ผ่าตัดสมองครั้งที่ 5 ...ทำให้เราจากลานิรันดร์กาล...#คนบนฟ้า (ครูต๋อม ผู้ป่วยมะเร็ง)


ไม่เคยคาดคิดว่า เราจะจากกันได้กระทันหันแบบนี้...ก่อนที่จะเข้านอนโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเราพากันเดินเที่ยว shopping กัน ซื้อเสื้อผ้า ซื้อของมากมาย อยากกินอะไรก็กิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อ...และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ กทม.ตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.2559 จนถึง 18 เม.ย.2559 เป็นช่วงที่ฉันจะจดจำไว้ตลอดไป...หมอนัด แอดมิดเพื่อเข้าผ่าตัด ช่วงเวลานั้น เรามีความสุขมากๆ แม้รู้ว่าอีกไม่กี่วันเธอจะเข้าผ่าตัดสมอง แต่จากการเรียนรู้การผ่าตัดสมอง 4 ครั้งที่ผ่านมา เธอก็ปลอดภัยและฟื้นตัวอย่างเร็ว มันทำให้เราไม่อยากคิดในแง่ลบ และให้กำลังใจกันว่าทุกอย่างจะดีเหมือนทุกครั้ง....

วันที่ 18 เม.ย.2559

เธอแอดมิดเข้า รพ.เพื่อรอการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราพูดคุยกัน แม้เธอจะเปลี่ยนเสื้อป้าและนอนบนเตียง แต่หน้าตาและคำพูดของเธอไม่ได้บอกถึงความกังวลใจใดๆ ฉันก็พลอยคลายความกังวลใจไปด้วย ฉันซื้อหนังสือนิตยสาร นิยายต่างๆมาอ่านข้างๆเตียง เธอก็หลับบ้างตื่นบ้าง แต่มันแปลกกว่าทุกครั้ง วันนั้นเธอชอบเอามือมาจับแก้ม ลุบผมเราตลอดเลย เพราะปกติเธอไม่ค่อยแสดงออกแบบนี้ในที่สาธารณะสักเท่าไหร่ แต่เราก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก ก็คงเป็นปกติของสามี ภรรยาที่ย่อมแสดงสิ่งเหล่านี้ได้ พอตอนเย็นฉันต้องเดินทางกลับที่พักซึ่งเช่าโรงแรมไว้ไม่ไกลจาก รพ.มากนัก เพื่อสะดวกในการเดินทาง ช่วงที่เธอผ่าตัดและพักฟื้น เพราะปกติ 4 ครั้งที่ผ่า เราพักไกลมาก ฉันไม่เคยมาทันตอนเธอเข้าห้องผ่าตัด....และในเย็นวันนั้นมีฐาติมาเยี่ยม เราจึงถ่ายภาพหมู่ 3 คน ไม่คิดเลยว่า ...นั้นคือภาพสุดท้ายที่เราได้ถ่ายด้วยกัน

วันที่ 19 เม.ย.2559

ฉันเดินทางถึง รพ.ก่อน 09.00 น. ตามที่หมอนัด เราพูดคุยกันบ้างไม่มาก แต่เท่าที่จำได้ เราสองคนไม่ได้แสดงท่าทีกังวล แม้ว่าในใจอาจจะรู้สึกบ้าง ก่อนจะย้ายไปห้องผ่าตัด หมอมาพูดคุยหลายแผนก และบอกให้ครุต่อมเข้าห้องน้ำก่อน ฉันจะพาเธอเธอไป แต่เธอบอกว่าไม่เป็นไรเดินไปเองได้ ฉันยังจำได้ดี แขนอีกข้างเธอยกกระปุกน้ำเกลือเดินไปตามร่องทางเดินเข้าห้องน้ำไป ตอนนี่เธอนอนลงบนเตียง ฉันก็หอบข้าวของเดินตามไปยังห้องผ่าตัด ประโยคสุดท้ายที่ได้พูดกับเธอคือ "สู้ๆนะพ่อ รีบฟื้นมานะลุกๆรออยู่" ...เธอยิ้มรับคำแต่ไม่ได้พูดอะไร มื่อที่จับกันค่อยๆปล่อยออกก่อนที่หมอจะเข็นเตียงเข้าห้องผ่าตัดไป...

บ่ายวันนั้น มีน้องที่รู้จักกันมานั่งพูดคุยเป็นเพื่อน รวมๆ 5-6 ชม. ที่เธอเข้าห้องไป ฉันไม่เคยเอะใจเลยสักนิด 4 ครั้งที่ผ่านมาตอนเธอเข้าห้องผ่าฉันอ่านหนังสือธรรมะ สวดมนต์ในใจ และรอบนี้ ฉันกลับไม่ได้ทำเหมือนเคย ฉันแปลกใจตรงที่ปกติเธอออกจากห้องผ่าเราจะมองเห็นและได้วิ่งเข้าไปจับมือเธอก่อนจะพาไปห้อง ICU และเธอก็จะตอบสนองทุกครั้ง ซึ่งฉันจะกระซิบที่หูบอกว่าต๋อมปลอดภัยแล้วนะ สู้นะ เธอจะบีบมือเบาๆ กลับทำให้เรารับรู้ว่าเธอได้ยินและตอบรับฉัน แต่ครั้งนี้เราไม่ได้เห็น ...

สักพัก เบอร์โทรมือถือโทรเข้ามา..เป็นเบอร์ส่วนตัวคุณหมอ ซึ่งส่วนใหญ่หมอใช่เบอร์ 02 โทรมาเสียงเรียกเข้าในวันนั้นฉันยังจดจำได้ทุกวันนี้ ได้ยินเสียงนั้นทีไรหัวใจมันหวิวมาก ..หลังจากรับสายหมอบอกว่า ตอนนี้ปลุกคนไข้ยังไงก็ไม่ตื่น ...ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ถูกเลย สมองมันอื้ออึง คิดอะไรไม่ออก ยืนนิ่งเหมือนถูกสะกด น้องที่อยู่ด้วยสะกิดให้ตั้งสมาธิและเดินไปเป็นเพื่อน พอได้พูดคุยกับหมอ เราถามทันทีว่าเกิดขึ้นได้ไง เกิดอะไรขึ้น...หมอซึ่งเป็นหมอฝึกหัดก็ตอบเราแบบตกใจและมีความกังวล ....ปกติหลังผ่าคนไข้จะต้องฟื้นภายใน 2 ชม. แต่นี้ไม่รู้สึกตัวทั้งที่หมอบอกตลอดการผ่าตัด ความดัน ชีพจร ทุกอย่างปกติ แต่มาเกิดความดันสูงมากตอนหลังผ่า เป็นผลให้สมองบวม และเลือดไม่สามารถวิ่งผ่านไปเลี้ยงสมองได้ ทำให้สมองขาดเลือด บอกเลยว่าเราตกใจและสั้่นมาก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ถามหมอทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ทำอะไรได้บ้าง แก้ไขอะไรได้บ้าง...หมอบอกว่าถ้าผ่าตัดก็เสี่ยงเพราะคนไข้ความดันต่ำมาก...สรุปผ่าไม่ได้

อยากร้องไห้ ทำไมเวลาแค่ 5-6 ชม.ที่ไม่เจอกัน ชีวิตมันเปลี่ยนไปเลย ไม่เชื่อเลยจริงๆ ฉันได้แต่ยืนน้ำตาไหล เมื่อเดินไปขอบเตียงจับมือเธอ ไว้เหมือนเคย เธอไม่ตอบสนองเลย "ต๋อม ได้ยินเสียงแม่ไหม ต๋อมต้องฟื้นนะ ต้อมต้องกลับมา..." ไม่รู้กี่ร้อยคำพูดที่ออกไป แต่ไม่รู้เธอรับรู้ไหม ความรู้สึกจุกที่หน้าอกลำคอ คิดอะไรไม่ออก..ตัดสินใจโทรหาครอบครัวของเธอ น้องชายและพ่อของเธอ ทุกคนตกใจมาก...ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งโลกมันหยุดหมุน เหมือนโลกทั้งโลกมีฉันคนเดียวที่ยืนอยู่ด้วยความเหน็บหนาวและหวาดกลัว...เธอจากฉันไปแล้วจริงๆเหรอ...ได้แต่ร้องไห้....บอกได้เลยไม่เคยคิดว่าจะเสียใจอะไรมากขนาดนี้ในชีวิต....แค่ไม่ถึงครึ่งวัน ชีวิตเราได้เปลี่ยนไปแล้ว...เราได้จากกันโดยไม่ได้ร่ำลาเลยเหรอ....ถึงวันนี้ วันเวลาผ่านมาจะครบปีแล้ว ฉันก็ยังจดจำเรื่องราวในวันนั้นไม่มีลืม...."คิดถึงนะคนบนฟ้า คิดถึงครูต๋อม" เธอคงเหน็ดเหนื่อยมานานแล้ว ก็ส่งให้เธอสู่สรวงสวรรค์ ให้เธอสู่ภาพภูมิที่ดี ...วันนี้ที่นำเรื่องราวมาเล่าให้ใครฟังก็เพื่อเป็นข้อคิดในการดูแลความรักของคนอื่นๆ และเพื่อจะได้ระลึกถึงเธอ...ตลอดไป


หมายเลขบันทึก: 627325เขียนเมื่อ 9 เมษายน 2017 15:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน 2017 17:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ขอบคุณ คุณแสงแห่งความดีมากๆนะคะ

สู้สู้นะคะคุณน้า

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

สู้ๆครับ

มีอะไรพอช่วยได้ยินดีครับ

ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะคะ

สวัสดีคะคุณครูพิกุล มีเรื่องอยากรบกวน อยากคุยกับคุณครูมากเลยคะ เพราะตอนนี้ทุกข์มากสามีเป็นมะเร็งสมองเหมือนกันคะ

มาอ่านให้กำลังใจนะคะ เขียนจากใจทำให้เข้าใจความรู้สึกได้ดี เป็นบทเรียนการใช้ชีวิตทุกขณะจิตค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท