนกำหนดการที่บอกไว้ว่าวันที่ 2 ต้องสร้างแนวป้องกันไฟป่าทั้งวัน ลงเขามาทานข้าวเที่ยง และให้นอนพักผ่อน 1 ชั่วโมง บ่ายสองได้ส่งสัญญาณปลุกทุกคนลุกขึ้นมาทำกิจกรรมสันทนาการ แบบที่กรรมการค่ายไม่ได้ตระเตรียมกันมาก่อนตอนแรกก็ติดขัด แต่ก็ลื่นไหลไปด้วยดีเพราะสมาชิกค่ายทุกคนให้ความร่วมมือมีการจับฉลากบัดดี้ บัดเดอร์ และท่านรองอธิการบดี ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคามมาเยี่ยมและพบปะพูดคุยให้กำลังใจ พร้อมด้วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ พอเสร็จกิจกรรมเรามาเริ่มกิจกรรมบันเทิงเริงปัญญาใหม่ โดยแจกกระดาษโฟร์ชาร์ต แบ่งกลุ่มเขียนโดยไม่จำกัดรูปแบบการนำเสนอ ในหัวข้อป่าไม้บนวิถีชีวิตคนอีสาน แต่ละกลุ่มต่างโชว์ฝีไม้ลายมือทั้งแบบมีสาระและไม่มีสาระ แต่ก็ผสมผสานพูดคุยกันในกลุ่มอย่างสนุกสนานและลงตัว พร้อมออกมานำเสนอเปิดประเด็นข้อซักถามอย่างเป็นกันเอง แน่นอนเลยทีเดียวต้องมีคนที่มีสาระพูดจนเพื่อนทุกคนต้องเงียบตั้งใจฟัง และแบบตลกดปกฮา มีการตัดสินและให้เงินรางวัลเป็นขวัญและกำลังใจ และพักผ่อนเพื่อทานอาหารเย็น

กิจกรรมรอบกองไฟค่ำคืนนี้สมาชิกค่ายอาจจะเห็นเป็นรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนที่ไหนเขาทำกัน เพราะ เราจัดตามสถานการณ์และบริบทของพื้นที่ มีพิธีกรรมซู่ลู่จุดกองไฟ มีการแสดงตลกจากสตาฟค่าย การส่งไมค์บรรยายาความรู้สึกประทับใจ ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายของการอยู่ด้วยกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความรัก ความอบอุ่นและความคิดถึง และมีการเปิดโอกาสให้ลุกขึ้นเต้นฟ้อนรำ และจับมือกันร้องเพลงกำลังใจ พร้อมกล่าวความรู้สึกก่อนปิดกองไฟ และหัวหน้านำสวดมนต์ เข้าที่พัก แต่เพราะไม่ดึกมากก็เลยมาช่วยกันจัดของใส่บาตร บางกลุ่มก็นำเกมส์ มาล้อมวงศ์เล่น บางก็จับกลุ่มคุยกัน เช้าวันใหม่ได้นัดร่วมกันเจ็ดโมงเรียงแถวเพื่อทำบุญสร้างกุศลยามเช้าร่วมกับชาวบ้าน ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และเข้าไปร่วมถวายภัตตาหารเช้าที่ศาลา พระอาจารย์เทศนาธรรมให้โอวาทและขอบคุณนิสิตที่ได้มาร่วมกันสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม ซึ่งเป็นบุญกุศลที่จะพัฒนาตนเองอละติดตัวเราไปทุกภพชาติ พร้อมมอบน้ำมันสมุนไพรไว้เป็นที่ระลึกถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน หลังจากเสร็จศาสนกิจเรามาทานอาหารเช้า และส่งสมุกค่าย อ่านความรู้สึกวันนี้อ่านเยอะมากๆเป็นพิเศษ จากนั้นแบ่งกลุ่มทำความสะอาดที่พัก ล้างห้องน้ำ เก็บสัมภาระและทำพิธีปิดโดยการยืนล้อมวงร้องเพลงมีการเฉลยบัดดี้ บัดเดอร์ และอำลาอาลัยพ่อๆแม่ๆที่วัดต่างให้กำลังใจและให้พรมากมาย ขึ้นรถกลับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ระหว่างทางจอดพักรถบัดดี้ บัดเดอร์ก็ลงจากรถซื้อขนม ซื้อนม มอบให้กันและกันอย่างมีความสุข

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยนั้น เป็นการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนจุดหมายสูงสุดจริงๆแล้วคือการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ นำความรู้ที่ได้มาพัฒนาคนและสังคมต่อไป การเสียสละ การรับฟัง การยอมรับ ถึงแม้การทำงานจะต้องอาศัยทุนในการทำกิจกรรม อาศัยแรงคน อาศัยความรู้ และการสนับสนุนปัจจัยด้านต่างๆมากมาย แต่การมีใจที่คิดจะทำและลงมือทำถือเป็นการเรียนรู้ ทุกพื้นที่ ชุมชน มีแหล่งภูมิปัญญา ภูมิรู้ ภูมิธรรมให้ศึกษามากมาย การสร้างแนวป้องกันไฟป่า การปลูกป่า การศึกษาป่าไม้บนวิถีชีวิตของคนอีสาน คือ การบริหารจัดการ การเรียนรู้คู่บริการ การออกแรงกำลังกายกำลังใจ ถึงแม้ว่าความลำบากมากมาย แต่ความลำบากไม่ได้สอนให้เราท้อแท้อ่อนแอ แต่กลับทำให้เราเข้มแข็ง ให้เรารู้จักสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง พอเราสร้างกำลังใจให้กับตัวเองได้แล้ว จิตใจและกำลังกายจึงมีแต่ความแข็งแกร่งไม่แข็งกระด่าง อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ขอขอบคุณทุกท่านท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องครั้งนี้และผองเพื่อนที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขเสมอมา ขอบคุณพระอาจารย์สุพจน์ สุวโจ และสมาชิกทุกท่าน


หมายเลขบันทึก: 628939เขียนเมื่อ 29 พฤษภาคม 2017 13:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2017 13:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

-สวัสดีครับ

-เป็นกิจกรรมที่ดีมาก ๆครับ

-ผมชอบภาพบรรยากาศแบบนี้ครับ

-ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท