ถนนสายประ (กระนั้นหรือ)


เห็นใครต่อใครไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองนอกแล้วนึกอิจฉาอยู่ลึกๆ

"มันสวย"

แต่จะว่าไป อันที่จริงแถบบ้านผมในสายใต้ก็มีใบไม้เปลี่ยนสีนะครับ ถ้าไม่นับรวมย่านดาโอ๊ะที่มันมีสีทองแดงอยู่ทั้งปีทั้งชาติ ก็คงจะมี "หูกวาง" ที่ทยอยเปลี่ยนใบเป็นสีแดงแล้วร่วงหล่นมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ผมเห็นหูกวางแดงฉ่ำประทับใจที่สุดก็ที่ "The Library Resort" ณ หาดเฉวง เกาะสมุย รีสอร์ทที่มีสระน้ำสีแดงฉานที่ครอบครัวเราได้ไปนอนเล่นเมื่อปีที่แล้วนั่นไง

อีกพวกหนึ่งก็กลุ่มเสลาและตะแบก ที่ใบจะเปลี่ยนเป็นสีทองแดงสะท้อนแสงสวยๆในช่วงเวลาสั้น แล้วเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างรวดเร็ว มันเกิดข่วงๆนี้แหละครับ คอยจับตาดู

อีกต้นหนึ่งที่ผมหลงใหลมันมากๆก็คือ "ต้นประ"

ผมรู้จักลูกประ กินลูกประ มาตั้งแต่เด็ก มีทั้งประคั่ว ประดองเค็ม ประดองเปรี้ยว ประดองคู่กับสะตอ กินมาหมดแล้ว

กินแต่ลูกโดยไม่เคยรู้จักต้นแม่มัน รู้เพียงแต่คำบอกเล่า ว่าต้นประมีใบ ๓ สี ไล่ไปตั้งแต่เขียวเข้ม เหลือง และจบที่น้ำตาลแดง

ตอนเป็นแพทย์ใช้ทุน เคยฟังบรรยายจากพี่หมอรังสิต เจ้าของสวนฝากฟ้าเกี่ยวกับดงต้นประที่มีมากแถวๆอำเภอนบพิตำ กิ่งอำเภอพระพรหม (ในตอนนั้น) ว่ามันเป็นแหล่งของต้นประ เวลามันเปลี่ยนสีใบนั้น มันจะทำให้เขาทั้งลูกเป็นสีแดงส้ม แซมด้วยสีเหลืองและสีเขียว สวยงามประหนึ่งใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองนอก

แต่กระนั้นผมก็ไม่เคยเห็นและนึกไม่ออก กระทั่งวันนี้

ผมมีกิจธุระที่จะต้องเดินทางไปทุ่งสง "เพื่อนผมได้แต่งงาน"

และเนื่องจากช่วงนี้คุณชายวิช เจ้า ๔ ล้อที่ควบมาตั้งแต่น้องจ้าเกิด มีอาการป่วยเล็กน้อย ผมจึงขออาศัยติดรถของเพื่อนเพื่อไปด้วยกัน

การเป็นผู้โดยสารนี่ดีนะครับ ถ้าเราไม่มัวแต่ก้มหน้าเช็คไลน์ หรือวูบหลับในทันใด เราก็จะได้พบกับสรรพสิ่งข้างทางรวมถึงเรื่องเล่าต่างๆจากเพื่อนๆที่นั่งมาด้วยกัน และนั่นก็เป็นโอกาสชมต้นไม้ข้างทางของผมเช่นเดียวกัน

สมองผมวาดเส้นทางไว้เรียบร้อย ว่าเราจะเดินทางไปในถนนสายหลักจนถึง ๔ แยกทุ่งสง จากนั้นเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าเข้าหาจังหวัดตรัง แล้วขับต่อไปจนถึงทางแยกเข้าอำเภอบางขัน เลี้ยวขวาเข้าไปไม่นานก็ถึงบ้านที่จัดงาน

นี่คือแผนที่ที่ถูกส่งมาทางไลน์

แต่ครั้นเมื่อเราเดินทางเข้าเขตชะอวดได้ไม่นาน สารถีถามผมว่า อยากนั่งรถชมวิวสวยๆ ขึ้นลงเขา และร่นระยะทางลงสักนิดดีไหม ถามมาอย่างนี้ มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ

ป้ายบอกทางหลวงระบุว่า ทางแยกด้านหน้า หากเลี้ยวซ้ายจะเป็นเส้นทางวิ่งไปบางขัน และนี่คือทางเส้นนั้น

หมายเลขถนนบอกว่า เรากำลังอยู่บนเส้น 4151

มันเป็นถนนสายชนบทที่ลาดยางอย่างดี มีรถไม่มากนัก เส้นทางคดเคี้ยว

สองสาวด้านหลังเริ่มบ่น เพราะรถโคลงไปโคลงมาตามการเลี้ยวของเส้นทาง

ขับมาได้สักระยะก็เริ่มเข้าเขตการขึ้นเขา ผมเดาว่าถนนคดเคี้ยวขึ้นๆลงๆที่จะได้เจอนับจากนี้ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขานครศรีธรรมราช ที่ต่อเนื่องมาจากสมุย เข้านครศรีธรรมราช มาจนถึงเขาปู่เขาย่า เขาพับผ้า และจมลงทะเลจนไปโผล่อีกทีที่เกาะตะรุเตาเป็นที่สุดท้าย

