สวัสดีคะทุกท่านที่กำลังอ่านบอร์ดนี้อยู่ ดิฉันมีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหนังสือที่มีความหมายประวัติศาสตร์ที่หน้าอ่านมาก ดิฉันจึงอยากมาเล่าต่อให้ผู้อ่านได้เป็นความรู้เล็กๆน้อยๆคะ
# เปิดบ้านอ่านเมืองปฐมนคร
" ครั้นถึงวัดพระประถมบรมมาธาตุ
สูงทายาทอยู่สันโดษบนโขดเขิ
แลทะมึนทึนเทิงดังเชิงเทิน
เป็นโขดสูงเสริมเขาเพิ่มพูน
สาธุสะพระประธมบรมธาตุ
จงทรงศาสนาอยู่อย่ารู้สูญ
ข้าทำบุญคุณพระช่วยอนุกุล
ให้เพิ่มพูนสมประโยชน์โพธิญาน "
นครรัฐแห่งทวารวดี
<img src="//cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/217/895/large_IMG_1131.JPG" "="">
พุทธศักราช 300
พระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระโสณะและพระอตระเป็นสมณทูตมาเผยแผ่พุทธศาสนา ณ " ปฐมนคร" นครแรกแห่งการสถิตสถาพรพระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ
พุทธศักราช 350
สร้างพระธมเจดีย์เป็นศิลปะรูปทรงสาญจิเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สู่... กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
พุทธศักราช 1800
พุทธศักราช 1897
ผู้คนอพยพย้ายบ้านร่วมสร้างศรีอยุธยาเมืองใหม่ ด้วยมุ่งมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีการย้ายพระใหญ่ไปบูชา สร้างวัดพระยากง ณ บ้านโคกยายหอม
ประวัติศาสตร์สะดุดหยุดลงใน นครปฐม... เมืองเก่าร้างล่มจมอยู่ในป่า
พุทธศักราช 2105
นครไชยศรีกลายเป็นหัวเมืองจัตวาของอยุธยา
แล้วแสงทองก็เรืองรอง... อีกครา
พลิกฟื้นพระพุทธศาสนา
พุทธศักราช 2374
เมื่อครั้งที่ส่งผนวช ระหว่าง การธรรมจาริล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ได้พบพระเจดีย์องค์ใหญ่องค์หนึ่งตั้งอยู่กลางป่าลึก
งั้นเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงได้โปรดฯ ให้บูรณะ " องค์พระผงเจดีย์ " ขึ้นใหม่โดยสร้างครอบองค์เดิมไว้
ทั้งให้สร้าง " พระราชวังปฐมนคร " ขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับในยามเสด็จมาสักการะ
นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นพระพุทธศาสนาให้สาดแสงทองผ่องอำไพในปฐมนครอีกครั้ง
พุทธศักราช 2377
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มานมัสการ พระพุทธไสยาสน์ และทรงประพันธ์ " นิราศพระประธม "
พุทธศักราช 2385
สุนทรภู่ ประพันธ์ " นิราศพระประธม " ระหว่างเดินทางไปนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์
พุทธศักราช 2396
รัชกาลที่ 4 โปรดให้บูรณะสถาปนามหาเจดีย์ครอบองค์พระเจดีย์ องค์เดิม...ทั้งยังโปรดให้ขุด " คลองเจดีย์บูชา " จากท้ายบ้านท่านาไปถึงพระปฐมเจดีย์เพื่อให้เป็นเส้นทางคมนาคม
แผนที่เส้นทางน้ำจากพระนครถึงพระปฐมเจดีย์
พุทธศักราช 2396
พระราชวังปฐมนคร
อาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรปและจีนที่ผสมผสานกันอย่างวิจิตร
มีทั้งที่ประทับหลังใหญ่ หลังเลิก ท้องพระโรง พลับพลา เพิงพล โรงละคร โรงช้า และ โรงม้า
ปัจจุบันวังโบราณแห่งนี้สูญหายไปจากแผนที่นครปฐมแล้ว เหลือเพียงเศษซากที่จมปรัก เป็นประจักษพยานว่า...กาลครั้งหนึ่ง ยังมีพระเจ้ากรุงสยามพระองค์หนึ่งซึ่งศรัทธามั่นอมรในบวรพระพุทธศาสนา...
เรือค้าขายในคลองเจดีย์บูชา
พุทธศักราช 2398
ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ขุด " คลองลัด " ตัดตรงจากนครไชยศรีถึงองค์พระปฐมเจดีย์ ความยาว18 กิโลเมตร ปากคลองอยู่ที่ " ตลาดต้นสน " บ้านท่านา ปลายคลองอยู่ที่ชุมชนชาวจีน " กั๋งบ้วย " ซึ่ง หมายถึง " ปลายคลอง " ราช
คลองประวัติศาสตร์แห่งนี้ มีชื่อว่า " เจดีย์บูชา " จุดมุ่งหมายหลัก คือการใช้เป็นเส้นทางคมนาคม การค้า เดินทางไปสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งในขณะนั้นมีเพียง ทางช้าง ทางเกวียน และทางเท้า
<img src="//cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/217/900/large_IMG_1137.JPG" "="">
พุทธศักราช 2438
เมืองนครไชยศรี สุพรรณบุรี และ สมุทรสาคร ได้ถูกรวมเข้าด้วยกัน จัดตั้งเป็น " มณฑลนครไชยศรี " ศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลท่านา อำเภอนครไชยศรีในปัจจุบัน
ต่อมาได้มีการย้ายศูนย์กลางมาอยู่ที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ มีการจัดวางผังเมืองใหม่สร้าง " ตาราง " ไว้ใกล้ๆ องค์พระปฐมเจดีย์ พระพุทธเกษตรานุรักษ์ พระทำมะรงคุม " คนโทษ " สร้างเมือง
ริมแม่น้ำหน้าที่ว่าการมณฑลนครไชยศรี
พุทธศักราช 2441
มณฑลนครไชยศรีถูกย้ายจากบ้านท่านา ไปที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ มีการจัดวางผังเมืองนครปฐม สร้างเมืองใหม่ทั้งเมือง สร้าง " คุก " ไว้ใกล้พระปฐมเจดีย์และได้ย้ายวัตถุโบราณไว้ที่ระเบียงคด องค์พระปฐมเจดีย์
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
"...ถ้าจะทำอนุเสาวรีย์ในการสร้างเมืองนครปฐม
ข้าพเจ้าเห็นว่าควรทำเป็นรูปนักโทษเพราะสร้างเมือง
นครปฐมสำเร็จได้ด้วยแรงงานนักโทษ..."
พระพุทธเกษตรานุรักษ์ พระทำมะรงคุม " นักโทษ " เมืองสุพรรณ สมุทรสาคร และเมืองนครไชยศรี มาเป็น " แรงงาน " สร้างเมือง
พุทธศักราช 2450
ป่า...กลายเป็นบ้าน
ด้วยกำลังแรงงานของ " คนโทษ " ป่าจึงกลายเป็น " บ้าน " และ " เมือง " อย่างรวดเร็ว
ผู้คนอพยพเข้ามาอยู่อย่างหนาตาลูกเด็กเล็กแดงวิ่งเล่นตามประสา
พระพุทธเกษตรานุรักษ์ จึงสร้าง " ห้องเรียน " ไว้หน้าเรือนจำ ให้เด็กๆ ได้มีการศึกษาต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า " โรงเรียนวิชาชำนะโฉด " อันหมายถึง " ความรู้ ชนะ ความโง่เขลา " จวบจนสองปีผ่าน รัฐบาลจึงรับเข้าเป็นโรงเรียนหลวงและย้ายไปตั้งในสถานที่ใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็น " โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย " รับเฉพาะนักเรียนชายมาแต่คราวนั้น
โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
พุทธศักราช 2450
พระราชวังสนามจันทร์
ที่ประทับส่วนพระองค์ในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ยามแปร พระราชฐานมานมัสการ องค์พระปฐมเจดีย์ บนเนื้อที่โล่งกว่า 800 ไร่ ประกอบด้วย อาคารน้อยใหญ่ ทั้งพระที่นั่ง พระตำหนัก ศาลา และเทวาลัย สวยงามตระการตา...ด้วยสถาปัตยกรรมตะวันตกที่ดัดแปลงให้เข้ากับเมืองร้อน
ตอกย้ำความหวาน...ด้วยการสลักเสลา ลวดลายไม้ฉลุ สนามจันทร์งานล้น...จนเกินพรรณนา
พุทธศักราช 2452
เส้นทางรถไฟ " ตัด " ผ่านนครปฐมมุ่งหน้าหัวเมืองภาคใต้
พุทธศักราช 2457
สร้าง "โรงเรียนราชินีบูรณะ " เป็นโรงเรียนสตรีประจำมณฑล
พุทธศักราช 2461
สะพานเจริญศรัทธา สะพานข้ามคลองเจดีย์บูชา แต่เดิมเป็นเพียงสะพานไม้ต่อมาล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ออกแบบและสร้างใหม่เป็น " สะพานคอนกรีต " ประดับด้วยรูปปั้นยักษ์เชื่อมเส้นทางจากสถานีรถไฟ มายังองค์พระปฐมเจดีย์ ชาวบ้านเรียกันว่า
" สะพานยักษ์ " ชวนให้สะกิดใจนักว่า... แม้เหล่ายักษ์ มาร และ อมนุษย์ ท้ายที่สุดแล้วก็ยังพ่ายแพ้ต่อ " ธรรมะ " และ " ความดี "
พุทธศักราช 2464
ข้าวหลาม อาหารพื้นถิ่นทางลาวโซ่งบางเลน...ถูกนำมาค้าขาย ณ. ชุมชนวัดพระราม เป็น " เสบียงกรัง " ที่เติบโตมาพร้อมกับขบวนรถไฟ
พุทธศักราช 2557
เรือนจำกลางย้ายไปอยู่ ตำบลวังตะกู เนื่องจากสถานที่เดิมคับแคบ
พุทธศักราช 2558
ชาวนครปฐมร่วมคัดค้านการย้ายโบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ไปอยู่ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี
<img src="//cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/217/910/large_IMG_1145.JPG" "="">
<img src="//cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/217/919/large_IMG_1150.JPG" "="">
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจนะคะ ขอบคุณคะ
ขอบคุณแหล่งที่มา : คณะผู้ประสานงานอุทยานทวารวดี
ไม่มีความเห็น