ความเขียวครึ้มในโรงเรียนกับการจัดวางแหล่งเรียนรู้และอาคารสถานที่..ใครมาเยี่ยมเยือนก็บอกว่าเหมือน"รีสอร์ท" ตอนแรกก็ไม่เชื่อ ต่อเมื่อต้นไม้โตขึ้น โตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะแข่งขันกันเจริญเติบโต ทำให้วันนี้มองดูเขียวไสวใบพุ่มสูงใหญ่โบกสะบัดใบ ไปทั่วบริเวณ..
ดินดีเพราะทำปุ๋ยหมักใช้เอง น้ำดีเพราะมีสระน้ำ..แค่นี้ก็คงพอที่จะให้เป็นโรงเรียนรีสอร์ทได้ไม่ยาก..ถ้าจะทำ..แต่ต้องคิดให้ดี..คิดใหญ่ทำใหญ่มักไปไม่รอด บริบทเท่านี้ต้องปล่อยให้เป็นธรรมชาติ เพียงแค่ไม่คิดทำลาย คน..ต้นไม้และใบหญ้า..จะเอื้ออาทรอย่างลึกซึ้ง..สร้างแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน
กว่าจะมีให้เห็นในวันนี้..มีก้าวแรกและช่วงเวลานับ ๑๐ ปี..พอมั่นคง มั่งคั่ง และเริ่มจะยั่งยืน มองอะไรก็สวยงาม..ไม่ต้องแต่งเติมเสริมต่อ..ไม่ต้องฟุ้งเฟ้ออลังการ..ไม่ต้องใช้งบประมาณ ก็สามารถทำงานเบิกบานใน"รีสอร์ท"ได้ทุกวัน เป็นที่พักทั้งกายและใจ ผ่อนคลายได้ตลอดเวลา ครูและนักเรียนได้พักและพัฒนาสมอง แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อทำให้เกิด.."สติและปัญญา" นี่คือ..คุณค่าที่ลงตัว..ในโรงเรียนขนาดเล็ก
อาคารเรียนที่เก่าดั้งเดิม..แต่สะอาด ๒๔ ชั่วโมง บดบังด้วยไม้ยืนต้น แบ่งปันโอโซนเข้าสู่ตัวอาคาร ความขรึมผสมกลมกลืนกับความเขียว..แทบจะหาไม่ได้แล้วในสถานศึกษาทั่วไป..
ปัจจุบัน..เป็นสมัยนิยมแห่งการตัดต้นไม้ ที่บดบังอาคารเรียนที่ใหญ่โตอลังการ เพื่อหวังแสดงผลงานที่สง่างามให้ชุมชนได้เห็นเด่นตาหรูหรา การพัฒนาวัตถุที่ต้องใช้เงินน่าจะไม่ต้องใช้เวลานานนัก..แต่คุณค่าทางจิตใจและสิ่งแวดล้อมต้องสั่งสม ผมคิดว่าต้องเร่งปลูกฝังความคิดและจิตสำนึกนี้..
ประเทศในอาเซียนอย่าง เวียดนาม สิงคโปร์และมาเลเซีย..เร่งปลูกต้นไม้ในใจเด็ก เอเชีย..เกาหลี ญี่ปุ่น..โหยหาธรรมชาติและระบบนิเวศน์..ประเทศไทยมองทางไหนโล่งเตียน ดังนั้นโรงเรียนในชุมชน ต้องเป็นต้นแบบให้ได้ตลอดไป..
โรงเรียนรีสอร์ท จะเอาหรูดูเพลินอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องใช้เป็นสื่อ เครื่องมือและนวัตกรรมเสริมต่อการเรียนรู้ ด้วยการให้ผู้เรียนปฏิบัติ ปลูกฝังการทำงานขั้นพื้นฐาน ทำงาน ช่วยเหลือกัน ช่วยกันแก้ปัญหาภาคสนาม เป็นฟาร์มเล็กๆ ก่อนที่พวกเขาจะไปสู่ฟาร์มใหญ่ในมัธยม..และบ่มเพาะเป็นอาชีพ ที่พร้อมสู่โรงงานชีวิตที่หลากหลาย..
น่าจะมีมากมายหลายคน..ที่คิดว่าโรงเรียน..ต้อง"คุณภาพ"และ "ผลสัมฤทธิ์์" ในสาระวิชาต่างๆเท่านั้น ถ้าเน้นสิ่งแวดล้อมนอกห้องเรียน หรืออย่างอื่นถือเป็นไม้ประดับ..ทำก็ได็ ไม่มีไม่เป็นไร..ผมคิดว่าเราอย่าปล่อยให้เด็กเติบโตอย่างเห็นแก่ตัวจะดีกว่า ให้เขาพัฒนาการเรียนรู้ ไปพร้อมๆกับการสร้างและซ่อมแซม..ให้สิ่งรอบตัวของเขาน่าอยู่ จึงจะถือว่าเป็นการบริหารจัดการ..เพื่ออนาคตเด็ก อนาคตชาติ ยังไงก็ไม่สายเกินไป..
ถึงเวลาแล้ว..ที่โรงเรียนรีสอร์ท จะต้องใช้ศาสตร์พระราชา..พัฒนากิจกรรมด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จะต้องเร่งบูรณาการสอนเพื่อทักษะการอ่าน การคิดการเขียนและการคำนวณ..ให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง..ให้เป็นเรื่องเดียวกันทั้งกาย ใจ สมอง(สติและปัญญา) นำมาซึ่งความรู้และคุณธรรม..ให้สมกับเป็น.."ห้องเรียนพอเพียง"
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐
โรงเรียนที่อำเภออมก๋อย โรงเรียนหนึ่ง มีสโลแกนของโรงเรียนว่า
"ทำโรงเรียนให้เป็นรีสอร์ท"