(โปรดพิจารณา นี่เป็นความเข้าใจส่วนตัวล้วนๆนะครับ อาศัยที่อ่านหนังสือมาตั้งแต่หนุ่มๆ มันคุ้นๆ ย้ำนะครับ เป็นความเข้าใจส่วนตัว)

และจากตรงนี้ไปนี่แหละครับที่เป็นไฮไล้ท์ของการเดินทาง มันมีความชันและคดเคี้ยวเป็นรองเขาพับผ้าเล็กน้อย หลายช่วงหลายตอนเป็นทางโค้งหักศอก ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง แต่จะไปแคร์อะไรในเมื่อผมเป็นผู้สังเกตทิวทัศน์ มิใช่คนขับ

กลุ่มเขาลูกแล้วลูกเล่าปรากฏในระดับสายตา ใกล้บ้าง ไกลบ้าง สดชื่นหัวใจเหลือเกิน

แล้วผมก็สะดุดกับกลุ่มต้นไม้ที่แตกต่าง มันมีใบหลากสี เขียว เหลือง และทองแดง มันขึ้นอยู่บนเขาเป็นกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจาย ฉับพลันทันใด ผมก็คิดถึงมันขึ้นมา "ประ" ต้นไม้ในตำนานที่อยากเห็นมานานนัก

จะพูดกันตรงๆ ผมไม่เคยเห็นต้นประ แต่พื้นที่นี้อยู่ในแถบเทือกเขานครศรีธรรมราช มันมีลักษณะเหมือนรูปภาพที่เคยฉายส่องผ่านเครื่องฉายสไลด์ที่ส่งเสียงครืดคราดทุกทีที่ถาดเลื่อนเดินหน้าหรือถอยหลัง ผมเคยเห็นมันผ่านหลอดไฟกำลังสูงที่ส่องไปบนกระดานสีขาวที่สวนฝากฟ้า สวนที่ผมกับจิ๋มเคยไปกางเต้นท์นอนอยู่ริมหาดทรายข้างลำธารที่ไหลเอื่อย

"ใช่แน่ มันต้องเป็นต้นประ" ผมอุทานออกมา และทันทีที่ได้เสียงผม เจ้าของรถจึงคลายเท้าออกจากแป้นคันเร่ง และชะลอให้ผมได้ดูต้นไม้เหล่านั้นได้ถนัดตา

ผมตื่นเต้นมาก ทั้งๆที่รู้ว่าอาจจะรู้ผิด แต่จะทำไม ในเมื่อตอนนี้ถึงแม้มันจะไม่ใช่ประ แต่มันก็สวยเสียเหลือเกิน

ผมมีความสุขมากครับ

หากจะไม่ต้องไปดูใบไม้เปลี่ยนสีท่ีญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ หรือยุโรป ผมว่าถนนสาย 4151 ก็น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่ง (นี่ยังไม่รวมเส้นเข้านบพิตำและพระพรหม ที่เขาว่ามีต้นประเต็มไปทั้งภูเขา)

รถวิ่งต่อมาจนถึงจุดที่ถนนสายนี้ออกมาตัดกับเส้นหลัก ทุ่งสง-ตรัง บริเวณนี้เขาเรียกว่า "กะปาง"

จะว่าไป คนมีความสุขอาจจะมีเพียง ๒ คน คือผมและเพื่อนคนขับ

จะสงสารก็แต่ ๒ สาวด้านหลัง ที่กำลังค้นหาถุงพลาสติก เพื่อเตรียมตัวอ๊วก

หากพวกเธอไม่ได้กำลังเมารถ ก็คงจะเป็นเพราะท้องอืดรุนแรงจากการกินลมเข้าท้องอย่างมากมายขณะนินทาเพื่อนฝูงอย่างออกอรรถรสตลอดการเดินทางนั่นเอง

ธนพันธ์ ชูบุญหลงรักต้นประและเตรียมตัวหาต้นพันธุ์ไปปลูกในสวนเอาไว้ชมยามแก่

บันทึกไว้ ๖ มีนาคม ๒๕๖๐


คำสำคัญ (Tags): #ประ#ต้นประ
หมายเลขบันทึก: 625350เขียนเมื่อ 7 มีนาคม 2017 00:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มีนาคม 2017 00:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ผมก็ไม่เคยเห็นต้นประจริงๆ เหมือนกันครับ แต่ชอบกินลูกประมาก ตอนเด็กๆ สมัยอยู่ชุมพรนี่นั่งกินลูกประได้เป็นกิโลเลยครับ โดยเฉพาะลูกประคั่วนี่อร่อยเกินจะบรรยาย

แต่หาดใหญ่ดูเหมือนจะหากินยาก ผมไม่เคยเจอว่ามีขายที่หาดใหญ่เลยครับ

อันที่จริงจะว่าไปก็หากินไม่ยากมากหรอกครับ

เพียงบ่นใน facebook ไม่นานผมก็จะได้กินทันที ๕๕๕

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท