การพูดแนะนำตัว
เรียนท่านอาจารย์ที่เคารพและก็สวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนครับ ผมชื่อนายภาณุพงศ์ ธงศรี ชื่อเล่น ทิว เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖o อายุตอนนี้ ๑๙ ย่างเข้า ๒o สถานะภาพ โสด ผมมีน้องสาว ๑ คน ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ภูมิลำเนาเดิม เป็นคนบ้านยางขี้นก อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบร้องเพลงและเล่นดนตรีเป็นอย่างมาก หลายๆท่านที่ได้ฟังเสียงผม มักบอกว่าชอบในน้ำเสียงนะ แนวเพลงส่วนมากที่ผมร้องก็เป็นเพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิต(คนล่าฝัน) แต่เชื่อไหมว่าผมร้องเพลงสตริงเป็นนะ หลายที่ๆพอผมบอกผมร้องเพลงสตริง(ใจกลางความรู้สึกดี ดี) เป็นเขาจะขอฟังเลยนะ เพราะเขาไม่เชื่อ แต่ที่นี่คงไม่มีใครอยากฟังหรอกมั้งผมว่า
สำหรับดนตรีที่ผมชอบมากๆเลยคือ แคน เพราะเสียงที่เป่าออกมาเป็นสำเนียงที่เปรียบเสมือนน้ำที่ไหลไปอย่างนิ่มนวล
นอกจากเล่นดนตรีและร้องเพลงแล้ว ผมเป็นคนที่ชอบการฟังเทศนาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์สำคัญๆ ของไทยหลายองค์เป็นองค์เป็นอย่างมาก เช่น หลวงพ่อชา สุภัทโท หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ และอีกหลายองค์นะครับ ซึ่งผมก็อยากแนะนำเพื่อนๆให้ลองไปฟังกันดู
โดยปกติแนวทางการสอนของแต่ละองค์ละท่าน แตกต่างกันออกไปนะ ท่านหลวงพ่อชา ท่านจะเทศนาที่เราเข้าใจง่ายมีใช้การอุปมาโวหาร มีการใช้สาธกโวหาร และการตอบคำถามที่แหลมคมตราตรึงใจผู้คนเป็นอย่างมา
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน การเทศนาของท่านจะเปรียบเสมือนนักรบ ทุกคำพูดที่ท่านแสดงออกมาดุเดือด เหมือนหอกเหมือนดาบ ที่ฆ่าและหั่นกองกิเลสให้พินาศไป
สุดท้ายคือท่านพุทธทาสภิกขุ ลักษณะการเทศนาของท่านจะดูเป็นวิชาการอย่างมากมีการจัดลำดับหัวข้อความสำคัญเพื่อความสำคัญ จากเริ่มต้น ท่ามกลาง จนถึงที่สุด
หากเพื่อนๆคนไหนสนใจ ก็สามารถหาดูหาฟังได้ หลายช่องทางมากในปัจจุบันเลือกเอาตามจริตนิสัยของแต่ละคน
ในปัจจุบันผมกำลังศึกษาในสาขาวิชาภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผมดีใจมากนะครับ ที่ได้เข้ามาศึกษาในมหาลัยอันทรงคุณค่านี้นะครับ
รวมถึงคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์เป็นอีกสถานที่ ที่เบ้าหลอมวิชาเอกของผมให้เพิ่มพูน
ทั้งนี้ผมก็ต้องขอบคุณคณาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความรู้และความเมตตาทุกท่าน ที่ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ ก่อนที่จะออกไปเผชิญกับโลกภายนอก
อนาคตผมวางเอาไว้ ผมคิดว่าก็จะเรียนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากจบก็จะพยายามสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูตามที่มุ่งหวังไว้ในตอนแรก
การศึกษาสูงสุดที่ผมคิดในตอนนี้ ก็คงจะเป็นปริญญาเอก ซึ่งก็ไม่แน่นอนว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นใด แต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เหมือนคำคมชีวิตที่ติดใจตรึงจิตผมมาตลอดที่ว่า “ คนเราพักได้ แต่อย่าหยุด “
เรื่องต่างๆที่ผมเล่ามาข้างต้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางชีวิต พอสังเขปของตัวผมเอง ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์เราทุกคนนะครับ จะต้องต้องเคยผ่านทั้งสุขและทุกข์มาตลอดเวลา และแน่นอนอีกว่าคนทุกคนต้องเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่หากความผิดพลาดมันได้เกิดขึ้นแล้ว เราไม่สามารถห้ามอะไรมันได้ ก็คงต้องปล่อยมันไปเพราะเราได้ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว ในช่วงเวลาที่เราหวนนึกถึงมันจะเป็นช่วงเวลาที่ทรงคุณค่า ดังคำสอนของนักปราชญ์จีนที่กล่าวว่า “อย่ามองอดีต เพียงแค่ผ่านตา แต่ให้เรียนรู้ช่วงเวลาที่ผ่านไป ” ขอบคุณครับ
ไม่มีความเห็น