การสื่อสารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ : ประสบการณ์ @ ชายขอบ
หลายที่ หลายองค์กรพูดถึง การสื่อสารที่ไม่ใช่สักแต่ว่าสื่อสาร แต่เป็นการสื่อสารเพื่อสร้าง "การเปลี่ยนแปลง"
แต่สำหรับผมแล้ว ชอบที่จะใช้คำว่า การสื่อสารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ มากกว่า
เพราะคำว่า "สร้างการเปลี่ยนแปลง" นั้น แม้จะดูเข้าที เหมือนมุ่งผลที่เป็นรูปธรรม แต่มักทำให้เรางมงายอยู่กับเป้าหมายปลายอุโมงค์
คือ ทำยังไงก็ได้ให้เกิด "การเปลี่ยนแปลง" เช่น สื่อสารแบบบังคับข่มขู่ ทำให้กลัวจนต้องเปลี่ยนแปลง สื่อสารแบบทำให้คลั่งไคล้ไหลหลงจนเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามืดตามัว สื่อสารแบบเรียกน้ำตา ขอคะแนนสงสารจนคนคล้อยใจคล้อยกายให้ยอมตาม
การสื่อสารแบบนั้นไม่ใช่วิถีที่สร้างสรรค์ บ่อยครั้งนำมาซึ่งการต่อต้าน ก็ใครบ้างจะอยากให้คนอื่นมาบอกให้ตัวเองต้องเปลี่ยนแปลง และถ้าเขาไม่ยอมเปลี่ยน ก็นำมาซึ่งปมความขัดแย้งอื่นๆตามมาสารพัด ทั้งต่อผู้อื่นและตัวเรา
ยิ่งอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงเท่าไร อัตตาตัวตนยิ่งบ่มเพาะ การทะเลาะโต้เถียงก็ตามมา ยิ่งกดดัน ยิ่งต่อต้าน แม้ไม่ต่อต้านตรงๆ ก็เป็นการต่อต้านเงียบ ที่อาจจะรุนแรงได้ไม่แพ้กัน
ผมเชื่อมั่นในวิจารณญาณของผู้ชมผู้ฟังว่า เขาควรมีอำนาจในการกำหนดความคิดตนเองได้ ผมจึงยืนหยัดใช้คำว่า "สื่อสร้างสรรค์" มากกว่าสื่อที่จะไปกำหนดสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย
หากจะมีการเติมการสื่ออย่างมีเป้าหมายลงไป ก็ขอใช้คำว่า สื่อเพื่อสร้างแรงจูงใจ หรือ แรงบันดาลใจ มากกว่า
การสื่อสารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจนั้น แรกทีเดียว เราคงต้องมองเห็นความคิดที่ครอบงำตัวเราเองก่อน ปลดปล่อยให้ความคิดที่อยากจะควบคุม กำหนด บงการคนอื่นออกไปก่อน ซึ่งทำได้ด้วยการกำหนดจิต เจริญสติ ภาวนา การกำหนดจิตให้เป็นกุศลนี้จะช่วยให้อำนาจครอบงำในกระแสจิตเชิงลบเหล่านั้น เจือจางลง จึงจะเริ่มต้นนับหนึ่งของการสื่อสารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจได้
พลังจากกระแสจิตเป็นต้นทุนสำคัญที่สุด ที่นักสื่อสารทั่วไปมองข้าม แต่เราพัฒนามันได้ครับ
ไม่มีความเห็น